พ่อแม่รังแกฉัน

ตัวเองก็ ไม่ดีจะแย่อยู่แล้ว ถ้าตอนเริ่มเข้าหาสิ่งเสพติด ถ้่าผู้ปกครองไม่เข้าข้าง ช่วยกันหยุดอะไรๆคงไม่แน่ขนาดนี้

มาถึงขั้นนี้ ตัวแม่ยังไม่รู้ตัว

แม่ฮาเวิร์ด หวังร้องสตม.ทำเกินกว่าเหตุ
http://www.dailynews.co.th/crime/200106

จากกรณีนายฮาเวิร์ด หวัง  นายแบบดาราดัง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีบุกบ้าน เอมี่ สาวแม็กซิม และเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าในราชอาณาจักร มาฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ และนางชิง หลัน จูลี่ ชู  อายุ 62 ปี มารดาของนายฮาเวิร์ด หวัง ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 90,000 บาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นคนต่างด้าว เคยถูกดำเนินคดีในราชอาณาจักรหลายคดี  จนสำนักตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของผู้ต้องหา นอกจากนี้พนักงานสอบสวน และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักตรวจคนเข้าเมือง ขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว  เห็นว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง ควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามที่หนังสื่อพิมพ์เดลินิวส์เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (26 เม.ย.)  นางจูลี่ ชู อายุ 62 ปี  แม่ของนายฮาเวิร์ด หวัง นักร้องนายแบบชื่อดัง ได้เดินทางมาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อร้องเรียนกับพบ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. โดยแม่ของนักร้องหนุ่มได้สวมชุดขาวโผกผ้าสีขาว พร้อมกับชุแผ่นป้ายประท้วงโดยมีข้อความว่า “ขอความเป็นธรรม ฮาเวิร์ดไม่ใช่บุคคลอันตราย” ก่อนยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีที่ลูกชาย ถูกขึ้นบัญชีดำของ สตม. โดยหนังสือดังกล่าวมีใจความ 2 ประการ  วันนี้มายืนยันว่าหนังสือเดินทางเป็นนักท่องเที่ยว พร้อมยืนยันว่าเป็นเอกสารตัวจริง และสอบถามทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่าเหตุใดถึงต้องดำเนินการขึ้นบัญชีดำต่อลูกชายด้วย
  ภายหลังจากนางจูลี่มอบหนังสือเรียบร้อย ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปที่สถานทูตไต้หวัน เพื่อให้ตรวจสอบเอกสารการเดินทางของลูกชายว่าถูกต้องหรือไม่  ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าถูกต้อง จึงได้มาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อยื่นหนังสือชี้แจ้ง ต่อพล.ต.ท.ภาณุ ว่าจากการที่ทางสตม.ได้ขึ้นบัญชีดำต่อลูกชาย ซึ่งเสมือนว่าเป็นการตีตราว่าลูกชายมีโทษความผิดที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ และอยากทราบเหตุผลที่แท้จริง จากนี้ต่อไปลูกชายอาจต้องหมดอนาคตในเรื่องการทำงานก็เป็นได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจและสงสารลูกชายมาก ลูกชายตนที่ไม่มีเจตนาทำร้ายใคร กระทำไปตามประสาวัยรุ่น เกิดจากความคึกคะนอง ตามวัย ตามเพื่อนฝูงเท่านั้น เพราะอุปนิสัยเป็นคนร่าเริงรักเพื่อนฝูงอยู่แล้ว ส่วนคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกชายติดบัญชีดำ เนื่องจากไม่มีการแจ้งจดหมายให้ทราบก่อนหน้านี้ นอกจากนี้การที่ลูกชายเปลี่ยนชื่อใหม่นั้น เพราะมีญาติเตือนว่าภายใน 2 ปีที่ผ่านมาลูกชายมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่ากำลังจะมีเคราะห์จึงต้องเปลี่ยนชื่อตามความเชื่อ
  “อีกทั้งล่าสุดที่ลูกชายเดินทางมาเมืองไทยเนื่องจากมาเที่ยวพักผ่อนตามเทศกาล โดยหลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านทันทีแต่มาถูกดำเนินคดีเสียก่อน อย่างไรก็ตามตนจึงอยากร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมต่อลูกชายด้วยหลังจากเกิดเรื่องนี้ตนรู้สึกช็อคมากที่ลูกชายต้องโทษคุมขังภายในเรือนจำ โดยตนเชื่อว่าสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำลูกชายไม่น่าจะมีปัญหาเนื่องจากเคยรับการเกณฑ์ทหารมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตนเป็นห่วงสภาพจิตใจมากกว่า ว่าจะรับเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่ หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป” นางจูลี่ กล่าวทิ้งท้าย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่