วันก่อนเอารถแม่บ้านแอลเอที่ใช้ปั่นวันละ ๓๐ กม.จนโซ่หลวมไปให้เฮียร้านจักรยานแก้ปัญหา
เฮียบอกว่าอยากหัดปั่นเร็วน่าจะเปลี่ยนเป็นรุ่นที่มีเกียร์ แบบราคาถูกๆไปก่อน
แถมใจป้ำ บอกว่าถ้าจะเอารถใหม่เฮียให้เอาคันแม่บ้านมาเทิร์น
ดิฉันอยากลองปั่นจักรยานที่เร่งความเร็วได้ดีกว่าเดิม
วันนี้เฮียบอกลองเอา LA Spark ไปลองให้คุ้นมือ ต่อไปจะได้ลอง MTB
ในชีวิตเคยปั่นเสือภูเขาแค่ครั้งเดียว เป็นรถเช่า
เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นอกเมืองปาย ลุยเดี่ยวบนทางลูกรัง
ปั่นยังไม่ถึงสิบห้านาที วิ่งลงเนินคุมรถไม่อยู่ กลิ้งโค่โร่ลงมา
จักรยานวิ่งชนหินข้างทาง หัวเบี้ยว ส่วนดิฉันลงไปคลุกกองหญ้า
มีเลือดออกจากจมูก แต่ส่วนอื่นไม่บุบสลาย ใจสั่นริกๆ แข้งขาอ่อน
ลากจักรยานไปนั่งในเถียงนาข้างทางคนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะรวบรวมแรง
เดินลากจักรยานกลับ
หลังจากนั้นกลัวจักรยานทรงสปอร์ตมาก และไม่กล้าขึ้นจักรยานที่มีคานกลาง
เวลาไปเที่ยวจะเช่าจักรยานแม่บ้านถีบตลอด
ครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะก้าวข้ามความกลัวได้ เพราะถีบจักรยานทุกวัน
ระยะทางไม่น้อย ความเร็วก็พอสถานประมาณ
เฮียค่อยๆ ปรับรถคันใหม่ให้ พอขึ้นคร่อมลองปั่นใจสั่นขึ้นมาอีก
มือสั่น รถสั่น เฮียคงดูหน้ารู้ว่าไม่มั่นใจเอาเลย บอกว่าปั่นหน้าร้านไปก่อนให้เคยมือ
คอยปรับโน่นนิดนี่หน่อยให้ จนแน่ใจว่าปั่นได้นิ่ง
โบกมือลารถแม่บ้านคันเก่า เอาเจ้าสปาร์คออกถนน
ไม่ยากแฮะ... วิ่งฉิว ลืมไปว่าบนหัวสวมหมวกแก๊ป
หมวกปลิวค่ะ...พอหลุดปั๊บ ดิฉันก็คว้าปุ๊บ ลืมไปว่าอยู่บนหลังอาน
พอนึกออกรถก็พุ่งเข้าหาฟุตบาทแล้ว มือยังไม่ชินเบรค
รถล้มเต็มๆ ค่ะ ตัวลงไปนอนพังพาบจูบฟุตบาท เข่าเยิน
รถใหม่เอี่ยมคลุกฝุ่นข้างถนน
โชคดีที่ล้มหน้ารถกะบะที่จอดข้างทาง จึงไม่มีรถตามหลังทั้งที่ถนนจอแจมาก
ตอนลุกขึ้นมาใจสั่นมากค่ะ ทั้งกลัว ทั้งโกรธตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ
รถใหม่ยังปั่นเร็ว ไม่ระวังตัว ไม่คุมสติให้ดี
ยังดีที่แข็งใจปั่นกลับมาได้ แบบช้ามากๆ
ปัญหาคือตอนนี้แค่คิดว่าจะออกไปปั่นก็ใจหวิวๆ ความมั่นใจน้อยมาก
ชาวจักรยานห้องนี้น่าจะผ่านอุบัติเหตุกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
ก้าวข้ามความกลัวกันอย่างไรคะ
เจิมรถคันใหม่ ได้ความกลัวกลับมาเต็มๆ
เฮียบอกว่าอยากหัดปั่นเร็วน่าจะเปลี่ยนเป็นรุ่นที่มีเกียร์ แบบราคาถูกๆไปก่อน
แถมใจป้ำ บอกว่าถ้าจะเอารถใหม่เฮียให้เอาคันแม่บ้านมาเทิร์น
ดิฉันอยากลองปั่นจักรยานที่เร่งความเร็วได้ดีกว่าเดิม
วันนี้เฮียบอกลองเอา LA Spark ไปลองให้คุ้นมือ ต่อไปจะได้ลอง MTB
ในชีวิตเคยปั่นเสือภูเขาแค่ครั้งเดียว เป็นรถเช่า
เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน นอกเมืองปาย ลุยเดี่ยวบนทางลูกรัง
ปั่นยังไม่ถึงสิบห้านาที วิ่งลงเนินคุมรถไม่อยู่ กลิ้งโค่โร่ลงมา
จักรยานวิ่งชนหินข้างทาง หัวเบี้ยว ส่วนดิฉันลงไปคลุกกองหญ้า
มีเลือดออกจากจมูก แต่ส่วนอื่นไม่บุบสลาย ใจสั่นริกๆ แข้งขาอ่อน
ลากจักรยานไปนั่งในเถียงนาข้างทางคนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะรวบรวมแรง
เดินลากจักรยานกลับ
หลังจากนั้นกลัวจักรยานทรงสปอร์ตมาก และไม่กล้าขึ้นจักรยานที่มีคานกลาง
เวลาไปเที่ยวจะเช่าจักรยานแม่บ้านถีบตลอด
ครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะก้าวข้ามความกลัวได้ เพราะถีบจักรยานทุกวัน
ระยะทางไม่น้อย ความเร็วก็พอสถานประมาณ
เฮียค่อยๆ ปรับรถคันใหม่ให้ พอขึ้นคร่อมลองปั่นใจสั่นขึ้นมาอีก
มือสั่น รถสั่น เฮียคงดูหน้ารู้ว่าไม่มั่นใจเอาเลย บอกว่าปั่นหน้าร้านไปก่อนให้เคยมือ
คอยปรับโน่นนิดนี่หน่อยให้ จนแน่ใจว่าปั่นได้นิ่ง
โบกมือลารถแม่บ้านคันเก่า เอาเจ้าสปาร์คออกถนน
ไม่ยากแฮะ... วิ่งฉิว ลืมไปว่าบนหัวสวมหมวกแก๊ป
หมวกปลิวค่ะ...พอหลุดปั๊บ ดิฉันก็คว้าปุ๊บ ลืมไปว่าอยู่บนหลังอาน
พอนึกออกรถก็พุ่งเข้าหาฟุตบาทแล้ว มือยังไม่ชินเบรค
รถล้มเต็มๆ ค่ะ ตัวลงไปนอนพังพาบจูบฟุตบาท เข่าเยิน
รถใหม่เอี่ยมคลุกฝุ่นข้างถนน
โชคดีที่ล้มหน้ารถกะบะที่จอดข้างทาง จึงไม่มีรถตามหลังทั้งที่ถนนจอแจมาก
ตอนลุกขึ้นมาใจสั่นมากค่ะ ทั้งกลัว ทั้งโกรธตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ
รถใหม่ยังปั่นเร็ว ไม่ระวังตัว ไม่คุมสติให้ดี
ยังดีที่แข็งใจปั่นกลับมาได้ แบบช้ามากๆ
ปัญหาคือตอนนี้แค่คิดว่าจะออกไปปั่นก็ใจหวิวๆ ความมั่นใจน้อยมาก
ชาวจักรยานห้องนี้น่าจะผ่านอุบัติเหตุกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
ก้าวข้ามความกลัวกันอย่างไรคะ