ตามพรรคการเมืองบางพรรค และสื่อบางฉบับ ในวันนี้ บอกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูง ไม่ต้องลงทุน และเป็นหนี้ ถึง 50 ปี ถามว่าไม่ประโยชน์ ใครเขาจะลงทุน ลำพังเก็บค่าโดยสารอย่างเดียว ก็ไม่มีวันคุ้มทุนอยู่แล้ว
ลองดูประเทศลาวเป็นตัวอย่าง
โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางจีน-ลาวก็ยังพบกับความล่าช้า แม้ว่าเมื่อคราวนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเยือนลาวเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปและเอเชียกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่เดิมเคยมีการวางแผนไว้ว่าเขาจะสามารถใช้โอกาสนั้นมาร่วมเป็นสักขีพยานในการวางศิลาฤกษ์เส้นทางรถไฟดังกล่าว แต่สภาพการณ์จริงก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเสียงคัดค้านจากหลายองค์กรระหว่างประเทศที่เข้าไปศึกษาประเมินผลได้ผลเสียของโครงการ เช่น ผลการศึกษาโดยความสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) พบว่า เงื่อนไขทางการเงินที่เสนอโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน อาจทำให้เศรษฐกิจมหภาคของลาวตกอยู่ในอันตราย และขณะเดียวกันการก่อสร้างทางรถไฟตัดผ่านภาคเหนือของลาวจะทำให้หลายจังหวัดเขตชนบทตกอยู่ในสภาพลานทิ้งขยะกองมหึมา
รายงานดังกล่าวให้ข้อสรุปตอนหนึ่งว่า ถ้าหากมีการลงนามทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวก็คงเป็นข้อผิดพลาดราคาแพงมหาศาล ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เงื่อนไขการชำระคืนเงินลงทุนนั้น ลาวต้องแลกด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ อาทิ โปแตช และทองแดง ให้กับจีนด้วย
โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างลาวและเวียดนามจะมีระยะทาง 220 กิโลเมตร เริ่มต้นเส้นทางจากจังหวัดสะหวันนะเขตในลาวไปยังด่านเมืองลาวบาวในประเทศเวียดนาม มูลค่าโครงการ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัท ไจแอนท์ คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด จากประเทศมาเลเซีย การเซ็นสัญญาการก่อสร้างมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 ที่กรุงเวียงจันทน์ โดยมีนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีของลาว และนายนาจิบ ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน (ถามว่า ทำไมลาว ต้องลงทุนเอง)
ที่มา
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=167183:2013-02-05-11-02-14&catid=90:2009-02-08-11-24-34&Itemid=425
รถไฟความเร็วสูง (ของฟรีไม่มีในโลก)
ตามพรรคการเมืองบางพรรค และสื่อบางฉบับ ในวันนี้ บอกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูง ไม่ต้องลงทุน และเป็นหนี้ ถึง 50 ปี ถามว่าไม่ประโยชน์ ใครเขาจะลงทุน ลำพังเก็บค่าโดยสารอย่างเดียว ก็ไม่มีวันคุ้มทุนอยู่แล้ว
ลองดูประเทศลาวเป็นตัวอย่าง
โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางจีน-ลาวก็ยังพบกับความล่าช้า แม้ว่าเมื่อคราวนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเยือนลาวเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปและเอเชียกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่เดิมเคยมีการวางแผนไว้ว่าเขาจะสามารถใช้โอกาสนั้นมาร่วมเป็นสักขีพยานในการวางศิลาฤกษ์เส้นทางรถไฟดังกล่าว แต่สภาพการณ์จริงก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเสียงคัดค้านจากหลายองค์กรระหว่างประเทศที่เข้าไปศึกษาประเมินผลได้ผลเสียของโครงการ เช่น ผลการศึกษาโดยความสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) พบว่า เงื่อนไขทางการเงินที่เสนอโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน อาจทำให้เศรษฐกิจมหภาคของลาวตกอยู่ในอันตราย และขณะเดียวกันการก่อสร้างทางรถไฟตัดผ่านภาคเหนือของลาวจะทำให้หลายจังหวัดเขตชนบทตกอยู่ในสภาพลานทิ้งขยะกองมหึมา
รายงานดังกล่าวให้ข้อสรุปตอนหนึ่งว่า ถ้าหากมีการลงนามทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวก็คงเป็นข้อผิดพลาดราคาแพงมหาศาล ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เงื่อนไขการชำระคืนเงินลงทุนนั้น ลาวต้องแลกด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ อาทิ โปแตช และทองแดง ให้กับจีนด้วย
โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างลาวและเวียดนามจะมีระยะทาง 220 กิโลเมตร เริ่มต้นเส้นทางจากจังหวัดสะหวันนะเขตในลาวไปยังด่านเมืองลาวบาวในประเทศเวียดนาม มูลค่าโครงการ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัท ไจแอนท์ คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด จากประเทศมาเลเซีย การเซ็นสัญญาการก่อสร้างมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 ที่กรุงเวียงจันทน์ โดยมีนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีของลาว และนายนาจิบ ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน (ถามว่า ทำไมลาว ต้องลงทุนเอง)
ที่มา http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=167183:2013-02-05-11-02-14&catid=90:2009-02-08-11-24-34&Itemid=425