สธ.สร้าง “ศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่” ภาคใต้ เล็ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นรูปแบบโครงการร่วมทุน PPP ล่าสุดรัฐวิสาหกิจจีนสนใจ แต่ไม่ปิดกั้นเอกชนไทย ทุกอย่างทำตามกฎหมาย มอบรองปลัดสธ. “นพ.มณเฑียร” ดูแล พร้อมเดินหน้าศูนย์อื่นๆ อีก 6 แห่ง นอกเหนือจาก รพ.ปลวกแดง 2
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ว่า จากที่ประชาชนมอบที่ดินในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาให้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) 130 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาล ซึ่งสธ.มีแนวนโยบายให้เร่งรัดการดำเนินการโครงการใหญ่ๆที่เป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดภาคใต้ ได้มอบหมายไปศึกษาการดำเนินการในรูปแบบโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน(PPP) โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ติดตามดำเนินการเรื่องนี้ เพราะประชาชนให้ความสนใจว่าจะเป็นศูนย์การแพทย์ใหญ่ของภาคใต้
“
กระทรวงได้รับมอบที่ดินจากประชาชน 130 ไร่ ซึ่งการสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรในภาคใต้ตอนล่างรองรับผู้ป่วยในพื้นที่และต่างชาติ เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายในประเด็นของกลุ่มชายแดน การท่องเที่ยวและเวลเนส (Wellness) ซึ่งกำลังประเมินเรื่องงบประมาณ เป็นโครงการใหญ่มากก็น่าจะเป็น 10,000 ล้านบาท ได้มอบให้ นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปดำเนินการเรื่อง PPPต่อไป ยังอยู่ในการศึกษาเรื่องร่วมทุน เพราะหากให้เอกชนมาร่วมทุนด้วยจะไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ขณะนี้กำลังออกแบบ”นายสมศักดิ์กล่าว
ศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ภาคใต้ ดึงต่างชาติเข้าใช้บริการ
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากรพ.หาดใหญ่ รองรับผู้ป่วย 700 เตียง แต่ปัจจุบันมีการเสริมเตียงผู้ป่วยเข้าไปบริเวณหน้าลิฟต์ ใต้บันไดจนเป็น 1,000 กว่าเตียง น่าเห็นใจทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ จึงคิดว่าจะสร้างรพ.หาดใหญ่ 2 โดยได้รับบริจาคที่ดิน 130 ไร่ มาจากคุณจำนงค์ เอี้ยววงษ์เจริญ ผู้บริหารกลุ่มสยามนครินทร์
พร้อมทั้ง ได้ประสานหน่วยงานในกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงพื้นที่ อย่างเช่น กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อรองรับการก่อสร้างรพ. ซึ่งที่ดินแปลงนี้ได้ตัดสินใจร่วมกันด้วยหลายเหตุผล พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วม ไม่ต้องใช้งบประมาณในการถมพื้นที่มาก เป็นพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ อยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักคือถนนกาญจนวณิชย์ (ทล.4) และอยู่ใกล้แนวถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่สายตะวันออก (ทล.425) การเดินทางสะดวกจากทุกเส้นทาง
รัฐวิสาหกิจจีนสนใจร่วมลงทุน PPP
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนว่าสนใจที่จะร่วมทุนในรูปแบบPPP มาลงทุน มาทำ ซึ่งก็จะหารือกับนพ.มณเฑียร รองปลัดสธ. เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเงื่อนไข และระยะเวลาว่าจะช้าหรือไม่ เพราะการจะใช้เงินเป็น 10,000 ล้านบาท จะใช้งบประมาณของประเทศเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเป็นการร่วมทุน หรือกู้ผ่อนจ่ายก็ต้องหารือในรายละเอียด ส่วนว่าทำไมเขาสนใจยังไม่ได้คุยในรายละเอียด เพียงแต่จั่วหัวว่าเขาสนใจมากที่จะเข้ามาเจรจาพูดคุยเรื่องการมาลงทุน”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามว่าตามกฎหมายไทยเปิดให้รัฐวิสาหกิจของต่างชาติมาร่วมทุนในรพ.ได้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นกฎหมายน่าจะสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยทำ ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายของประเทศไทยและจีนว่าจะดำเนินการร่วมกันได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในส่วนของสธ.ได้มีการตั้งงบประมาณเบื้องต้นไว้ 92 ล้านบาท สำหรับปรับพื้นที่ หลังจากนั้นจะวางผัง
ส่วนการดำเนินการระยะ2 และ3 จะดำเนินการต่อไป หากได้ต่างชาติมาร่วมทุนPPPก่อนก็จะทำให้รัฐไม่ต้องลงทุน ซึ่งเบื้องต้นตามที่ได้รับแจ้งก็บอกว่ากล้าที่จะมาลงทุน 10,000 ล้านบาท แต่โครงการก่อสร้างจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่ได้มีการวางผัง แต่หากจะให้เป็นศูนย์การแพทย์ครบวงจรก็คงจะราว 10,000 ล้านบาท
“
หากก่อสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรภาคใต้แล้วเสร็จ นอกจากจะรองรับการให้บริการประชาชนใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี นราธิวาส และยะลาแล้ว ยังรองรับผู้ป่วยต่างชาติ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละหลายหมื่นถึง 1 แสนคน หากสถานพยาบาลไม่ดีก็จะเสียชื่อประเทศ ก็ต้องผนวกทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและสุขภาพ โดยตั้งใจให้ศูนย์การแพทย์แห่งนี้เป็นเหมือนเมืองสุขภาพ มีรพ. มีวิทยาลัยพยาบาล ”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามย้ำว่าเปิดให้เอกชนไทยที่สนใจร่วมเสนอเพื่อร่วมทุนแบบPPPด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เปิดให้มีการแข่งขันตามกฎหมาย...
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากข่าวต้นฉบับได้ที่:
https://www.hfocus.org/content/2025/03/33324
รมว.สธ.ดันโครงการร่วมทุน PPP สร้าง ‘ศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่’ อ.หาดใหญ่ คาดใช้งบกว่าหมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ว่า จากที่ประชาชนมอบที่ดินในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาให้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) 130 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาล ซึ่งสธ.มีแนวนโยบายให้เร่งรัดการดำเนินการโครงการใหญ่ๆที่เป็นศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดภาคใต้ ได้มอบหมายไปศึกษาการดำเนินการในรูปแบบโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน(PPP) โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ติดตามดำเนินการเรื่องนี้ เพราะประชาชนให้ความสนใจว่าจะเป็นศูนย์การแพทย์ใหญ่ของภาคใต้
“กระทรวงได้รับมอบที่ดินจากประชาชน 130 ไร่ ซึ่งการสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรในภาคใต้ตอนล่างรองรับผู้ป่วยในพื้นที่และต่างชาติ เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายในประเด็นของกลุ่มชายแดน การท่องเที่ยวและเวลเนส (Wellness) ซึ่งกำลังประเมินเรื่องงบประมาณ เป็นโครงการใหญ่มากก็น่าจะเป็น 10,000 ล้านบาท ได้มอบให้ นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปดำเนินการเรื่อง PPPต่อไป ยังอยู่ในการศึกษาเรื่องร่วมทุน เพราะหากให้เอกชนมาร่วมทุนด้วยจะไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ขณะนี้กำลังออกแบบ”นายสมศักดิ์กล่าว
ศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ภาคใต้ ดึงต่างชาติเข้าใช้บริการ
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากรพ.หาดใหญ่ รองรับผู้ป่วย 700 เตียง แต่ปัจจุบันมีการเสริมเตียงผู้ป่วยเข้าไปบริเวณหน้าลิฟต์ ใต้บันไดจนเป็น 1,000 กว่าเตียง น่าเห็นใจทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ จึงคิดว่าจะสร้างรพ.หาดใหญ่ 2 โดยได้รับบริจาคที่ดิน 130 ไร่ มาจากคุณจำนงค์ เอี้ยววงษ์เจริญ ผู้บริหารกลุ่มสยามนครินทร์
พร้อมทั้ง ได้ประสานหน่วยงานในกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงพื้นที่ อย่างเช่น กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อรองรับการก่อสร้างรพ. ซึ่งที่ดินแปลงนี้ได้ตัดสินใจร่วมกันด้วยหลายเหตุผล พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วม ไม่ต้องใช้งบประมาณในการถมพื้นที่มาก เป็นพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ อยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักคือถนนกาญจนวณิชย์ (ทล.4) และอยู่ใกล้แนวถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่สายตะวันออก (ทล.425) การเดินทางสะดวกจากทุกเส้นทาง
รัฐวิสาหกิจจีนสนใจร่วมลงทุน PPP
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากรัฐวิสาหกิจของประเทศจีนว่าสนใจที่จะร่วมทุนในรูปแบบPPP มาลงทุน มาทำ ซึ่งก็จะหารือกับนพ.มณเฑียร รองปลัดสธ. เพื่อพิจารณาในรายละเอียดเงื่อนไข และระยะเวลาว่าจะช้าหรือไม่ เพราะการจะใช้เงินเป็น 10,000 ล้านบาท จะใช้งบประมาณของประเทศเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเป็นการร่วมทุน หรือกู้ผ่อนจ่ายก็ต้องหารือในรายละเอียด ส่วนว่าทำไมเขาสนใจยังไม่ได้คุยในรายละเอียด เพียงแต่จั่วหัวว่าเขาสนใจมากที่จะเข้ามาเจรจาพูดคุยเรื่องการมาลงทุน”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามว่าตามกฎหมายไทยเปิดให้รัฐวิสาหกิจของต่างชาติมาร่วมทุนในรพ.ได้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้นกฎหมายน่าจะสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไทยยังไม่เคยทำ ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายของประเทศไทยและจีนว่าจะดำเนินการร่วมกันได้หรือไม่ ทั้งนี้ ในส่วนของสธ.ได้มีการตั้งงบประมาณเบื้องต้นไว้ 92 ล้านบาท สำหรับปรับพื้นที่ หลังจากนั้นจะวางผัง
ส่วนการดำเนินการระยะ2 และ3 จะดำเนินการต่อไป หากได้ต่างชาติมาร่วมทุนPPPก่อนก็จะทำให้รัฐไม่ต้องลงทุน ซึ่งเบื้องต้นตามที่ได้รับแจ้งก็บอกว่ากล้าที่จะมาลงทุน 10,000 ล้านบาท แต่โครงการก่อสร้างจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ ยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่ได้มีการวางผัง แต่หากจะให้เป็นศูนย์การแพทย์ครบวงจรก็คงจะราว 10,000 ล้านบาท
“หากก่อสร้างศูนย์การแพทย์ครบวงจรภาคใต้แล้วเสร็จ นอกจากจะรองรับการให้บริการประชาชนใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี นราธิวาส และยะลาแล้ว ยังรองรับผู้ป่วยต่างชาติ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละหลายหมื่นถึง 1 แสนคน หากสถานพยาบาลไม่ดีก็จะเสียชื่อประเทศ ก็ต้องผนวกทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและสุขภาพ โดยตั้งใจให้ศูนย์การแพทย์แห่งนี้เป็นเหมือนเมืองสุขภาพ มีรพ. มีวิทยาลัยพยาบาล ”นายเดชอิศม์กล่าว
ถามย้ำว่าเปิดให้เอกชนไทยที่สนใจร่วมเสนอเพื่อร่วมทุนแบบPPPด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เปิดให้มีการแข่งขันตามกฎหมาย...
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากข่าวต้นฉบับได้ที่: https://www.hfocus.org/content/2025/03/33324