http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366260882&grpid=03&catid=&subcatid=
http://www.forbes.com/sites/scottdecarlo/2012/04/18/the-worlds-biggest-companies/
นิตยสารธุกิจ"ฟอร์บส" ได้จัดอันดับให้"ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน" หรือ "ไอซีบีซี" ครองแชมป์บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไปครองเป็นครั้งแรก เขี่ย "เอ็กซอน โมบิล" บริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อดีตแชมป์เก่า
ฟอร์บสระบุว่า บริษัทชั้นนำระดับโลก 2,000 แห่ง มีรายได้รวมกันทั้งสิ้น 38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,102 ล้านล้านบาท) มีกำไรทั้งสิ้น 2.43 ล้านล้านดอลลาร์ มีสินทรัพย์รวมกัน 159 ล้านล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 39 ล้านล้านดอลลาร์ และมีพนักงานรวมกันทั่วโลก 87 ล้านคน
ผลการสำรวจครั้งนี้ จัดทำโดยอาศัยข้อมูลจากบริษัทกว่า 2,000 แห่งใน 63 ประเทศ โดยมีสหรัฐฯมากที่สุด (543 แห่ง) ญี่ปุ่น (251 แห่ง) และจีน (136 แห่ง) และมี 11 ประเทศที่ติดอยู่ในลิสต์ดังกล่าว ที่มีบริษัทเพียงแห่งเดียว อาทิ นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเชก และเวียดนาม โดยปัจจัย 4 ด้านที่ใช้ในการพิจารณา ได้แก่ ยอดขาย กำไร สินทรัพย์ และมูลค่าตลาด
ขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความโดดเด่นในแง่ของการเติบโต จากปัจจัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย ขณะที่เบลเยี่ยม ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีอัตราการเติบโตด้านมูลค่าตลาดมากที่สุด ในระดับตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีก่อน
ธนาคารไอซีบีซี เอาชนะเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นแชมป์เก่าปีที่แล้ว ได้เป็นครั้งแรก ขณะที่ธนาคารเพื่อการก่อสร้างของจีน ทะยานขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว มายังอันดับ 2 ส่วน"เจพี มอร์แกน เชส" อดีตแชมป์เก่าเมื่อปี 2011 ขยับลงมาอยู่อันดับ 3 ส่วน"เจเนอรัล อิเล็กทริก" หรือจีอี ของสหรัฐฯครองอันดับ 4 ตามด้วยเอ็กซอน โมบิลที่ร่วงมาอยู่อันดับ 5 แต่ยังคงครองแชมป์บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้วยปริมาณ 44,900 ล้านดอลลาร์
ตามมาด้วยธนาคาร"เอชเอสบีซี"ในอันดับ 6 "รอยัล ดัชต์ เชลล์" ในอันดับ 7, ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งจีน (อันดับ 8), "เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์"ของนายวอร์เรน บัฟเฟต์ ในอันดับ 9 และบริษัท"ปิโตร ไชน่า" บริษัทด้านพลังงานใหญ่ที่สุดของจีนในอันดับ 10
ด้าน"แอปเปิ้ล" ซึ่งอยู่ในอันดับ 15 ร่วมกับ"วอลล์มาร์ต" เครือข่ายห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แม้มูลค่าตลาดจะลดลงถึง 24% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็ตาม ขณะที่วอลล์มาร์ต ยึดตำแหน่งแชมป์บริษัทที่มียอดขายมากที่สุดในโลกไปครอง จาก"รอยัล ดัชต์ เชลล์" กลุ่มอัลลายแอนซ์ จากเยอรมนี และซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จากเกาหลีใต้
ด้าน"ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด" หรือเอชพี เป็นบริษัทที่อันดับลดลงมากที่สุด จากอันดับ 67 เมื่อปี 2012 ตกลงมาที่อันดับ 438 ในปีนี้ โดยมีอันดับลดลงในทั้ง 4 ปัจจัยหลัก
ในส่วนบริษัทของไทยนั้น มีบริษัทที่ติดอันดับ 16 แห่ง หน่วยงานที่ครองอันดับ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อยู่ในอันดับที่ 144 ตามด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ ในอันดับที่ 477, ธนาคารกสิกรไทย ในอันดับที่ 524, บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 607, บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (อันดับ 633), ธนาคารกรุงเทพ (อันดับ 640), ธนาคารกรุงไทย (อันดับ 735) และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (อันดับ 914)
ปล. ICBC นี่ก็ได้ข่าวจ้องรอจะซื้อกิจการแบ้งในไทยอยู่เรื่อยๆนะ
ข่าว -- "ฟอร์บส" จัดอันดับบริษัทของโลกปีล่าสุด
http://www.forbes.com/sites/scottdecarlo/2012/04/18/the-worlds-biggest-companies/
นิตยสารธุกิจ"ฟอร์บส" ได้จัดอันดับให้"ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน" หรือ "ไอซีบีซี" ครองแชมป์บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไปครองเป็นครั้งแรก เขี่ย "เอ็กซอน โมบิล" บริษัทด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อดีตแชมป์เก่า
ฟอร์บสระบุว่า บริษัทชั้นนำระดับโลก 2,000 แห่ง มีรายได้รวมกันทั้งสิ้น 38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,102 ล้านล้านบาท) มีกำไรทั้งสิ้น 2.43 ล้านล้านดอลลาร์ มีสินทรัพย์รวมกัน 159 ล้านล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 39 ล้านล้านดอลลาร์ และมีพนักงานรวมกันทั่วโลก 87 ล้านคน
ผลการสำรวจครั้งนี้ จัดทำโดยอาศัยข้อมูลจากบริษัทกว่า 2,000 แห่งใน 63 ประเทศ โดยมีสหรัฐฯมากที่สุด (543 แห่ง) ญี่ปุ่น (251 แห่ง) และจีน (136 แห่ง) และมี 11 ประเทศที่ติดอยู่ในลิสต์ดังกล่าว ที่มีบริษัทเพียงแห่งเดียว อาทิ นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเชก และเวียดนาม โดยปัจจัย 4 ด้านที่ใช้ในการพิจารณา ได้แก่ ยอดขาย กำไร สินทรัพย์ และมูลค่าตลาด
ขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความโดดเด่นในแง่ของการเติบโต จากปัจจัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย ขณะที่เบลเยี่ยม ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีอัตราการเติบโตด้านมูลค่าตลาดมากที่สุด ในระดับตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีก่อน
ธนาคารไอซีบีซี เอาชนะเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นแชมป์เก่าปีที่แล้ว ได้เป็นครั้งแรก ขณะที่ธนาคารเพื่อการก่อสร้างของจีน ทะยานขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว มายังอันดับ 2 ส่วน"เจพี มอร์แกน เชส" อดีตแชมป์เก่าเมื่อปี 2011 ขยับลงมาอยู่อันดับ 3 ส่วน"เจเนอรัล อิเล็กทริก" หรือจีอี ของสหรัฐฯครองอันดับ 4 ตามด้วยเอ็กซอน โมบิลที่ร่วงมาอยู่อันดับ 5 แต่ยังคงครองแชมป์บริษัทที่มีผลกำไรสุทธิมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้วยปริมาณ 44,900 ล้านดอลลาร์
ตามมาด้วยธนาคาร"เอชเอสบีซี"ในอันดับ 6 "รอยัล ดัชต์ เชลล์" ในอันดับ 7, ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งจีน (อันดับ 8), "เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์"ของนายวอร์เรน บัฟเฟต์ ในอันดับ 9 และบริษัท"ปิโตร ไชน่า" บริษัทด้านพลังงานใหญ่ที่สุดของจีนในอันดับ 10
ด้าน"แอปเปิ้ล" ซึ่งอยู่ในอันดับ 15 ร่วมกับ"วอลล์มาร์ต" เครือข่ายห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แม้มูลค่าตลาดจะลดลงถึง 24% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็ตาม ขณะที่วอลล์มาร์ต ยึดตำแหน่งแชมป์บริษัทที่มียอดขายมากที่สุดในโลกไปครอง จาก"รอยัล ดัชต์ เชลล์" กลุ่มอัลลายแอนซ์ จากเยอรมนี และซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จากเกาหลีใต้
ด้าน"ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด" หรือเอชพี เป็นบริษัทที่อันดับลดลงมากที่สุด จากอันดับ 67 เมื่อปี 2012 ตกลงมาที่อันดับ 438 ในปีนี้ โดยมีอันดับลดลงในทั้ง 4 ปัจจัยหลัก
ในส่วนบริษัทของไทยนั้น มีบริษัทที่ติดอันดับ 16 แห่ง หน่วยงานที่ครองอันดับ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อยู่ในอันดับที่ 144 ตามด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ ในอันดับที่ 477, ธนาคารกสิกรไทย ในอันดับที่ 524, บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 607, บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย (อันดับ 633), ธนาคารกรุงเทพ (อันดับ 640), ธนาคารกรุงไทย (อันดับ 735) และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (อันดับ 914)
ปล. ICBC นี่ก็ได้ข่าวจ้องรอจะซื้อกิจการแบ้งในไทยอยู่เรื่อยๆนะ