ปั่นจักรยานครั้งแรก กำนันแม้น-ลานพระบรมรูปทรงม้า ไปกลับ เกือบสี่สิบโล
ถามว่าเป็นยังไง รู้สึกยังไง คงบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะวันที่ปั่น ปั้นไป ไปกับเฮีย
เฮีย ที่ในสายตาของน้อง เฮียเนี่ยไม่ได้เรื่องเลย ไม่เอาอ่าว ไม่น่าจะเป็นที่พึ่งของใครได้ แต่วันนี้ก็ทำให้ทุกอย่างที่เคยมองเฮียในแง่ร้าย ไม่เอาไหน จางหายไปหมดสิ้น ….
เฮียพาปั่นจักรยาน จากบ้านกำนันแม้น ออกถนนใหญ่เอกชัย เส้นเดินรถที่เราเข้าออกหลายต่อหลายครั้ง แต่วันนี้แตกต่างไป เฮียปั่นจักยานตามหลัง คอยตะโกนบอกเทคนิค จังหวะ การดูรถ จนเรารู้สึกรำคาญ ประมาณว่า “ตรูเคยออกมาแล้วน่า” แต่สิ่งที่เฮียบอกก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์ เราปั่นจักรยานเป็นงานมากขึ้น ไม่ต้องคอยระวังรถหลัง เพราะเฮียคอยระวังให้ เราอยากไปลานพระรูปเพื่อจะได้บอกใครต่อใครว่าเราเคยไปมาแล้ว เฮียสอนเราข้ามแยกไฟแดงบางยี่เรือ เฮียสอนสับจานขึ้นสะพานปกเกล้า จากที่แรกๆสะพานสูงเหลือเกิน กลับเตี้ยลงไปถนัดตา เราขึ้นถึงกลางสะพาน ตะโกนออกมาด้วยความสะใจ ขึ้นสะพานปกเกล้าได้แล้วว้อยยย ได้ยินเสียงเฮียหัวเราะดังมาจากด้านหลัง
รถติดมาก หลังจากลงจากปกเกล้า เฮียสอนให้เราใช้เบรคเมื่อจำเป็น ไหลไปตามรถเมื่อถึงเวลา แล้วเราก็ได้รู้อีกว่า เบรคไม่ได้จำเป็นเสมอไป
เฮียสอนให้เราลงเดินเวลาเมื่อย อ้อ…อีกอย่าง เฮียสอนให้เรายืนบนบันใดตอนที่ขี่เพื่อแก้เมื่อ ขอบอกว่าเป็นเทคนิคที่พอทำแล้วภูมิใจสุดๆ เสียงเฮียดังมาตลอดทางที่ขี่ตามหลังเรา สอนเรากะระยะ สอนเราชลอ สอนเราเบรค สอนเทคนิค ทั้งๆที่จักรยานเรา เยอะสปีด และเราเยอะอีโก้ เราคิดว่าเราเก่ง เราคิดแต่ว่าพี่เราไม่เอาไหน แต่พี่เราคนนี้ เฮียเราคนนี้ ปั่นคาดิแลคเก่าๆ เกียรฺ์สองเกียร์สาม เพื่อดูแลและสอนเราอยู่ด้านหลัง ไม่เคยบ่นรำคาญ เหมือนที่เราบ่น ไม่เคยบ่นเมื่อยเหนื่อย เหมือนที่เราบ่น ไม่เคยเรื่องมากเหมือนที่เราเรื่องมาก และอีโก้ของเฮียก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนเราหันมามองตัวเราเองว่า นี่หรือคือคนที่เก่งที่แน่ ความอดทนยังไม่มี ความพยายามยังไม่มี จักรยานเฮีย6สปีด เฮียบอกพอแล้ว เพราะมีงบซื้อได้แค่รถมือสอง หาได้ดีๆก็พอใจแล้ว ส่วนจักรยานเราราคาเป็นหมื่น...
พอไปถึงพระรูป เราปวดห้องน้ำมาก หาอยู่นาน จนไปเจอที่หนึ่ง คุณยามพาเข้าไปชี้เป้้าห้องน้ำ เราก็เรื่องมาก อยากได้ทิชชู่ ตามประสาผู้หญิง เฮียบอกเดี๋ยวมา สักครู่วนกลับมาเอาทิชชู่มาให้หนึ่งซอง บอกว่า ปกติเซเว่นห้าบาท นี่ขายสิบบาท ตอนแรกว่าจะไม่ซื้อแต่เดี๋ยวเมิงได้บ่นโน่นนี่
เสร็จกิจ ปั่นจักรยานออกถนนใหญ่อีกครั่ง ทะเล่อทะล่าออกไป มอเตอร์ไซค์เกือบสอยเอาไปกิน
มารู้ภายหลัง แฟนเราบอกว่า ตอนที่มอเตอร์ไซค์เกือบชนเรา เฮียรีบสปินออกมาหาเรา รถตู้ก็เกือบคาบเฮียไปกินเช่นกัน เราพูดไม่ออก ได้แต่สลด และ เฮียกับแฟนเราก็บ่นเรื่องมอเตอร์ไซค์คั้นนั้นอีกนานโข
นั่งชมบรรยากาศ คิดว่าคงจะไม่ได้ปั่นจักรยานมาที่พระรูปนี่อีกพักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับบ้าน ขาเราล้าแล้ว สงสัยจะเหนื่อย เฮียบอกค่อยๆกลับ ขากลับ สะพานปกเกล้าดูจะชันกว่าขามา เราใช้จานเล็กสุดทั้งหน้าและหลัง เราเริ่มไม่ค่อยพูด เฮียตะโกนซัพพอร์ตตลอดทาง ค่อยๆ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกลัวรถหลัง เช่นนี้จนถึงทางลง ตอนนี้หันหลังมองหลับไปกลางสะพานปกเกล้า ตะโกนในใจดัง ๆ โอ้วตรูข้ามผ่านมาได้แล้ว
เรื่อยมาจนวงเวียนใหญ่ รถราไม่เยอะเหมือนตอนเช้าที่มาทำงาน จากวงเวียนใหญ่มุ่งหน้ามาทางสำเหร่ เพื่อจะกลับทางกัลปพฤกษ์ ต้องลงจากจักรยานเพื่อเข็นข้ามทางม้าลาย เพื่อความปลอดภัย แยกเยอะเหลือเกิน ขาล้าจนก้าวขึ้นจักรยานไม่ไหวแล้ว ต้องอาศัยฟุตบาทช่วยอีกแรง มองไปข้างหน้า ยังมีสะพานยกระดับราชพฤกษซึ่งสูงไม่ใช่เล่นในขณะนี้ ขาไม่สั่นแต่ใจไม่สู้ เลยบอกเฮียว่าขอเข็นขึ้นสะพานดีกว่า เฮียบอกค่อย ๆ เข็นไป ขณะขึ้นสะพาน มันเมื่อยและชันมากที่สุดเข็นรถ 14โล+กระเป๋าใส่ของจิปาถะ เฮียบอกว่าก้าวยาว ๆ จะได้ไม่เหนื่อยมาก สักครู่หนึ่งรู้สึกว่าจักรยาน 14โลของเราเบาลง เข็นสบายขึ้น แอบดีใจว่าหายเหนื่อย แต่พอหันไปมองด้านหลัง เฮียจูงจักรยานตัวเอง และดันหลังจักรยานเราขึ้นมาด้วย ไม่พูดและไม่บ่นสักคำ
ลงจะทางยกระดับราชพฤกษ์จะเป็นเส้นทางสวรรค์ของเราแล้ว เพราะใกล้จะถึงบ้านแล้ว ทางตรง ๆ ยาว ๆ แต่เนินน้อย ๆ เยอะจัง เฮียบอกว่าแรงเฮือกสุดท้ายนะ เจอหมาก็ตีกระดิ่งไล่มัน หมาชุมมาก ชอบโผล่มาจากพงหญ้าริมทาง เราตีกระดิ่งตลอดทางเลย เราปั่นนำเฮีย เสียเฮียเชียร์ไล่หลังตลอด ใกล้แล้ว ฮึดหน่อย อีกนิดเดียว เราพูดอะไรไม่ออก เพราะตอนนี้คิดถึงบ้านมาก ไม่เคยคิดว่าจะคิดถึงมากมายขนาดนี้ เวลาที่เหนื่อย ล้า ท้อแท้ บ้านคือวิมานจริง ๆ … เนินเล็ก ๆ นี่ก็ใช่ย่อย บวกกับหลายเนินจัด แรงแผ่วมาก เฮียบอกว่า เป็นไงทางลงเนินนี่เหมือนขึ้นสวรรค์เลยเน๊อะ….
ก่อนเก็บจักรยานเข้าบ้าน เฮีบถามว่า หายคันรึยัง? แล้วจะไปอีกมั้ย? เรายิ้ม….
พูดกับเฮียไม่ออก เขิล ไม่กล้าพูดขอบคุณที่เฮียส่งเสียง ทั้งสอน ทั้งซัพพอร์ต ทั้งดูแลตลอดเส้นทาง 40กิโล ขึ้นเขาลงเนิน ขึ้นสะพาน ข้ามแยก ทางม้าลาย ติดไฟแดง หาห้องน้ำ 3.11 ชม อันแสนสนุก (ช่วงแรก) แสนขมขื่น (ช่วงหล้ง) ถ้าเป็นหนังคงไม่สนุกเพราะหลับไปแต่กลางเรื่อง แต่ในชีวิตจริงบนท้องถนน ต้องอาศัยความพยายาม และอดทนสูงมาก สำหรับมือใหม่หัดปั่น ขาอ่อน ขี้บ่น ที่สำคัญ สติ ต้องมีติดตัวอยู่ตลอดเวลา...
ปล. เราปั่น ศุกร์ เสาร์ เส้นเอกชัย วุฒากาศ ตลาดพลูนะ เจอก็ทักทายได้ Trek ผู้หญิง มีเต่าวื่งตามกัดยางด้วยหล่ะ เราไม่รีบ..
สี่สิบโลนะท่าน
ถามว่าเป็นยังไง รู้สึกยังไง คงบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะวันที่ปั่น ปั้นไป ไปกับเฮีย
เฮีย ที่ในสายตาของน้อง เฮียเนี่ยไม่ได้เรื่องเลย ไม่เอาอ่าว ไม่น่าจะเป็นที่พึ่งของใครได้ แต่วันนี้ก็ทำให้ทุกอย่างที่เคยมองเฮียในแง่ร้าย ไม่เอาไหน จางหายไปหมดสิ้น ….
เฮียพาปั่นจักรยาน จากบ้านกำนันแม้น ออกถนนใหญ่เอกชัย เส้นเดินรถที่เราเข้าออกหลายต่อหลายครั้ง แต่วันนี้แตกต่างไป เฮียปั่นจักยานตามหลัง คอยตะโกนบอกเทคนิค จังหวะ การดูรถ จนเรารู้สึกรำคาญ ประมาณว่า “ตรูเคยออกมาแล้วน่า” แต่สิ่งที่เฮียบอกก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์ เราปั่นจักรยานเป็นงานมากขึ้น ไม่ต้องคอยระวังรถหลัง เพราะเฮียคอยระวังให้ เราอยากไปลานพระรูปเพื่อจะได้บอกใครต่อใครว่าเราเคยไปมาแล้ว เฮียสอนเราข้ามแยกไฟแดงบางยี่เรือ เฮียสอนสับจานขึ้นสะพานปกเกล้า จากที่แรกๆสะพานสูงเหลือเกิน กลับเตี้ยลงไปถนัดตา เราขึ้นถึงกลางสะพาน ตะโกนออกมาด้วยความสะใจ ขึ้นสะพานปกเกล้าได้แล้วว้อยยย ได้ยินเสียงเฮียหัวเราะดังมาจากด้านหลัง
รถติดมาก หลังจากลงจากปกเกล้า เฮียสอนให้เราใช้เบรคเมื่อจำเป็น ไหลไปตามรถเมื่อถึงเวลา แล้วเราก็ได้รู้อีกว่า เบรคไม่ได้จำเป็นเสมอไป
เฮียสอนให้เราลงเดินเวลาเมื่อย อ้อ…อีกอย่าง เฮียสอนให้เรายืนบนบันใดตอนที่ขี่เพื่อแก้เมื่อ ขอบอกว่าเป็นเทคนิคที่พอทำแล้วภูมิใจสุดๆ เสียงเฮียดังมาตลอดทางที่ขี่ตามหลังเรา สอนเรากะระยะ สอนเราชลอ สอนเราเบรค สอนเทคนิค ทั้งๆที่จักรยานเรา เยอะสปีด และเราเยอะอีโก้ เราคิดว่าเราเก่ง เราคิดแต่ว่าพี่เราไม่เอาไหน แต่พี่เราคนนี้ เฮียเราคนนี้ ปั่นคาดิแลคเก่าๆ เกียรฺ์สองเกียร์สาม เพื่อดูแลและสอนเราอยู่ด้านหลัง ไม่เคยบ่นรำคาญ เหมือนที่เราบ่น ไม่เคยบ่นเมื่อยเหนื่อย เหมือนที่เราบ่น ไม่เคยเรื่องมากเหมือนที่เราเรื่องมาก และอีโก้ของเฮียก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนเราหันมามองตัวเราเองว่า นี่หรือคือคนที่เก่งที่แน่ ความอดทนยังไม่มี ความพยายามยังไม่มี จักรยานเฮีย6สปีด เฮียบอกพอแล้ว เพราะมีงบซื้อได้แค่รถมือสอง หาได้ดีๆก็พอใจแล้ว ส่วนจักรยานเราราคาเป็นหมื่น...
พอไปถึงพระรูป เราปวดห้องน้ำมาก หาอยู่นาน จนไปเจอที่หนึ่ง คุณยามพาเข้าไปชี้เป้้าห้องน้ำ เราก็เรื่องมาก อยากได้ทิชชู่ ตามประสาผู้หญิง เฮียบอกเดี๋ยวมา สักครู่วนกลับมาเอาทิชชู่มาให้หนึ่งซอง บอกว่า ปกติเซเว่นห้าบาท นี่ขายสิบบาท ตอนแรกว่าจะไม่ซื้อแต่เดี๋ยวเมิงได้บ่นโน่นนี่
เสร็จกิจ ปั่นจักรยานออกถนนใหญ่อีกครั่ง ทะเล่อทะล่าออกไป มอเตอร์ไซค์เกือบสอยเอาไปกิน
มารู้ภายหลัง แฟนเราบอกว่า ตอนที่มอเตอร์ไซค์เกือบชนเรา เฮียรีบสปินออกมาหาเรา รถตู้ก็เกือบคาบเฮียไปกินเช่นกัน เราพูดไม่ออก ได้แต่สลด และ เฮียกับแฟนเราก็บ่นเรื่องมอเตอร์ไซค์คั้นนั้นอีกนานโข
นั่งชมบรรยากาศ คิดว่าคงจะไม่ได้ปั่นจักรยานมาที่พระรูปนี่อีกพักใหญ่ ก็ถึงเวลากลับบ้าน ขาเราล้าแล้ว สงสัยจะเหนื่อย เฮียบอกค่อยๆกลับ ขากลับ สะพานปกเกล้าดูจะชันกว่าขามา เราใช้จานเล็กสุดทั้งหน้าและหลัง เราเริ่มไม่ค่อยพูด เฮียตะโกนซัพพอร์ตตลอดทาง ค่อยๆ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกลัวรถหลัง เช่นนี้จนถึงทางลง ตอนนี้หันหลังมองหลับไปกลางสะพานปกเกล้า ตะโกนในใจดัง ๆ โอ้วตรูข้ามผ่านมาได้แล้ว
เรื่อยมาจนวงเวียนใหญ่ รถราไม่เยอะเหมือนตอนเช้าที่มาทำงาน จากวงเวียนใหญ่มุ่งหน้ามาทางสำเหร่ เพื่อจะกลับทางกัลปพฤกษ์ ต้องลงจากจักรยานเพื่อเข็นข้ามทางม้าลาย เพื่อความปลอดภัย แยกเยอะเหลือเกิน ขาล้าจนก้าวขึ้นจักรยานไม่ไหวแล้ว ต้องอาศัยฟุตบาทช่วยอีกแรง มองไปข้างหน้า ยังมีสะพานยกระดับราชพฤกษซึ่งสูงไม่ใช่เล่นในขณะนี้ ขาไม่สั่นแต่ใจไม่สู้ เลยบอกเฮียว่าขอเข็นขึ้นสะพานดีกว่า เฮียบอกค่อย ๆ เข็นไป ขณะขึ้นสะพาน มันเมื่อยและชันมากที่สุดเข็นรถ 14โล+กระเป๋าใส่ของจิปาถะ เฮียบอกว่าก้าวยาว ๆ จะได้ไม่เหนื่อยมาก สักครู่หนึ่งรู้สึกว่าจักรยาน 14โลของเราเบาลง เข็นสบายขึ้น แอบดีใจว่าหายเหนื่อย แต่พอหันไปมองด้านหลัง เฮียจูงจักรยานตัวเอง และดันหลังจักรยานเราขึ้นมาด้วย ไม่พูดและไม่บ่นสักคำ
ลงจะทางยกระดับราชพฤกษ์จะเป็นเส้นทางสวรรค์ของเราแล้ว เพราะใกล้จะถึงบ้านแล้ว ทางตรง ๆ ยาว ๆ แต่เนินน้อย ๆ เยอะจัง เฮียบอกว่าแรงเฮือกสุดท้ายนะ เจอหมาก็ตีกระดิ่งไล่มัน หมาชุมมาก ชอบโผล่มาจากพงหญ้าริมทาง เราตีกระดิ่งตลอดทางเลย เราปั่นนำเฮีย เสียเฮียเชียร์ไล่หลังตลอด ใกล้แล้ว ฮึดหน่อย อีกนิดเดียว เราพูดอะไรไม่ออก เพราะตอนนี้คิดถึงบ้านมาก ไม่เคยคิดว่าจะคิดถึงมากมายขนาดนี้ เวลาที่เหนื่อย ล้า ท้อแท้ บ้านคือวิมานจริง ๆ … เนินเล็ก ๆ นี่ก็ใช่ย่อย บวกกับหลายเนินจัด แรงแผ่วมาก เฮียบอกว่า เป็นไงทางลงเนินนี่เหมือนขึ้นสวรรค์เลยเน๊อะ….
ก่อนเก็บจักรยานเข้าบ้าน เฮีบถามว่า หายคันรึยัง? แล้วจะไปอีกมั้ย? เรายิ้ม….
พูดกับเฮียไม่ออก เขิล ไม่กล้าพูดขอบคุณที่เฮียส่งเสียง ทั้งสอน ทั้งซัพพอร์ต ทั้งดูแลตลอดเส้นทาง 40กิโล ขึ้นเขาลงเนิน ขึ้นสะพาน ข้ามแยก ทางม้าลาย ติดไฟแดง หาห้องน้ำ 3.11 ชม อันแสนสนุก (ช่วงแรก) แสนขมขื่น (ช่วงหล้ง) ถ้าเป็นหนังคงไม่สนุกเพราะหลับไปแต่กลางเรื่อง แต่ในชีวิตจริงบนท้องถนน ต้องอาศัยความพยายาม และอดทนสูงมาก สำหรับมือใหม่หัดปั่น ขาอ่อน ขี้บ่น ที่สำคัญ สติ ต้องมีติดตัวอยู่ตลอดเวลา...
ปล. เราปั่น ศุกร์ เสาร์ เส้นเอกชัย วุฒากาศ ตลาดพลูนะ เจอก็ทักทายได้ Trek ผู้หญิง มีเต่าวื่งตามกัดยางด้วยหล่ะ เราไม่รีบ..