การศึกจะเริ่มแล้ว

ทางทีมงานได้เอาภาพในเกมมาจำลองเรืองราวเกี่ยวกับความเป็นมาของขุนรองปลัดชู โดยได้นำจากภาพยนตร์เรื่อง ขุนรองปลัดชูมาเป็นต้นเรื่อง  แต่งานนี้เราจะขอเล่าเป็นแบบตัวละครในเกม


ส่งสารไปกรุงศรี
ส่งสารไปกรุงศรี
ด้วยเหตุอังวะบุกเข้าสยาม ยกทัพสร้างความปั่นป่วน ลูกศิษย์อาทมาตของขุนรองปลัดชูจึงต้องแจ้งข่าวนี้ให้ครูชูที่เข้ากรุงศรีอโยธยาด้วยเรื่องราชการให้ทราบโดยเร็ว แต่เพลานี้ก็มีเพียงหมื่นไกรภักดีที่จักต้องดูแลปกป้องเมืองวิเศษไชยชาญจนขุนรองปลัดชูจักกลับจากอโยธยาเมืองหลวง



วิจิตรเดินเสบียง
หมื่นไกรภักดีได้ส่งจดหมายไปถึงสหายสนิทที่เมืองวิจิตร ขอเสบียงขอกำลังคนเท่าที่จะหาได้เพื่อจักต่อสู้กับทัพอังวะที่คืบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สหายของหมื่นไกรได้ทราบข่าวก็ได้ทำการส่งเสบียงอาหารอาวุธเท่าทีจะปันได้มาให้ สายขบวนเสบียงเดินทางไปมาจากวิเศษไชยชาญแลเมืองวิจิตรอย่างไม่ขาดสาย แลกเปลี่ยนข้าวของซึ่งกันและกัน ข้าวปลาอาหารจากเมืองวิเศษไชยชาญ แร่เหล็กแลวัตถุดิบต่างๆจากเมืองวิจิตร ไม่มีการโก่งราคาคดโกง ไข่แลกเหล็ก ดาบแลกข้าว ราคาที่ยุติธรรมอยู่เพียงแค่ในหัวใจของคน


"ข้าว่าแม่อินนี่แล"
"แต่ข้าว่านางจันต่างหากที่งามกว่า!"
เหล่าทหารอาสาอาทมาตจากเมืองวิเศษไชยชาญพักแรมกันระหว่างทางไปสกัดทัพพม่าที่ด่านสิงขร ต่างก็เล่าเรื่องราวแลกเปลี่ยนความคิดประสปการณ์ บ้างก็เรื่องตลกขบขัน บ้างก็เรื่องรักๆใคร่ๆ หวังจักที่จะนำชัยชนะกลับไปฝากแม่สาวหน้าหวานที่เมืองวิเศษไชยชาญ นักรบอาสาบางคนเคยเป็นชาวนา บ้างก็เคยเป็นช่างเหล็กช่างฝีมือ บ้างก็เคยเป็นพระห่มผ้าเหลืองที่สึกออกมา แต่เพลานี้ที่นี่คือทุกผู้ทุกคนคือนักรบผู้กล้าแห่งสยามประเทศ



เร่งยุทธภัณฑ์
ช่างเหล็กเมืองวิเศษไชยชาญเร่งผลิตอาวุธแลชุดศึกเตรียมรับมืออังวะ ดาบเล่มแล้วเล่มเล่า เกราะชิ้นแล้วชิ้นเล่า หากแต่มือที่จักถือดาบเข้าสู้กลับมีไม่พอ... อันที่จริง หากอังวะยกทัพใหญ่ข้ามเมืองกาญจนบุรีมาจริง นักรบมีเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอ
แต่เพลานี้ก็คงมีเท่าที่มี สู้ขาดใจ ไม่ถวายหัวแต่ถวายใจ ไม่สู้ให้แผ่นดินแต่สู้เพื่อแผ่นดิน ไม่สู้จนตายแต่สู้เพื่อมีชีวิต...



ทหารอาสาเดินทัพ
ในยามเช้าที่ทหารอาสาเดินทัพนั้น ทั้งในป่าแลในเมืองนั้นสงบเงียบ มีเพียงเสียงมนต์ให้พรแลเสียงสาดน้ำมนต์ของพระครูธรรมโชติเท่านั้น สายตานักรบทุกคนจับจ้องอยู่เพียงเบื้องหน้า จ้องจักนำชัยชนะแลชีวิตของตนกลับมายังถิ่นเกิดให้จงได้



หมื่นไกรรับข่าวศึก
เมื่อหมื่นไกรได้รับฟังถึงข่าวของทัพอังวะก็ได้เงียบไปอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากว่าเขาจักไปรายงานเจ้าเมืองให้ทราบเอง เพราะถ้าหากอังวะนั้นยกทัพใหญ่มาจริง ทหารประจำการเพียงหยิบมือคงไม่มีทางต้านได้เป็นแน่
"เรามีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากมาย เจ้าไปบอกนายแท่นให้เตรียมรับงานแลนางอินให้หาคนช่วยเขาป่าหาหยูกยาให้นางเถิด ข้าจักไปรายงานแลปรึกษาแผนศึกกับท่านเจ้าเมือง"



เจ้าเมืองหานักสู้
ภายใต้แสงแดดยามเที่ยง ทุกคนในเมืองต่างเงียบสดับรับฟังคำของเจ้าเมืองวิเศษไชยชาญ
"เพลานี้เหล่าอังวะยกทัพข้ามชายแดนสยามหมายจะครอบครอง หากอ้ายอีผู้ใดมีความสามารถแลมีใจที่จักสู้เพื่อบ้านเกิดเมืองนอน ก็ขอให้ลุกขึ้นสู้ร่วมกัน หากสู้ศึกไม่ได้ก็ขอให้พยายามช่วยเหลือเหล่านักรบไม่ว่าจักเป็นอาหาร อาวุธ หยูกยาก็ดี ยามนี้มีศึกถึงหน้าบ้านแล้ว ขอให้ชาววิเศษชัยชาญแสดงให้พวกอังวะมนรู้ว่าเลือดสยามมันทรงพลังเพียงไหน!"

จบคำพูดเหล่าชาวเมืองก็พากันส่งเสียงเฮลั่นที่เขาว่าได้ยินไปถึงเมืองวิจิตร



อาทมาตดาบคู่

"จำเอาไว้ให้ดี เพลงดาบอาทมาตนั้นมิใช่วิชาต่อยตี หากแต่เป็นวิชาสู้รบ เขาฟันเราชิงเฉือนก่อน ตัดเอ็นเฉือนเนื้อ รวดเร็วเด็ดขาด แต่อย่าหุนหัน นิ่งอย่างสายน้ำ จู้โจมอย่างเพลิงโหม ขอให้จำเอาไว้ให้ดี"
เหล่าลูกศิษย์ของครูชูรับฟังคำสั่งสอนอย่างตั้งใจ สายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวขุนรองปลัดชู ใบดาบเลื่อมสท้อนแสงแดดยามเย็น แสงสีส้มสาดไปทั่วพื้นดินแลพื้นหญ้าราวกับจะชโลมด้วยโลหิตเอาเสียสมจริง เหล่านักรบอาทมาตตั้งมั่นที่จักเอาชัยชนะในการศึกให้จงได้


  ทางทีมงาน ๔๐๐ Online จะนำเสนอเรื่องราวต่อนี้ในตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่