คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
สังคีติสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221&p=8
อกุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
พึงทราบวินิจฉัยในกรรมบถทั้งหลายดังต่อไปนี้.
กรรมทั้งหลายนั่นเอง ชื่อว่าเป็นกรรมบถ เพราะความเป็นทางแห่งทุคคติและสุคติทั้งหลาย. บรรดากรรมบถเหล่านั้น กรรมบถทั้ง ๔ มีปาณาติบาต อทินนาทานและมุสาวาทเป็นต้น ท่านให้พิสดารแล้วในพรหมชาลสูตรนั่นแล.
ส่วนในกรรมบถข้อว่า กาเมสุ มิจฺฉาจาโร นี้ บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า กาเมสุ ความว่า ในความประพฤติเมถุน หรือในวัตถุแห่งเมถุน.
บทว่า มิจฺฉาจาโร ความว่า ความประพฤติอันลามก ที่บัณฑิตติเตียนโดยส่วนเดียว. ส่วนโดยลักษณะเจตนาที่ก้าวล่วงฐานะอันไม่พึงถึง ที่เป็นไปทางกายทวาร โดยความประสงค์จะเสพอสัทธรรม ก็จัดเป็นกาเมสุมิจฉาจาร.
ในกาเมสุมิจฉาจารนั้น สำหรับบุรุษทั้งหลายก่อน หญิง ๑๐ จำพวกมีหญิงอันมารดารักษาเป็นต้น คือ หญิงอันมารดารักษา ๑ หญิงอันบิดารักษา ๑ หญิงอันมารดาและบิดารักษา ๑ หญิงอันพี่น้องชายรักษา ๑ หญิงอันพี่น้องหญิงรักษา ๑ หญิงอันญาติรักษา ๑ หญิงอันโคตรรักษา ๑ หญิงอันธรรมรักษา ๑ หญิงที่มีการอารักขา ๑ หญิงที่มีอาชญา ๑
และหญิงอีก ๑๐ จำพวกมีหญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์เป็นต้น เหล่านั้นคือ หญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยความพอใจ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยโภคะ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยแผ่นผ้า ๑ หญิงผู้มีถังน้ำ (ตักน้ำ) ๑ หญิงผู้มีเทริดนำไป ๑ ภริยาผู้เป็นทาสี ๑ ภริยาผู้ทำงาน ๑ หญิงผู้นำมาด้วยธง ๑ หญิงผู้อยู่ชั่วครู่ ๑ รวมเป็นหญิง ๒๐ จำพวกชื่อว่า ฐานอันไม่พึงถึง.
ส่วนบรรดาหญิงทั้งหลาย บุรุษเหล่าอื่น ชื่อว่าเป็นฐานะอันไม่พึงถึงแห่งหญิง ๑๒ จำพวก คือ หญิงที่มีการอารักขาและมีอาชญา ๒ และหญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์เป็นต้นอีก ๑๐.
ก็มิจฉาจารนี้นั้น จัดว่ามีโทษน้อยในฐานะอันไม่พึงถึงที่เว้นจากคุณมีศีลเป็นต้น, จัดว่ามีโทษมากในฐานะอันไม่พึงถึงที่ประกอบด้วยคุณมีศีลเป็นต้น.
กาเมสุมิจฉาจารนั้นมีสัมภาระ (องค์) ๔ คือ วัตถุอันไม่พึงถึง ๑ จิตคิดจะเสพในวัตถุอันไม่พึงถึงนั้น ๑ ความพยายามในการเสพ ๑ การหยุดอยู่แห่งการปฏิบัติต่อองค์มรรคด้วยมรรค ๑. การกระทำด้วยมือของตนก็เป็นความพยายามอย่างหนึ่งนั่นแล.
******************************************************************
๑. อคมนียวตฺถุ (วัตถุที่ไม่ควรไป) ได้แก่ หญิงชายที่ไม่ควรล่วงเกิน มี ๒๐ จำพวก คือ
๑. หญิงที่อยู่ในปกครองของมารดา
๒. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดา
๓. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดามารดา
๔. หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่หญิงน้องหญิง
๕. หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่ชายน้องชาย
๖. หญิงที่อยู่ในอารักขาของญาติ
๗. หญิงที่อยู่ในอารักขาของผู้ร่วมตระกูล
๘. หญิงที่อยู่ในอารักขาของศีลธรรม เช่น หญิงที่บวชเป็นชี เป็นต้น
๙. หญิงที่พระราชาทรงมุ่งหมายไว้
๑๐. หญิงที่มีคู่หมั้น
๑๑. หญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์
๑๒. หญิงที่สมัครใจไปอยู่กับชาย โดยหมายจะมอบตัวเป็นภรรยา
๑๓. หญิงที่ไปอาศัย เพื่อหวังในทรัพย์
๑๔. หญิงที่ไปอาศัย เพื่อหวังในสินจ้างและเครื่องนุ่งห่ม
๑๕. หญิงที่สมรสด้วยการหลั่งน้ำสังข์
๑๖. หญิงที่มีภาระอันชายได้ช่วยให้พ้นจากความลำบาก
๑๗. หญิงที่ได้เป็นภรรยาจากประเทศที่แพ้สงคราม
๑๘. หญิงที่เป็นคนรับใช้ด้วย เป็นภรรยาด้วย
๑๙. หญิงที่เป็นทาสด้วย เป็นภรรยาด้วย
๒๐. หญิงที่เป็นนครโสเภณี
-------------------------------------------------------------
จากคู่มือการศึกษาพระอภิธัมมัตถสังคหะ ของ อภิธรรมมูลนิธิ
ในบรรดาพวกหญิง ๒๐ จำพวกนั้น
หญิง ๘ จำพวก ตั้งแต่ มาตุรกฺขิตา จนถึง ธมฺมรกฺขิตา เหล่านี้ยังมิได้มีสามีเป็นเจ้าของร่างกายตน จึงมีสิทธิสมบูรณ์ในร่างกายของตน เมื่อเกิดความพอใจในชายใดแล้ว จะมอบกายให้แก่ชายนั้น ก็ไม่เป็นอันบาปประพฤติผิดในกาเมสุมิจฉาจาร เพราะถึงแม้บิดามารดา ญาติพี่น้องจะปกครองดูแลอยู่ก็จริง แต่ก็มิใช่เจ้าของร่างกาย เพียงแต่ช่วยคุ้มครอง มิให้ใครมาข่มเหงเบียดเบียนเท่านั้น
ฉะนั้นโทษทางธรรมจึงไม่มี แต่อย่างไรก็ดี ย่อมมีโทษในทางโลกเป็นโลกวัชชะ คือ ย่อมถูกดูหมิ่นติเตียนจากผู้อื่น นำความอับอาย เสียใจกลัดกลุ้มใจมาสู่ตนได้ ทำให้เกิดกุกกุจจะอกุศลอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้นำไปสู่อบายภูมิได้
สำหรับฝ่ายชายที่เกี่ยวข้องร่วมกับหญิง ๘ จำพวกนี้ ถือว่าเป็นการล่วงกาเมสุมิจฉาจารโดยตรง
ส่วนหญิงที่เหลืออีก ๑๒ จำพวก ตั้งแต่ สปริทณฺฑา จนถึง มุตุตฺติกา ที่เป็นภรรยาชายชั่วคราวก็ตาม ถ้าหญิงเหล่านี้นอกใจสามียอมให้ชายอื่นล่วงเกินแล้ว ถือว่าเป็นการล่วงศีลกาเมสุมิจฉาจารด้วย หรือแม้หญิงเหล่านี้ล่วงกาเมกับสัตว์เดรัจฉาน ก็ชื่อว่าเป็นการล่วงศีลกาเมสุมิจฉาจารเช่นเดียวกัน ดังเช่นพระนางมัลลิกาเทวีอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลล่วงกาเมกับสุนัขในห้องน้ำเมื่อตายไปแล้วได้ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
----------------------------------------------
๖. เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี [๑๒๓]
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=21&p=6
๑๐. เรื่องอสทิสทาน [๑๔๖] (ของพระนางมัลลิกา)
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=23&p=10
สังคีติสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221&p=8
อกุสลกมฺมปถทสกวณฺณนา
พึงทราบวินิจฉัยในกรรมบถทั้งหลายดังต่อไปนี้.
กรรมทั้งหลายนั่นเอง ชื่อว่าเป็นกรรมบถ เพราะความเป็นทางแห่งทุคคติและสุคติทั้งหลาย. บรรดากรรมบถเหล่านั้น กรรมบถทั้ง ๔ มีปาณาติบาต อทินนาทานและมุสาวาทเป็นต้น ท่านให้พิสดารแล้วในพรหมชาลสูตรนั่นแล.
ส่วนในกรรมบถข้อว่า กาเมสุ มิจฺฉาจาโร นี้ บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า กาเมสุ ความว่า ในความประพฤติเมถุน หรือในวัตถุแห่งเมถุน.
บทว่า มิจฺฉาจาโร ความว่า ความประพฤติอันลามก ที่บัณฑิตติเตียนโดยส่วนเดียว. ส่วนโดยลักษณะเจตนาที่ก้าวล่วงฐานะอันไม่พึงถึง ที่เป็นไปทางกายทวาร โดยความประสงค์จะเสพอสัทธรรม ก็จัดเป็นกาเมสุมิจฉาจาร.
ในกาเมสุมิจฉาจารนั้น สำหรับบุรุษทั้งหลายก่อน หญิง ๑๐ จำพวกมีหญิงอันมารดารักษาเป็นต้น คือ หญิงอันมารดารักษา ๑ หญิงอันบิดารักษา ๑ หญิงอันมารดาและบิดารักษา ๑ หญิงอันพี่น้องชายรักษา ๑ หญิงอันพี่น้องหญิงรักษา ๑ หญิงอันญาติรักษา ๑ หญิงอันโคตรรักษา ๑ หญิงอันธรรมรักษา ๑ หญิงที่มีการอารักขา ๑ หญิงที่มีอาชญา ๑
และหญิงอีก ๑๐ จำพวกมีหญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์เป็นต้น เหล่านั้นคือ หญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยความพอใจ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยโภคะ ๑ หญิงที่อยู่ด้วยแผ่นผ้า ๑ หญิงผู้มีถังน้ำ (ตักน้ำ) ๑ หญิงผู้มีเทริดนำไป ๑ ภริยาผู้เป็นทาสี ๑ ภริยาผู้ทำงาน ๑ หญิงผู้นำมาด้วยธง ๑ หญิงผู้อยู่ชั่วครู่ ๑ รวมเป็นหญิง ๒๐ จำพวกชื่อว่า ฐานอันไม่พึงถึง.
ส่วนบรรดาหญิงทั้งหลาย บุรุษเหล่าอื่น ชื่อว่าเป็นฐานะอันไม่พึงถึงแห่งหญิง ๑๒ จำพวก คือ หญิงที่มีการอารักขาและมีอาชญา ๒ และหญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์เป็นต้นอีก ๑๐.
ก็มิจฉาจารนี้นั้น จัดว่ามีโทษน้อยในฐานะอันไม่พึงถึงที่เว้นจากคุณมีศีลเป็นต้น, จัดว่ามีโทษมากในฐานะอันไม่พึงถึงที่ประกอบด้วยคุณมีศีลเป็นต้น.
กาเมสุมิจฉาจารนั้นมีสัมภาระ (องค์) ๔ คือ วัตถุอันไม่พึงถึง ๑ จิตคิดจะเสพในวัตถุอันไม่พึงถึงนั้น ๑ ความพยายามในการเสพ ๑ การหยุดอยู่แห่งการปฏิบัติต่อองค์มรรคด้วยมรรค ๑. การกระทำด้วยมือของตนก็เป็นความพยายามอย่างหนึ่งนั่นแล.
******************************************************************
๑. อคมนียวตฺถุ (วัตถุที่ไม่ควรไป) ได้แก่ หญิงชายที่ไม่ควรล่วงเกิน มี ๒๐ จำพวก คือ
๑. หญิงที่อยู่ในปกครองของมารดา
๒. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดา
๓. หญิงที่อยู่ในปกครองของบิดามารดา
๔. หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่หญิงน้องหญิง
๕. หญิงที่อยู่ในอารักขาของพี่ชายน้องชาย
๖. หญิงที่อยู่ในอารักขาของญาติ
๗. หญิงที่อยู่ในอารักขาของผู้ร่วมตระกูล
๘. หญิงที่อยู่ในอารักขาของศีลธรรม เช่น หญิงที่บวชเป็นชี เป็นต้น
๙. หญิงที่พระราชาทรงมุ่งหมายไว้
๑๐. หญิงที่มีคู่หมั้น
๑๑. หญิงที่ซื้อมาด้วยทรัพย์
๑๒. หญิงที่สมัครใจไปอยู่กับชาย โดยหมายจะมอบตัวเป็นภรรยา
๑๓. หญิงที่ไปอาศัย เพื่อหวังในทรัพย์
๑๔. หญิงที่ไปอาศัย เพื่อหวังในสินจ้างและเครื่องนุ่งห่ม
๑๕. หญิงที่สมรสด้วยการหลั่งน้ำสังข์
๑๖. หญิงที่มีภาระอันชายได้ช่วยให้พ้นจากความลำบาก
๑๗. หญิงที่ได้เป็นภรรยาจากประเทศที่แพ้สงคราม
๑๘. หญิงที่เป็นคนรับใช้ด้วย เป็นภรรยาด้วย
๑๙. หญิงที่เป็นทาสด้วย เป็นภรรยาด้วย
๒๐. หญิงที่เป็นนครโสเภณี
-------------------------------------------------------------
จากคู่มือการศึกษาพระอภิธัมมัตถสังคหะ ของ อภิธรรมมูลนิธิ
ในบรรดาพวกหญิง ๒๐ จำพวกนั้น
หญิง ๘ จำพวก ตั้งแต่ มาตุรกฺขิตา จนถึง ธมฺมรกฺขิตา เหล่านี้ยังมิได้มีสามีเป็นเจ้าของร่างกายตน จึงมีสิทธิสมบูรณ์ในร่างกายของตน เมื่อเกิดความพอใจในชายใดแล้ว จะมอบกายให้แก่ชายนั้น ก็ไม่เป็นอันบาปประพฤติผิดในกาเมสุมิจฉาจาร เพราะถึงแม้บิดามารดา ญาติพี่น้องจะปกครองดูแลอยู่ก็จริง แต่ก็มิใช่เจ้าของร่างกาย เพียงแต่ช่วยคุ้มครอง มิให้ใครมาข่มเหงเบียดเบียนเท่านั้น
ฉะนั้นโทษทางธรรมจึงไม่มี แต่อย่างไรก็ดี ย่อมมีโทษในทางโลกเป็นโลกวัชชะ คือ ย่อมถูกดูหมิ่นติเตียนจากผู้อื่น นำความอับอาย เสียใจกลัดกลุ้มใจมาสู่ตนได้ ทำให้เกิดกุกกุจจะอกุศลอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้นำไปสู่อบายภูมิได้
สำหรับฝ่ายชายที่เกี่ยวข้องร่วมกับหญิง ๘ จำพวกนี้ ถือว่าเป็นการล่วงกาเมสุมิจฉาจารโดยตรง
ส่วนหญิงที่เหลืออีก ๑๒ จำพวก ตั้งแต่ สปริทณฺฑา จนถึง มุตุตฺติกา ที่เป็นภรรยาชายชั่วคราวก็ตาม ถ้าหญิงเหล่านี้นอกใจสามียอมให้ชายอื่นล่วงเกินแล้ว ถือว่าเป็นการล่วงศีลกาเมสุมิจฉาจารด้วย หรือแม้หญิงเหล่านี้ล่วงกาเมกับสัตว์เดรัจฉาน ก็ชื่อว่าเป็นการล่วงศีลกาเมสุมิจฉาจารเช่นเดียวกัน ดังเช่นพระนางมัลลิกาเทวีอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลล่วงกาเมกับสุนัขในห้องน้ำเมื่อตายไปแล้วได้ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกอยู่ชั่วระยะหนึ่ง
----------------------------------------------
๖. เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี [๑๒๓]
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=21&p=6
๑๐. เรื่องอสทิสทาน [๑๔๖] (ของพระนางมัลลิกา)
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=23&p=10
แสดงความคิดเห็น
ศีลข้อสาม
ในกรณีข่มขืนอันนี้น่าจะผิดหนักสุด เพราะอีกฝ่ายไม่เต็มใจ แต่ถ้าตอนทำเกิดผู้หญิงมีอารมณ์ร่วมยังจะเรียกว่าข่มขืนอีกหรือเปล่า
กรณีเต็มใจทั้งสองฝ่ายแต่พ่อแม่ไม่รับรู้ ซึ่งถ้ารู้คงไม่ยอม แต่รู้แล้วก็ให้แต่งกัน กรณีนี้ผิดแค่ไหน แล้วถ้ารู้และไม่ยอมรับผิดแค่ไหน
ถ้าเป็นประเทศที่ฟรีเซ็กซ์ เต็มใจทั้งสองฝ่าย พ่อแม่รู้ก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นเรื่องปกติยังผิดอยู่มั้ย