คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
โอ ถ้านับการส่งบรรณาการให้จีนคือการเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีน ถ้างั้นเกือบทุกประเทศในโลกก็นับเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีนละครับ
อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ชวา รัสเซีย อินเดีย อาหรับ ออตโตมาน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ศรีลังกา พวกนี้ต้องนับว่าเคยเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีนของจีนหมด
เพราะในอดีตจีนกำหนดไว้ชัดเจน ใครจะมาค้าขายกับจีนจะต้องยอมรับฮ่องเต้ของจีนเป็นจักรพรรดิกลางของโลก เหนือกว่ากษัตริย์ทั้งมวลบนโลกนี้ และจะต้องส่งบรรณาการให้ก่อนจึงจะค้าขายกันได้
แถมการส่งบรรณาการของเรานี่แหวกแนวกว่าคนอื่นเขาอีกต่างหาก คนอื่น 3 ปีค่อยส่งบรรณาการที แต่ของเราไปค้าขายครั้งไหนก็ขนบรรณาการไปส่งให้ทุกครั้ง บางปีส่งไป 3-4 ครั้ง เพราะจีนถือว่ารับบรรณาการมาแล้วต้องตอบแทนกลับคืนให้มากกว่ามีค่าสูงกว่า เราได้ของกลับมามากกว่าก็หวานสิ เลยขนมันไปบ่อยๆจนกระทั่งราชสำนักจีนต้องยกมือห้ามบอกส่งมาแค่ 3 ปีครั้งพอแล้ว เอาเฉพาะสมัยราชวงศ์หมิงราวเกือบๆ 300 ปี เราเล่นส่งบรรณาการไป 110 ครั้ง มันก็เห็นกันชัดเจน ถ้าประเทศไทยเห็นว่าเป็นบรรณาการแสดงความเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีน ไทยเราจะตื่นตัวส่งไปขนาดนี้เรอะ
อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ชวา รัสเซีย อินเดีย อาหรับ ออตโตมาน โปรตุเกส อิตาลี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ศรีลังกา พวกนี้ต้องนับว่าเคยเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีนของจีนหมด
เพราะในอดีตจีนกำหนดไว้ชัดเจน ใครจะมาค้าขายกับจีนจะต้องยอมรับฮ่องเต้ของจีนเป็นจักรพรรดิกลางของโลก เหนือกว่ากษัตริย์ทั้งมวลบนโลกนี้ และจะต้องส่งบรรณาการให้ก่อนจึงจะค้าขายกันได้
แถมการส่งบรรณาการของเรานี่แหวกแนวกว่าคนอื่นเขาอีกต่างหาก คนอื่น 3 ปีค่อยส่งบรรณาการที แต่ของเราไปค้าขายครั้งไหนก็ขนบรรณาการไปส่งให้ทุกครั้ง บางปีส่งไป 3-4 ครั้ง เพราะจีนถือว่ารับบรรณาการมาแล้วต้องตอบแทนกลับคืนให้มากกว่ามีค่าสูงกว่า เราได้ของกลับมามากกว่าก็หวานสิ เลยขนมันไปบ่อยๆจนกระทั่งราชสำนักจีนต้องยกมือห้ามบอกส่งมาแค่ 3 ปีครั้งพอแล้ว เอาเฉพาะสมัยราชวงศ์หมิงราวเกือบๆ 300 ปี เราเล่นส่งบรรณาการไป 110 ครั้ง มันก็เห็นกันชัดเจน ถ้าประเทศไทยเห็นว่าเป็นบรรณาการแสดงความเป็นเมืองขึ้น-ประเทศราชของจีน ไทยเราจะตื่นตัวส่งไปขนาดนี้เรอะ
แสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตอนเราส่งเครื่องบรรณาการณืไปจีนครับ
ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของไทย :
คนไทยถูกฝังหัวด้วยประวัติศาสตร์บิดเบือนของผู้ปกครองมาช้านาน คนไทยถูกสั่งสอนกันมาว่าประเทศไทยเคยตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า 2 ครั้ง ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว อาณาจักรสยามตั้งแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ ได้ตกเป็นประเทศราชของจีนมาเป็นเวลาหลายร้อยปี สยามต้องส่งเครื่องราชบรรณาการให้จีนทุก 3 ปี (เครื่องบรรณาการที่ส่งให้จักรพรรดิของจีน อาทิ ช้าง นกกระเรียน ขนนกกระเต็น นอแรด หมี ชะนีเผือก พริกไทย แก่นไม้หอม ฯลฯ) กษัตริย์ไทยหากขึ้นครองราชจะต้องส่งราชทูตไปแจ้งให้กับราชสำนักจีน และจะต้องได้รับการรับรองด้วยการมอบตราตั้งจากจักรพรรดิของจีน แม้กระทั่งสมเด็จพระเจ้าตากสิน จักรพรรดิเฉียนหลงฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งเป็นอ๋อง หรือเจ้าประเทศราช เรียกว่าแต้เจียวอ๋อง (แต้คือแซ่ เจียวคือชื่อ - จีนกลางออกเสียง เจิ้งเจา)
ต่อมามีการชิงบัลลังค์จากเจ้าพระยาจักรีและปลงพระชนม์พระเจ้าตากสิน พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ทำหนังสือไปถวายเฉียนหลงฮ่องเต้ว่าเป็นน้องชายของพระเจ้าตาก (??) เพื่อลวงให้ราชสำนักชิงหลงเชื่อ จึงปรากฏในบันทึกพระราชพงศาวดารจีนให้พระบรมราชวงศ์จักรี ‘แซ่’ เดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และออกพระนามในบันทึกตั้งแต่รัชกาลที่ 1-5 ว่า
รัชกาลที่ 1 แต้ฮั้ว
รัชกาลที่ 2 แต้หก
รัชกาลที่ 3 แต้ฮุด
รัชกาลที่ 4 แต้เม้ง
รัชกาลที่ 5 แต้เจี่ย
การส่งบรรณาการให้จีนมายกเลิกเอาในสมัยร. 5 ที่ราชวงศ์ชิง (แมนจู) ของจีนเสื่อมอำนาจจากการรุกรานของประเทศตะวันตกและสงครามฝิ่น ตรงกับยุคพระนางซูสีขี้เอา เอ้ย ไทเฮา ประเทศที่เข้ามามีอิทธิพลในสยามต่อจากจีนคืออังกฤษผ่านสนธิสัญญาเบาริ่ง โดยเซอร์จอห์น เบาริ่ง ที่คนเสื้อแดงทั้งหลายเคยโดนหลอกให้เรียนตั้งแต่เล็กๆนั่นเอง !
*******************
อ้างอิงจาก หนังสือ ประวัติศาสตร์จีน (โดยทวีป วรดิลก) และบทความของไกรฤกษ์ นานา (นักวิชาการทางประวัติศาสตร์)