สงกรานต์ปีนี้...กับเสือภูเขา (คนอื่น) ที่ตราด

กระทู้สนทนา
หลังจากไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดนาน 2 ปี (หลังน้ำท่วม กทม.) ปีนี้มีโอกาสได้ไป ใจอยากเอาเสือภูเขาไปปั่นด้วย แต่ไม่สามารถเพราะไปรถทัวร์แพคไม่เป็น หากถอดล้อหลังก็คงใส่กลับคืนด้วยตัวเองไม่ได้ (และแฟนเตือนว่าระวังจักรยานเป็นรอยนะ)...ยอมตัดใจ ไม่เอาไปดีกว่า

ก่อนจะไปชมรูป (ที่ถ่ายผ่านมือถือแบบงั้นๆ ไม่มีความสวยงามเท่าไรค่ะ)...บังเอิญว่า เข้าไปท่องเที่ยวที่ thaimtb มา เจอทริปจัดแถวบ้านเกิด เมื่อ 6-8 เมษายน: ตราด-เกาะกง และเจอรูปนี้ ...กรี๊ดดดด...น่าจะเป็นคนรู้จัก @ห้องจักรยานและทริปลุงโท, 2 สาวงาม จากกระทู้นี้ค่ะ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=681758




***รูปเล็กบ้างใหญ่ไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ***

ก่อนออกเดินทางถ่ายรูปกล้วยไม้เสียหน่อย


แค่เข้าถนนมอเตอร์เวย์ยังไม่เท่าไร เจอฝนเสียแล้ว หวั่นๆ ว่าจะเจอตลอดจนถึงปลายทางแน่ๆ (แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด ตกทุกวันอีกต่างหาก)


ระหว่างนั่งเซ็งๆ บนรถทัวร์ท่ามกลางสายฝน หันไปเจอน้องม๋า น่ารักเป็นที่สุด


ถึงบ้านก็เย็นย่ำแล้ว ระหว่างหม่ำอาหารเย็น (แกงเลียงผักโขมฝีมือน้า...อร่อยมากๆๆ) บ่นๆ ว่า อยากเอาจักรยานมาปั่นฝึกขึ้นเขาลงเนินแต่เอามาไม่ได้ น้าก็เลยบอกว่าที่บ้านมีคันหนึ่ง ตื่นเต้นดีใจ รีบวิ่งไปดู...กรี๊ดๆๆ ดีใจมาก น้าบอกว่าจะไปยืมเพื่อนมาให้อีกคัน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น 2 น้าหลานก็พร้อมลุย (แต่กังวลตรงไม่มีหมวกนี่แหละ ส่วนเรื่องเจ็บตรูดปล่อยไปก่อน) ข้อสังเกตที่เห็นก็คือ ที่นี่มีคนใส่หมวกน้อยมากๆ เลยบอกน้าว่าเดี๋ยวหลานเลิฟจะส่งหมวกกะไฟหน้า-ไฟท้ายไปให้ทางไปรษณีย์


ปั่นไปเรื่อยๆ ถึงตัวอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด (ห่างจากบ้านประมาณ 4 กม.)



ไปดูตะวันขึ้นที่สะพานปลา


คันนี้เป็นคันที่ได้ปั่นไป ตามน้าไม่ทัน สงสัยว่าเราจะขาอ่อนมากกว่า จักรยานคันนี้มิสามารถใช้จานหน้าอันเล็กได้ (กดไม่ไป เจ้าของไม่เคยใช้จานเล็กเลย) ระหว่างปั่นก็เสียงดังออดแอดๆ ตลอดทาง ส่วนเฟืองหลังก็ใช้อันเล็กสุดไม่ได้ ที่ใช้ได้มีแต่ 2-5,6 กับ 3-5,6 นอกนั้นไม่กล้ากลัวโซ่เค้าขาดเสียก่อน
ปอลอ. เบาะนิ่มดีมาก ไม่ได้ใส่กางเกงจักรยานก็ไม่ปวดไม่เมื่อยก้นเลยค่ะ


สุดแผ่นดินตะวันออก (คุณน้าขาแรงมากๆ ปั่นตามไม่ทัน รอบขาน้อยกว่าเราแต่ไปเร็วกว่าเราอีก)


ประภาคาร


เห็นเกาะช้างอยู่ไกลๆ มีเมฆลอยบนยอดเสียด้วย


แล้วน้าก็พาเข้าสู่ถนนตัดใหม่ (ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ เพราะกลับไปครั้งไหนๆ ก็อยู่แต่บ้าน ไม่กล้าออกไปตากแดด แดดมันช่างร้อนแรงจริงๆ)


มีถนนสุขุมวิทด้วย หัวเราะ


ถนนระหว่างทางที่ปั่นไป-กลับ มีเนินบ้างพอให้หอบเหนื่อยกันพอประมาณ



กลับถึงบ้านเจออินางนี้มานั่งรอ เห็นหน้าปุ๊บหางกระดิกไม่หยุด นางมีนามว่า "หลง" รู้จักผู้คนตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย รับประทานอาหารได้ 5 หลังคาเรือน (ม๋าของประชาชน) ใครถูกนางเห่าหรือกัดแสดงว่าต้องแย่จริงๆ


อาหารส่วนใหญ่ระหว่างไปพักพิง 4-5 วัน ก็พยายามแจ้งให้เค้าลดปริมาณลงบ้าง เพราะพุงจะแตกแล้ว ไม่อยากพกน้ำหนักกลับเมืองหลวง


สาวน้อยนางนี้เป็นหลาน ครั้งล่าสุดที่เจออายุประมาณ 1 ขวบ ครั้งนี้ก็ 3 ขวบ ไม่ว่าจะชุดนอน ชุดเที่ยว ชุดอยู่บ้าน ชุดเดียวกันหมด ทุุกชุดไม่มี "กางเกง" ต้อง "กระโปรง" เท่านั้น  (เด็กน้อยสมัยนี้เค้ารักสวยรักงามกันแต่เล็กแต่น้อย)...ท่าชู 2 นิ้ว สอนไว้อย่างดี แต่ตอนปฏิบัติกลายพันธุ์เสียแล้ว


ดอกไม้สวยๆ ป่าเขียวๆ ก็ต้องคู่กับคนสวยๆ (มั้ง)...


เย็นวันที่ 14 อยากได้เนินชันๆ เยอะๆ น้าก็จัดให้ค่ะ ก่อนไปปีนเนินเราก็แวะ "หาดทรายดำ" ป่าชายเลนกันก่อน (ไม่ได้เข้าไปชมป่าชายเลนกับหาดค่ะ จักรยานเข้าลำบากและเกรงว่าจะกลับบ้านมืดค่ำ ไฟท้ายไฟหน้าไม่มีด้วย)



แล้วก็ไปขึ้นเนินประมาณ 10 เนิน เพื่อจุดหมายปลายทาง "อ่าวตาลคู่" ไม่ได้มานานมากๆ ครั้งสุดท้ายที่มาก็สมัยมัธยมปลาย มาเห็นอีกทีก็มีถนนลาดยางแล้ว



วันกลับ กทม. วันที่ 15 ยังมีเล่นสงกรานต์ (วันไหล) ท่ามกลางฝนตกหนักกันอยู่เลย แต่ก็ยังไม่สาหัสเท่าซอยเข้าบ้าน (กทม.) 21.30 น. แล้วยังไม่เลิกเล่น รถติดจริงๆ


จากการได้ไปปั่นจักรยานครั้งนี้ หากคราวหน้ากลับไป ต้องพกจักรยานไปด้วยแน่นอน น้าบอกว่ายังมีอีกหลายแห่งที่มีเนินให้ฝึกปั่น ทำให้อยากจะไปแก้มือครั้งนี้ค่ะ



หมายเหตุ: เจ็ดคตไปไม่ถึงค่ะ เพราะม่องๆ เสียก่อน (ขาอ่อนอย่างแรง แรงหมดด้วย) ไปแค่เขื่อนขุนด่านปราการชลค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่