สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/30400595
มาเล่าให้ฟังต่อ ........
แต่ขอยกบางช่วงตอนของ Ep.1 มาซักนิดครับ
เพื่อทำความเข้าใจกับ ท่าน Admin และคุณตำรวจพันทิป
รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด
เรื่องราวดำเนินต่อไป.......
ผมยังคงชอบการทำอาหารอยู่เช่นเดิม หลังจากได้ลองซื้ออะไรที่ไม่เคยทำ มาหัด มาลองทำ
หมดเงินไปก็มิใช่น้อย กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง มันก็มีบ้างหล่ะนะ
ไม่ใช่พ่อครัวมืออาชีพนี่หว่า......
ผมนับถือหลายๆท่านมากๆ ที่ทำ Review การทำอาหารของตัวเอง มาลงเพื่อแชร์ประสบการณ์ต่างๆให้คนอื่นได้ดู
ผมเป็นคนนึงในหลายๆคน ที่มาขอความรู้จากเวปเหล่านี้ Pantip ก็เป็นหนึ่งในที่ๆผมเข้ามาดูบ่อยๆ
เชื่อแน่ว่า สูตรของใคร สูตรของมัน ใครทำก็ไม่อร่อยเท่าทำเอง คำนี้มันมีอยู่จริง ไม่เชื่อก็ลองทำๆกันดู
ไม่เชื่อลองทำดูครับ กินไม่ได้ ก็เททิ้งปายยยยยยยยย
ผมเป็นพนักงานออฟฟิสคนนึงเหมือนคนอื่นๆ เช้าทำงาน เย็นเลิกงานกลับบ้าน
มีเวลาว่างวันอาทิตย์ก็ทำกับข้าว เหมือนการพักผ่อนอย่างนึง แต่เอาเข้าจริงๆ ฮ่วย....เหนื่อยเหมือนกันนะ
วันนึงผมได้รับสายจากเพื่อนคนนึง......
ต้องการความช่วยเหลือจากการ "ลาออก" สายฟ้าแล่บแปร๊บๆ ของแม่ครัวร้านเหล้ามัน
ผมใช้เวลาคิดไม่ถึง 5 นาทีก่อนตอบตกลง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เก่งไปซะทุกเมนู ถือเป็นโชคดีของผม และโชคร้ายของคนกินก็หล่ะกัน
อย่างน้อย ไอ้สิ่งที่ผมฝัน อย่างน้อย ตอนนี้ก็ได้เทสต์ก่อนหล่ะวะ....ไหวไม่ไหว เดี๋ยวไม่กี่วันนี้รู้กัน....
ร้านเหล้าของเพื่อน และรุ่นน้อง ประสบปัญหาด้วยเรื่อง "การมีโลกส่วนตัวสูง" ของแม่ครัว
ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปด้วยกันได้ ผมเลยเสนอหน้าเข้ามาช่วยเหลือในบัดดล
การทำอาหารในร้านเหล้าเจ๋งมากครับ.... ผมมีลูกมือเป็นสาวชาวพม่า 1 คน พูดฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็มันส์ดี
เลิกงาน 6 โมงต้องรีบขับรถกลับมาร้านเพื่อนมาเป็นพ่อครัว เหนื่อยโฮกกกกกกกกกกกก
กว่าจะได้กลับบ้านก็ เที่ยงคืนตีหนึ่ง ดีนะไม่ต้องเก็บล้างอีก ไม่งั้นอ้วกแตกตาย
สารพัดเมนูร้านเหล้าที่ไม่เคยได้ทำ อาศัยได้กิน แล้วจำเอา วันนี้ได้งัดทุกความรู้ในการทำอาหารออกมาทั้งหมด
แม้กระทั่ง การที่เคยไปเป็น ผู้ช่วยกุ๊ก 3 วัน วันนี้ก็ได้เอามาใช้จริง กับสถานะการณ์แบบสุดๆ
กำหนดการคือ 15 วัน ก่อนเจ้าของร้านจะหาแม่ครัวตัวจริงมาเริ่มงานในต้นเดือนหน้า
เป็น 15 วันที่เหนื่อยโคตรๆ อย่างที่บอก อะไรที่ไม่เคยทำ ไม่เคยกิน ก็ได้ทำมันซะครั้งนี้
แถมยังหาญกล้าไปทะลึ่งคิดเมนูใหม่ให้เค้าอีก บังเอิญคนทานแล้วชอบ ก็โชคดีไป
ผมเชื่อว่าหลายคนคงชอบทานฝีมือผม แต่ก็ต้องมีเหมือนกันที่ไม่ชอบทาน
เค็มบ้าง เผ็ดกินไม่ได้บ้าง เอาน่า....เค้ามือใหม่นี่นา....
แต่..........
วันนึง ผมมองย้อนกลับมาถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานสถาปนิกออกแบบฯ ตกแต่งภายใน ตามที่ได้เรียนมา
หรืองาน อีเว้นท์ อีเวง ที่เคยได้ทำมา งานบริษัท งานบริหาร งานนี่นู้นนั่นที่ได้ทำมาทั้งหมด....
ผมบอกได้ว่า "การทำอาหาร" เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด....
สุดท้าย 15 วันแห่งการค้นพบ ก็ได้รับความจริงอีก 1 ข้อที่ว่า
ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอาหารให้คนอื่นได้ทาน.....
เห้ย....มันจริง
ผมอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง......ในตอนนั้นเป็นอย่างเดียวที่คิดได้ทันที
หลังจากความคิดครั้งนั้น ผมใช้เวลาที่เหลือจากว่างงาน ในการหาทำเลที่จะตั้งร้านขาย ขับรถไปเรื่อยๆ หาป้่ายให้เช่าที่
ตลอดทางกลับบ้าน ไปเรื่อยยันแถวบ้านตัวเอง บ้านคนอื่น หลายๆคนแนะนำบ้าง สารพัดจะไปดู
ขับรถ...คิด คิด
ขับรถ...คิด คิด
แบบนี้เรื่อยๆเป็นเดือนๆ สุดท้าย......จำเรื่องใน Ep.1 ได้มั้ยครับ เหมือนจะลงเอยแบบเดียวกันกับร้านอาหารอีสาน ฐานทัพลาว
คือเจอปัญหาเรื่องค่าที่ ค่ามัดจำ ค่าของ ค่าลงทุน ค่าแรง บลา บลา บลา
บางทีโคตรเจ๋ง อยู่ซอยรางน้ำ คนอย่างเยอะ ขายกลางวันได้ กลางคืนได้ แต่เจอค่าเช่า 7 หมื่นต่อเดือน
ถอยหูตูบแทบไม่ทัน ทำให้ตายค่าเช่ากินเรียบ...... เอาไงดีหล่ะทีนี้.....
ผมพยายามหาทางดิ้นรนหาที่เปิดร้านแทบทุกทางที่คิดออก บางที่ที่อยากได้มากๆก็ค่าเช่าแสนแพง
ครั้นจะไปให้ใครมาหุ้นด้วย ก็เข็ดขยาดตั้งแต่ครั้งนั้นจวบจนบัดเดี๋ยวนี้ ผมเชื่อว่าถึงตอนนี้ คนที่เคยทำธุรกิจร่วมกับเพื่อน...ย่อมรู้ดี
ผมเสียเพื่อนดีๆไปเยอะจากการทำธุรกิจบ้าๆบอๆของผม ตอนนี้แก่หล่ะ ถ้าเสียใครไปอีก กลัวจะไม่มีใครมางานศพเอาซะเปล่าๆ
ยากเย็นเหมือนงมเข็ม ไอ้ที่ถูก ก็ทำเลไม่ดี ไอ้ที่ดี ก็ค่าเช่าแสนแพง
ณ.จุดนี้.....ใครมีที่เจ๋งๆก็วานบอกครับ หลังไมค์หน้าไมค์ได้หมด
เอาเรื่องของผมต่อ....
ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน....เหมือนเช่นปรกติชีวิตประจำวัน
ฝ่าฝูง "รถคันแรก" กว่าจะกลับบ้านได้นั่งกันรากงอกตูด ค่าน้ำมันไม่ต้องพูดถึง เท่าที่ทราบกัน ประเทศนี้น้ำมันถูก!!!!
ผมทำงานย่านประตูน้ำ ย่านที่รถติดอันดับต้นๆของมหานครแห่งนี้ บ้านอยู่เกษตร-นวมินทร์ ขึ้นชื่อเรื่องรถติดเช้า-เย็นเช่นกัน
ก็คิดอะไรไปเรื่อย ระหว่างทางกลับบ้าน.........
ก่อนเลี้ยงเข้าบ้าน ปากซอยมีคาร์แคร์ และหมู่มวลร้านเหล้ามากมาย ริมถนนเกษตร-นวมินทร์ ที่ยาวติดกันเป็นพรืด
หนึ่งในนั้นคือชื่อไทย "น้ำผึ้งพระจันทร์" แปลเอาเองนะ คนอย่างเยอะ ร้านสวย แต่ผมว่าราคาเค้าแพงไปนิ๊สนะ 55555
แหม....ถ้าได้ทำร้านตรงคาร์แคร์นี่คงดี จากบ้านขี่จักรยานมาขายได้เลยนะเนี่ย....(ช่วงนี้บ้าขี่จักรยาน)
เหลือบไปเห็นทางเท้า (ฟุตบาท) ด้านหน้าคาร์แคร์ ....เห้ย...ว่าง มันว่างแบบไม่เคยมีไรมาขาย
แล่นไปทันทีสมองผม.......
ถ้าขายตรงนี้ได้คงดี.......
คนจากร้านเหล้าเยอะแยะ คงต้องมีมาโดนร้านกรูบ้างแหล่ะว้า....
หรือจะรอคาร์แคร์ปิดกิจการ แล้วขอเช่าต่อ โห...ไม่ไหว ค่าเช่าคงแพงสลัดเลย....
เอาไงดี....
เอาไงดี....
เอาไงดี....
เห้ย........ขายแบบรถเข็นดีกว่า น่าจะดีและลงทุนน้อยที่สุดแล้ววววว
วันรุ่งขึ้น ผมฟอร์มเอารถไปล้าง แล้วถามหาเจ้าของคาร์แคร์ บังเอิญจริงๆ พี่เค้าอยู่ด้วย.... (จริงๆอยู่ทุกวันนะ 5555)
ผมนำเสนอไอเดียรถเข็นของผมทันที ในตะกอนความคิดตอนนั้น กรองแล้วมั่ง ไม่กรองมั่ง แต่ก็พูดๆไป
ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นเจ้าของคาร์แคร์ คงกังวลเรื่องความสะอาดมาเป็นอันดับ1 และภาพลักษณ์เป็นอันดับ2
ผมนำเสนอเรื่องนี้เพื่อย้ำความมั่นใจ ว่าร้านผมจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ความสะอาดของเค้าเสียหาย
พี่เจ้าของคาร์แคร์น่ารักมากครับ นิสัยน่าจะคล้ายๆกับผม คือใจร้อน อยากทำไรทำเลย
ในระหว่างที่คุยผมสังเกตุเห็น "รถเข็น" คันนึงเป็นของเค้า
เค้าเล่าให้ฟังว่า......
"ครั้งนึงเคยอยากจะขายลูกชิ้นปลาระเบิด อยากมาก ไปซื้อรถเข็น อุปกรณ์มาโดยทั้งๆที่ไม่รู้จะเอาใครขาย
แต่อยากทำ และรู้ว่าจะต้องทำให้ได้ เลยซื้อมา ตอนนี้ก็จอดเป็นซากอย่างที่เห็น"
โหยพี่........เป๊ะเว่อร์ 55555
เรียกว่าสันดานกันเลยดีฟ่า โอเค โอเค ตกลงตามนี้ ผมขอขายริมฟุตบาทตำแหน่งนี้ ด้านหน้าคาร์แคร์พี่
ผมขายแค่วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตอน 20.00-02.00 น. หล่ะกันนะพี่นะ ผมขอใช้ไฟพี่-น้ำด้วย พี่จะคิดเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลย
ผมอยากทำมาก และรู้ว่าต้องทำให้ได้...... แจ้งเจตนาเค้าไปตามนั้น.....
พี่ฟิล (ขออนุญาติเอ่ยนาม) ยินยอมให้ผมขายแบบงงๆ ไม่รู้แกงงที่ผมพูดมาก หรือแกเริ่มเบลอที่ผมเล่าเรื่องร้านซะเป็นคุ้งเป็นแคว
สรุปสุดท้าย ผมได้ขายแน่ๆ เริ่มวันศุกร์สิ้นเดือนมีนาคม ผมดีใจมาก ความฝันผมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากๆ
Step ต่อไปในหัวผมโผล่ออกมาเป็นฉากๆ รายการของที่จะต้องซื้อ การคำนวนกำไรขาดทุน
และสุดท้าย......สิ่งที่ผมจะขาย......
ภาพตัดไปเมื่อ 35ปีก่อน..........เป็นธีมซีเปีย สีชา.....
ผมเติบโตมาในครอบครัวคนจีน มีอากง อาม่า อาแปะ อาเจ็ก ครบทีมคณาญาติ
สิ่งที่ผมต้องเห็นทุกครั้งเมื่อเดินมาซื้อการ์ตูนปากซอย คือ "ร้านก๋็วยเตี๋ยวคั่วไก่" แน่นอนครับ บ้านผมตอนนั้นอยู่ "สวนมะลิ"
"ก๋วยเตี๋ยวคั่วไ่ก่สวนมะลิ" ติดหนึ่งใน5อันดับต้นๆของก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เมืองไทย
ผมชื่นชอบรสชาดมาตั้งแต่เด็ก เป็นอะไรที่ลงตัวมาก อร่อย ทานง่าย เบสิคสุดๆ แต่มีเงื่อนไขในการปรุงแบบสุดๆ
และที่สำคัญ การจะหาร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยๆ ในกรุงเทพนั้น เอาจริงๆ มีแค่ไม่กี่ร้าน....เอาแบบอร่ิอยจริงๆนะ
กินแต่เด็ก ดูแต่เด็ก ลองทำแต่เด็ก
กินกันยันรู้สูตร (อาจจะไม่เป๊ะมากนัก) แต่ถือเป็นต้นแบบของผมได้เลย
ผมทดลองทำ ดัดแปลง นี่นู้นนั่นนิดหน่อย แต่คงสภาพความเป็น "ดั้งเดิม" ไว้เกือบหมด
ผมตัดสินใจแล้ว.....
ผมจะขาย "ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่"
(อ่านต่อตอนหน้าครับ)
เอาเป็นว่า...ผมมาเล่าความฝันให้ฟังก็หล่ะกัน(ดราม่านิดๆ สำหรับคนมีเวลา) Ep.2
มาเล่าให้ฟังต่อ ........
แต่ขอยกบางช่วงตอนของ Ep.1 มาซักนิดครับ
เพื่อทำความเข้าใจกับ ท่าน Admin และคุณตำรวจพันทิป
รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด
เรื่องราวดำเนินต่อไป.......
ผมยังคงชอบการทำอาหารอยู่เช่นเดิม หลังจากได้ลองซื้ออะไรที่ไม่เคยทำ มาหัด มาลองทำ
หมดเงินไปก็มิใช่น้อย กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง มันก็มีบ้างหล่ะนะ
ไม่ใช่พ่อครัวมืออาชีพนี่หว่า......
ผมนับถือหลายๆท่านมากๆ ที่ทำ Review การทำอาหารของตัวเอง มาลงเพื่อแชร์ประสบการณ์ต่างๆให้คนอื่นได้ดู
ผมเป็นคนนึงในหลายๆคน ที่มาขอความรู้จากเวปเหล่านี้ Pantip ก็เป็นหนึ่งในที่ๆผมเข้ามาดูบ่อยๆ
เชื่อแน่ว่า สูตรของใคร สูตรของมัน ใครทำก็ไม่อร่อยเท่าทำเอง คำนี้มันมีอยู่จริง ไม่เชื่อก็ลองทำๆกันดู
ไม่เชื่อลองทำดูครับ กินไม่ได้ ก็เททิ้งปายยยยยยยยย
ผมเป็นพนักงานออฟฟิสคนนึงเหมือนคนอื่นๆ เช้าทำงาน เย็นเลิกงานกลับบ้าน
มีเวลาว่างวันอาทิตย์ก็ทำกับข้าว เหมือนการพักผ่อนอย่างนึง แต่เอาเข้าจริงๆ ฮ่วย....เหนื่อยเหมือนกันนะ
วันนึงผมได้รับสายจากเพื่อนคนนึง......
ต้องการความช่วยเหลือจากการ "ลาออก" สายฟ้าแล่บแปร๊บๆ ของแม่ครัวร้านเหล้ามัน
ผมใช้เวลาคิดไม่ถึง 5 นาทีก่อนตอบตกลง ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เก่งไปซะทุกเมนู ถือเป็นโชคดีของผม และโชคร้ายของคนกินก็หล่ะกัน
อย่างน้อย ไอ้สิ่งที่ผมฝัน อย่างน้อย ตอนนี้ก็ได้เทสต์ก่อนหล่ะวะ....ไหวไม่ไหว เดี๋ยวไม่กี่วันนี้รู้กัน....
ร้านเหล้าของเพื่อน และรุ่นน้อง ประสบปัญหาด้วยเรื่อง "การมีโลกส่วนตัวสูง" ของแม่ครัว
ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปด้วยกันได้ ผมเลยเสนอหน้าเข้ามาช่วยเหลือในบัดดล
การทำอาหารในร้านเหล้าเจ๋งมากครับ.... ผมมีลูกมือเป็นสาวชาวพม่า 1 คน พูดฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็มันส์ดี
เลิกงาน 6 โมงต้องรีบขับรถกลับมาร้านเพื่อนมาเป็นพ่อครัว เหนื่อยโฮกกกกกกกกกกกก
กว่าจะได้กลับบ้านก็ เที่ยงคืนตีหนึ่ง ดีนะไม่ต้องเก็บล้างอีก ไม่งั้นอ้วกแตกตาย
สารพัดเมนูร้านเหล้าที่ไม่เคยได้ทำ อาศัยได้กิน แล้วจำเอา วันนี้ได้งัดทุกความรู้ในการทำอาหารออกมาทั้งหมด
แม้กระทั่ง การที่เคยไปเป็น ผู้ช่วยกุ๊ก 3 วัน วันนี้ก็ได้เอามาใช้จริง กับสถานะการณ์แบบสุดๆ
กำหนดการคือ 15 วัน ก่อนเจ้าของร้านจะหาแม่ครัวตัวจริงมาเริ่มงานในต้นเดือนหน้า
เป็น 15 วันที่เหนื่อยโคตรๆ อย่างที่บอก อะไรที่ไม่เคยทำ ไม่เคยกิน ก็ได้ทำมันซะครั้งนี้
แถมยังหาญกล้าไปทะลึ่งคิดเมนูใหม่ให้เค้าอีก บังเอิญคนทานแล้วชอบ ก็โชคดีไป
ผมเชื่อว่าหลายคนคงชอบทานฝีมือผม แต่ก็ต้องมีเหมือนกันที่ไม่ชอบทาน
เค็มบ้าง เผ็ดกินไม่ได้บ้าง เอาน่า....เค้ามือใหม่นี่นา....
แต่..........
วันนึง ผมมองย้อนกลับมาถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานสถาปนิกออกแบบฯ ตกแต่งภายใน ตามที่ได้เรียนมา
หรืองาน อีเว้นท์ อีเวง ที่เคยได้ทำมา งานบริษัท งานบริหาร งานนี่นู้นนั่นที่ได้ทำมาทั้งหมด....
ผมบอกได้ว่า "การทำอาหาร" เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด....
สุดท้าย 15 วันแห่งการค้นพบ ก็ได้รับความจริงอีก 1 ข้อที่ว่า
ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอาหารให้คนอื่นได้ทาน.....
เห้ย....มันจริง
ผมอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง......ในตอนนั้นเป็นอย่างเดียวที่คิดได้ทันที
หลังจากความคิดครั้งนั้น ผมใช้เวลาที่เหลือจากว่างงาน ในการหาทำเลที่จะตั้งร้านขาย ขับรถไปเรื่อยๆ หาป้่ายให้เช่าที่
ตลอดทางกลับบ้าน ไปเรื่อยยันแถวบ้านตัวเอง บ้านคนอื่น หลายๆคนแนะนำบ้าง สารพัดจะไปดู
ขับรถ...คิด คิด
ขับรถ...คิด คิด
แบบนี้เรื่อยๆเป็นเดือนๆ สุดท้าย......จำเรื่องใน Ep.1 ได้มั้ยครับ เหมือนจะลงเอยแบบเดียวกันกับร้านอาหารอีสาน ฐานทัพลาว
คือเจอปัญหาเรื่องค่าที่ ค่ามัดจำ ค่าของ ค่าลงทุน ค่าแรง บลา บลา บลา
บางทีโคตรเจ๋ง อยู่ซอยรางน้ำ คนอย่างเยอะ ขายกลางวันได้ กลางคืนได้ แต่เจอค่าเช่า 7 หมื่นต่อเดือน
ถอยหูตูบแทบไม่ทัน ทำให้ตายค่าเช่ากินเรียบ...... เอาไงดีหล่ะทีนี้.....
ผมพยายามหาทางดิ้นรนหาที่เปิดร้านแทบทุกทางที่คิดออก บางที่ที่อยากได้มากๆก็ค่าเช่าแสนแพง
ครั้นจะไปให้ใครมาหุ้นด้วย ก็เข็ดขยาดตั้งแต่ครั้งนั้นจวบจนบัดเดี๋ยวนี้ ผมเชื่อว่าถึงตอนนี้ คนที่เคยทำธุรกิจร่วมกับเพื่อน...ย่อมรู้ดี
ผมเสียเพื่อนดีๆไปเยอะจากการทำธุรกิจบ้าๆบอๆของผม ตอนนี้แก่หล่ะ ถ้าเสียใครไปอีก กลัวจะไม่มีใครมางานศพเอาซะเปล่าๆ
ยากเย็นเหมือนงมเข็ม ไอ้ที่ถูก ก็ทำเลไม่ดี ไอ้ที่ดี ก็ค่าเช่าแสนแพง
ณ.จุดนี้.....ใครมีที่เจ๋งๆก็วานบอกครับ หลังไมค์หน้าไมค์ได้หมด
เอาเรื่องของผมต่อ....
ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน....เหมือนเช่นปรกติชีวิตประจำวัน
ฝ่าฝูง "รถคันแรก" กว่าจะกลับบ้านได้นั่งกันรากงอกตูด ค่าน้ำมันไม่ต้องพูดถึง เท่าที่ทราบกัน ประเทศนี้น้ำมันถูก!!!!
ผมทำงานย่านประตูน้ำ ย่านที่รถติดอันดับต้นๆของมหานครแห่งนี้ บ้านอยู่เกษตร-นวมินทร์ ขึ้นชื่อเรื่องรถติดเช้า-เย็นเช่นกัน
ก็คิดอะไรไปเรื่อย ระหว่างทางกลับบ้าน.........
ก่อนเลี้ยงเข้าบ้าน ปากซอยมีคาร์แคร์ และหมู่มวลร้านเหล้ามากมาย ริมถนนเกษตร-นวมินทร์ ที่ยาวติดกันเป็นพรืด
หนึ่งในนั้นคือชื่อไทย "น้ำผึ้งพระจันทร์" แปลเอาเองนะ คนอย่างเยอะ ร้านสวย แต่ผมว่าราคาเค้าแพงไปนิ๊สนะ 55555
แหม....ถ้าได้ทำร้านตรงคาร์แคร์นี่คงดี จากบ้านขี่จักรยานมาขายได้เลยนะเนี่ย....(ช่วงนี้บ้าขี่จักรยาน)
เหลือบไปเห็นทางเท้า (ฟุตบาท) ด้านหน้าคาร์แคร์ ....เห้ย...ว่าง มันว่างแบบไม่เคยมีไรมาขาย
แล่นไปทันทีสมองผม.......
ถ้าขายตรงนี้ได้คงดี.......
คนจากร้านเหล้าเยอะแยะ คงต้องมีมาโดนร้านกรูบ้างแหล่ะว้า....
หรือจะรอคาร์แคร์ปิดกิจการ แล้วขอเช่าต่อ โห...ไม่ไหว ค่าเช่าคงแพงสลัดเลย....
เอาไงดี....
เอาไงดี....
เอาไงดี....
เห้ย........ขายแบบรถเข็นดีกว่า น่าจะดีและลงทุนน้อยที่สุดแล้ววววว
วันรุ่งขึ้น ผมฟอร์มเอารถไปล้าง แล้วถามหาเจ้าของคาร์แคร์ บังเอิญจริงๆ พี่เค้าอยู่ด้วย.... (จริงๆอยู่ทุกวันนะ 5555)
ผมนำเสนอไอเดียรถเข็นของผมทันที ในตะกอนความคิดตอนนั้น กรองแล้วมั่ง ไม่กรองมั่ง แต่ก็พูดๆไป
ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นเจ้าของคาร์แคร์ คงกังวลเรื่องความสะอาดมาเป็นอันดับ1 และภาพลักษณ์เป็นอันดับ2
ผมนำเสนอเรื่องนี้เพื่อย้ำความมั่นใจ ว่าร้านผมจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ความสะอาดของเค้าเสียหาย
พี่เจ้าของคาร์แคร์น่ารักมากครับ นิสัยน่าจะคล้ายๆกับผม คือใจร้อน อยากทำไรทำเลย
ในระหว่างที่คุยผมสังเกตุเห็น "รถเข็น" คันนึงเป็นของเค้า
เค้าเล่าให้ฟังว่า......
"ครั้งนึงเคยอยากจะขายลูกชิ้นปลาระเบิด อยากมาก ไปซื้อรถเข็น อุปกรณ์มาโดยทั้งๆที่ไม่รู้จะเอาใครขาย
แต่อยากทำ และรู้ว่าจะต้องทำให้ได้ เลยซื้อมา ตอนนี้ก็จอดเป็นซากอย่างที่เห็น"
โหยพี่........เป๊ะเว่อร์ 55555
เรียกว่าสันดานกันเลยดีฟ่า โอเค โอเค ตกลงตามนี้ ผมขอขายริมฟุตบาทตำแหน่งนี้ ด้านหน้าคาร์แคร์พี่
ผมขายแค่วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตอน 20.00-02.00 น. หล่ะกันนะพี่นะ ผมขอใช้ไฟพี่-น้ำด้วย พี่จะคิดเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลย
ผมอยากทำมาก และรู้ว่าต้องทำให้ได้...... แจ้งเจตนาเค้าไปตามนั้น.....
พี่ฟิล (ขออนุญาติเอ่ยนาม) ยินยอมให้ผมขายแบบงงๆ ไม่รู้แกงงที่ผมพูดมาก หรือแกเริ่มเบลอที่ผมเล่าเรื่องร้านซะเป็นคุ้งเป็นแคว
สรุปสุดท้าย ผมได้ขายแน่ๆ เริ่มวันศุกร์สิ้นเดือนมีนาคม ผมดีใจมาก ความฝันผมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากๆ
Step ต่อไปในหัวผมโผล่ออกมาเป็นฉากๆ รายการของที่จะต้องซื้อ การคำนวนกำไรขาดทุน
และสุดท้าย......สิ่งที่ผมจะขาย......
ภาพตัดไปเมื่อ 35ปีก่อน..........เป็นธีมซีเปีย สีชา.....
ผมเติบโตมาในครอบครัวคนจีน มีอากง อาม่า อาแปะ อาเจ็ก ครบทีมคณาญาติ
สิ่งที่ผมต้องเห็นทุกครั้งเมื่อเดินมาซื้อการ์ตูนปากซอย คือ "ร้านก๋็วยเตี๋ยวคั่วไก่" แน่นอนครับ บ้านผมตอนนั้นอยู่ "สวนมะลิ"
"ก๋วยเตี๋ยวคั่วไ่ก่สวนมะลิ" ติดหนึ่งใน5อันดับต้นๆของก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เมืองไทย
ผมชื่นชอบรสชาดมาตั้งแต่เด็ก เป็นอะไรที่ลงตัวมาก อร่อย ทานง่าย เบสิคสุดๆ แต่มีเงื่อนไขในการปรุงแบบสุดๆ
และที่สำคัญ การจะหาร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยๆ ในกรุงเทพนั้น เอาจริงๆ มีแค่ไม่กี่ร้าน....เอาแบบอร่ิอยจริงๆนะ
กินแต่เด็ก ดูแต่เด็ก ลองทำแต่เด็ก
กินกันยันรู้สูตร (อาจจะไม่เป๊ะมากนัก) แต่ถือเป็นต้นแบบของผมได้เลย
ผมทดลองทำ ดัดแปลง นี่นู้นนั่นนิดหน่อย แต่คงสภาพความเป็น "ดั้งเดิม" ไว้เกือบหมด
ผมตัดสินใจแล้ว.....
ผมจะขาย "ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่"
(อ่านต่อตอนหน้าครับ)