"คล้ายหนึ่งความฝัน คืนวันนั้นช่างเหลือเชื่อ" เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นวานนี้ ผมเซทไว้สำหรับนิจ จะเป็นเพลง เธอคือใคร(ทวิภพ 2554)
"นิจว่าไง"
"เธอยุ่งอยุ่ไหม หมิวได้ทีเรียนเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" เสียงนิจถามมา
"เรียบร้อยแล้ว ก็คงเรียนนิเทศ ม บูแหละเขากำลังเห่อ เดี่ยวมิถุนาก็ เปิดแล้ว"
"อืมมมมมมมมมมม ฉันมีเรื่องปรึกษาหน่อย เจ้าลูกชายฉันคะแนนเรียนแย่ ไม่ได้เรียนต่อ ม ปลาย เขาคัดออก ฉันก็พยายามฝาก กับ ทาง ผู้บริหาร รร ก็ ไม่สำเร็จเขาคัด
ชื่อออกเลย นี่เขายังไม่รู้ เลย นะ " นิจ เล่า
"ไอ้หมู มันว่าไง" ผมถามถึงอดีตสามีนิจ ที่เป็นพ่อของลูก
"ยังไม่รู้ นอกจากฉันแล้วคนที่รู้ ก็คือ เธอนี่แหละ ฉัน เลยมาปรึกษาว่าพอจะ หาทางเข้าอัสสัมได้ไหมไม่อยากให้อยู่ประจำ"
"แบบนี้ต้อง มาคุยกันที่ รร ต้องมานั่งคุยกับอธิการ นะ "ผมตอบ
"แต่ตั้งแต่ จบมาฉันแทบไม่เคยไปเหยียบ โรงเรียนเลยนะ ไม่เหมือนเธอ" นิจติง
"มาเหอะ "
รุ่งขึ้นนิจ บึ่งจาก บ้านมาหาผมที่ ชลบุรีแล้วเราก็ไปศรีราชาต่อผมพาเธอมาคุยกับครู ที่สอนเราสองคนก่อน
"ครูยินดีช่วย นะเพราะเห็นใจ ตาทาสเทวี ช่วยงาน โรงเรียนมาตลอด งานเล็กน้อย ไม่ด้วยเงินก็ด้วยแรงมาตลอด แม้จะเกเร สมัยเรียนแต่ไงต้องรีบมาสมัครนะ" ครูผมพูด
สรุป เสร็จ เราก็ค่อยเบาใจหน่อย
เช้านี้ อากาศ ศรีราชาร้อนไม่น้อย ผมเดินตามแนวต้นสนในโรงเรียน มันคงไม่ต่างกับสามสิบปีก่อนที่ ผมเคยเดิน ด้วยกัน ต่างกันที่กาลเวลาเท่านั้น สามสิบปี ก่อน คงเป็น
ตอนผมเรียน ม.4 มัง ปิดเทอมร้อนแบบนี้
แล้วผมก็นั่งริม บ่อวิเชียร บ่อที่เป็นตำนานเรื่องเด็กหอ ที่พี่วิเชียร จมน้ำตาย
"ตอนนี้ก็รอ เธอ แล้วนะ ที่จะส่งเอกสาร มาที่เหลือจะพยายาม ขอร้องให้เขาช่วย ว่าแต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องนี้แล้วลูกชายเธอว่าไง ว่าไม่ได้ต่อที่เดิม เพราะเห็นเขาบอกหมิ
วว่า จะไปงาน รร เขาเสาร์นี้"
"ยังไม่รู้เลย ฉันเพิ่งทราบจากวงในว่าเป็นแบบนี้ พอรู้ก็นึกถึงเธอเป็นคนแรก เมื่อคืนก็นอนไม่หลับเลยทั้งคืน "นิจบ่น
"ฉันก็ไมอยากจะซ้ำเติมเธอหรอกนะ ถ้าเธอเชื่อฉันตั้งแต่ สามปีก่อน ก็คงไม่มีวันนี้หรอก ตำแหน่ง คณบดี อยู่แค่เอื้อม ที่ปรึกษาบริษัทระดับ ประเทศ รายได้เดือนหนึ่งเป็น
แสน ดีทั้งนั้นใครก็อยากได้ ฉันก็อยากได้ วันนี้รายได้ ก็ไม่เท่าเธอ แต่ฉันก็พอใจในสิ่งที่เป็นอยุ่ ฉัน ก็รอเวลา ที่หมิวจะเรียนจบ ทำงาน หรือเรียนต่อ ก็พอมีเงินบ้างที่จะให้เขาเรียนต่อ
เงิน ยศฐาบรรดาศักดิ์ สุขภาพ ใครก็อยากได้ดีๆ หมด แต่มันได้เท่าที่เราคว้าไว้ก็พอแล้วนะ สุดเอื้อม ก็ปล่อยมัน
คนเรา มันแปลกนะ นิจ ตอนทำงาน มีแรงก็ทำไปเหนื่อยไปลืม ดูลูกที่อยุ่เบื้องหลัง พอสุดท้ายมีเงินเยอะแล้ว มีทุกอย่างพร้อม ลูกเขาก็โตไปมีชีวิตของเขา เราก็ ไม่ได้อยู่
กับเขา เงินได้น้อยนิด ตำแหน่ง เธอเป็นอาจารย์ มีเวลาสอนหนังสือ ที่น้อย มากเพราะเธอไปทำงานเป็นฝ่ายบริหาร บินไปต่างประเทศ ประจำ เวลาดูลูกไม่มี"
"มันมีโอกาสแล้วจะไม่ให้ฉันคว้าไว้หรือ" นิจเถียงอีกจนได้
"โอกาส บางที มันก็เหมือนขนมหวานนะ กินไปมันก็อร่อย แต่กินหมด เบาหวานก็กิน นะ กินแต่พอประมาณ ฉันเองก็มี คนเสนอตำแหน่ง EDP manager เงินเดือน เกือบ
แสนให้ ก็อยากได้นะแต่ก็ต้องปฎิเสธไปเพราะงาน อยู่ ไกลบ้าน ต้องทิ้งลูก ฉันทำงานแบบนี้ สอนหนังสือด้วยเงินเดือนก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า ฉันพอใจกับคำว่า คนเขียนโปรแกรม
มากกว่า นิจ คิดใหม่นะครับ ถ้า เจ้าฟิว ลูกชายเธอ มาอยุ่ศรีราชา ฉันจะช่วยดูเขาอีกแรง ไม่ต้องห่วง เธอจะบอกว่าจะขับรถไปกลับ กทม บ่อยๆ มาเยี่ยมลูกมันสายไปแล้ว ต้อง
ปล่อยเขาบ้าง ฉันจะดู ให้เธอทำงานไป เสาร์อาทิตย์ มารับกลับก็ได้หรือรับไปนอน ที่พัทยาก็ได้
ขับรถทางไกลบ่อยๆ ทำงานเหนื่อยอันตราย ไงก็ห่วงเธอเสมอนะ"
นิจได้แต่นั่งยิ้ม
นี่เป็นเรื่องที่ ผมอยากจะบอก พ่อแม่หลายคนนะครับ ว่า ตำแหน่งหน้าที่ เงิน หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่มีอะไรหรอกครับสำคัญเท่าลูก ถ้าลูกไม่ประสบความสำเร็จแล้ว เราก็
ล้มเหลว ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ความสำเร็จ ของพ่อแม่ มันจะไร้สาระทันทีที่ รู้สึกว่าลูกขาดความอบอุ่น
ลูกเขาไม่ใช่ต้นไม้ ต้นไม้ยังต้อง รดน้ำพรวนดิน ปล่อยให้แห้งก็ตาย คนเราต้องการ ความรักต้องการการกอด จากพ่อแม่ ลูกอย่าว่าแต่เจ้าฟิวลูกของนิจ เลย แม้แต่เจ้าหมิว
ลูกสาวผม ปีนีเรียน ปีหนึ่งแล้วบางที ผมทำงานยุ่งมากพิมพ์ งาน พิมพ์คู่มือใช้โปรแกรมเตรียมการสอน ทำโปรแกรม ลูกนั่งคอย เล่นด้วยผมยังต้องทิ้งงานไปเล่นกับลูก เอาลูกนอน
ลูกนอนแล้วผมก็ อดหลับอดนอนทำงานต่ออีก
====ความสำเร็จของ แม่ กับ ความล้มเหลวของลูก====
"คล้ายหนึ่งความฝัน คืนวันนั้นช่างเหลือเชื่อ" เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นวานนี้ ผมเซทไว้สำหรับนิจ จะเป็นเพลง เธอคือใคร(ทวิภพ 2554)
"นิจว่าไง"
"เธอยุ่งอยุ่ไหม หมิวได้ทีเรียนเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" เสียงนิจถามมา
"เรียบร้อยแล้ว ก็คงเรียนนิเทศ ม บูแหละเขากำลังเห่อ เดี่ยวมิถุนาก็ เปิดแล้ว"
"อืมมมมมมมมมมม ฉันมีเรื่องปรึกษาหน่อย เจ้าลูกชายฉันคะแนนเรียนแย่ ไม่ได้เรียนต่อ ม ปลาย เขาคัดออก ฉันก็พยายามฝาก กับ ทาง ผู้บริหาร รร ก็ ไม่สำเร็จเขาคัด
ชื่อออกเลย นี่เขายังไม่รู้ เลย นะ " นิจ เล่า
"ไอ้หมู มันว่าไง" ผมถามถึงอดีตสามีนิจ ที่เป็นพ่อของลูก
"ยังไม่รู้ นอกจากฉันแล้วคนที่รู้ ก็คือ เธอนี่แหละ ฉัน เลยมาปรึกษาว่าพอจะ หาทางเข้าอัสสัมได้ไหมไม่อยากให้อยู่ประจำ"
"แบบนี้ต้อง มาคุยกันที่ รร ต้องมานั่งคุยกับอธิการ นะ "ผมตอบ
"แต่ตั้งแต่ จบมาฉันแทบไม่เคยไปเหยียบ โรงเรียนเลยนะ ไม่เหมือนเธอ" นิจติง
"มาเหอะ "
รุ่งขึ้นนิจ บึ่งจาก บ้านมาหาผมที่ ชลบุรีแล้วเราก็ไปศรีราชาต่อผมพาเธอมาคุยกับครู ที่สอนเราสองคนก่อน
"ครูยินดีช่วย นะเพราะเห็นใจ ตาทาสเทวี ช่วยงาน โรงเรียนมาตลอด งานเล็กน้อย ไม่ด้วยเงินก็ด้วยแรงมาตลอด แม้จะเกเร สมัยเรียนแต่ไงต้องรีบมาสมัครนะ" ครูผมพูด
สรุป เสร็จ เราก็ค่อยเบาใจหน่อย
เช้านี้ อากาศ ศรีราชาร้อนไม่น้อย ผมเดินตามแนวต้นสนในโรงเรียน มันคงไม่ต่างกับสามสิบปีก่อนที่ ผมเคยเดิน ด้วยกัน ต่างกันที่กาลเวลาเท่านั้น สามสิบปี ก่อน คงเป็น
ตอนผมเรียน ม.4 มัง ปิดเทอมร้อนแบบนี้
แล้วผมก็นั่งริม บ่อวิเชียร บ่อที่เป็นตำนานเรื่องเด็กหอ ที่พี่วิเชียร จมน้ำตาย
"ตอนนี้ก็รอ เธอ แล้วนะ ที่จะส่งเอกสาร มาที่เหลือจะพยายาม ขอร้องให้เขาช่วย ว่าแต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องนี้แล้วลูกชายเธอว่าไง ว่าไม่ได้ต่อที่เดิม เพราะเห็นเขาบอกหมิ
วว่า จะไปงาน รร เขาเสาร์นี้"
"ยังไม่รู้เลย ฉันเพิ่งทราบจากวงในว่าเป็นแบบนี้ พอรู้ก็นึกถึงเธอเป็นคนแรก เมื่อคืนก็นอนไม่หลับเลยทั้งคืน "นิจบ่น
"ฉันก็ไมอยากจะซ้ำเติมเธอหรอกนะ ถ้าเธอเชื่อฉันตั้งแต่ สามปีก่อน ก็คงไม่มีวันนี้หรอก ตำแหน่ง คณบดี อยู่แค่เอื้อม ที่ปรึกษาบริษัทระดับ ประเทศ รายได้เดือนหนึ่งเป็น
แสน ดีทั้งนั้นใครก็อยากได้ ฉันก็อยากได้ วันนี้รายได้ ก็ไม่เท่าเธอ แต่ฉันก็พอใจในสิ่งที่เป็นอยุ่ ฉัน ก็รอเวลา ที่หมิวจะเรียนจบ ทำงาน หรือเรียนต่อ ก็พอมีเงินบ้างที่จะให้เขาเรียนต่อ
เงิน ยศฐาบรรดาศักดิ์ สุขภาพ ใครก็อยากได้ดีๆ หมด แต่มันได้เท่าที่เราคว้าไว้ก็พอแล้วนะ สุดเอื้อม ก็ปล่อยมัน
คนเรา มันแปลกนะ นิจ ตอนทำงาน มีแรงก็ทำไปเหนื่อยไปลืม ดูลูกที่อยุ่เบื้องหลัง พอสุดท้ายมีเงินเยอะแล้ว มีทุกอย่างพร้อม ลูกเขาก็โตไปมีชีวิตของเขา เราก็ ไม่ได้อยู่
กับเขา เงินได้น้อยนิด ตำแหน่ง เธอเป็นอาจารย์ มีเวลาสอนหนังสือ ที่น้อย มากเพราะเธอไปทำงานเป็นฝ่ายบริหาร บินไปต่างประเทศ ประจำ เวลาดูลูกไม่มี"
"มันมีโอกาสแล้วจะไม่ให้ฉันคว้าไว้หรือ" นิจเถียงอีกจนได้
"โอกาส บางที มันก็เหมือนขนมหวานนะ กินไปมันก็อร่อย แต่กินหมด เบาหวานก็กิน นะ กินแต่พอประมาณ ฉันเองก็มี คนเสนอตำแหน่ง EDP manager เงินเดือน เกือบ
แสนให้ ก็อยากได้นะแต่ก็ต้องปฎิเสธไปเพราะงาน อยู่ ไกลบ้าน ต้องทิ้งลูก ฉันทำงานแบบนี้ สอนหนังสือด้วยเงินเดือนก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า ฉันพอใจกับคำว่า คนเขียนโปรแกรม
มากกว่า นิจ คิดใหม่นะครับ ถ้า เจ้าฟิว ลูกชายเธอ มาอยุ่ศรีราชา ฉันจะช่วยดูเขาอีกแรง ไม่ต้องห่วง เธอจะบอกว่าจะขับรถไปกลับ กทม บ่อยๆ มาเยี่ยมลูกมันสายไปแล้ว ต้อง
ปล่อยเขาบ้าง ฉันจะดู ให้เธอทำงานไป เสาร์อาทิตย์ มารับกลับก็ได้หรือรับไปนอน ที่พัทยาก็ได้
ขับรถทางไกลบ่อยๆ ทำงานเหนื่อยอันตราย ไงก็ห่วงเธอเสมอนะ"
นิจได้แต่นั่งยิ้ม
นี่เป็นเรื่องที่ ผมอยากจะบอก พ่อแม่หลายคนนะครับ ว่า ตำแหน่งหน้าที่ เงิน หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่มีอะไรหรอกครับสำคัญเท่าลูก ถ้าลูกไม่ประสบความสำเร็จแล้ว เราก็
ล้มเหลว ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ความสำเร็จ ของพ่อแม่ มันจะไร้สาระทันทีที่ รู้สึกว่าลูกขาดความอบอุ่น
ลูกเขาไม่ใช่ต้นไม้ ต้นไม้ยังต้อง รดน้ำพรวนดิน ปล่อยให้แห้งก็ตาย คนเราต้องการ ความรักต้องการการกอด จากพ่อแม่ ลูกอย่าว่าแต่เจ้าฟิวลูกของนิจ เลย แม้แต่เจ้าหมิว
ลูกสาวผม ปีนีเรียน ปีหนึ่งแล้วบางที ผมทำงานยุ่งมากพิมพ์ งาน พิมพ์คู่มือใช้โปรแกรมเตรียมการสอน ทำโปรแกรม ลูกนั่งคอย เล่นด้วยผมยังต้องทิ้งงานไปเล่นกับลูก เอาลูกนอน
ลูกนอนแล้วผมก็ อดหลับอดนอนทำงานต่ออีก