เคยอ่านมาจาก ขายหัวเราะ-มหาสนุกอ่ะค่ะ เป็นการ์ตูนช็อตสั้นๆ ไม่ทราบใครเคยอ่านมาบ้างแล้วนะค่ะ เรื่องอาจแต่งเติมจากพล็อตจริงไป บ้าง เพื่อรสชาติในการอ่าน ขออนุญาติด้วยนะค่ะ^^
.
.
.
ผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ผลคือเธอตาบอดสนิททั้งสองข้าง เธอรู้สึกโชคร้ายที่สุด เธอแทบจะไม่สามารถหายใจต่อไปได้เลย เมื่อต้องรู้ว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้เหมือนตายทั้งเป็น การมองไม่เห็นอะไรเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ไม่ได้เห็นท้องฟ้า แสงแดด ไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอรัก แต่ท้ายสุดเธอก็ต้องทำใจ เธอถูกย้ายเข้าไปอยู่ห้องรวม กับคนอีกคนหนึ่งซึ่งเธอมองไม่เห็นเค้า ในห้องนี้มีเธอและเขาสองคนเท่านั้น เตียงของเขาอยู่ติดริมหน้าต่างกว้าง เตียงเธอยู่อีกฝั่ง เวลาผ่านไปหลายวัน ทั้งสองคนเริ่มคุยกัน เธอรู้สึกว่าชายที่อยู่ร่วมห้องกับเธอนี้ช่างเป็นคนดี เขาร่าเริงแจ่มใสและตลก เขาช่วยปลอบโยนเธอ ให้กำลังใจเธอทุกวันๆ จนเธอรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด
และสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดคือเขาจะมองออกไปนอกหน้าต่างและเล่าให้เธอฟังทุกวัน ว่าบรรยากาศข้างนอกนั้นเป็นอย่างไร แดดร้อนไหม ผู้คนที่เดินสวนกันเป็นอย่างไร เขามักพูดเสมอว่า "ผมอยากให้คุณมองโลกในอีกมุมนึง" เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะบอกอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมา ลองเรียกชื่อเขา เขากลับไม่ตอบเหมือนทุกวัน เหมือนห้องนี้มีเธออยู่คนเดียว จนพยาบาลเข้ามา เธอรีบถามถึงคนไข้เตียงข้างๆ พยาบาลสาวบอกเสียงเรียบว่า "คนไข้เตียงนั้นเขาเป็นโรคมะเร็ง ระยะสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ เขารู้ตัวตอนกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา
และเขาเองก็ประสบอุบัติเหตุตาบอดสนิททั้งสองข้างเหมือนคุณ" หญิงสาวนิ่งเงียบลง สีหน้าเรียบสนิท สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเธอคงเป็น เรื่องที่เพิ่งรู้ว่าเขาเองก็ตาบอดเหมือนเธอเช่นกัน แล้วที่เขาพูดถึงผู้คนนอกหน้าต่างนั่นเล่า ? ที่เขายิ้มแย้มแจ่มใสทั้งที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ? เขาตาบอดเหมือนเธอ ? หญิงสาวนึกถึงคำพูดประจำของเขา "ผมอยากให้คุณมองโลกในอีกมุมนึง"
.............................
จากนั้นเธอก็เริ่มยิ้ม
และมุมมองการมองโลกของเธอ ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
หากวันนี้คุณเจอเรื่องเลวร้ายมากที่สุดจนท้อใจแทบลุกไม่ไหว
ลองหายใจเข้าออกเบาๆ ถ้าคุณยังทำแบบนั้นได้อยู่
นั่นก็คือ
"โชคดีที่สุดของวันนี้แล้ว"
อย่าท้อนะค่ะ ตราบใดที่เรายังมีแขน มีขา มีมือ มีดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ นั่นหมายความว่า
คุณลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ.
ใครหมดกำลังใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ลองอ่านดูนะค่ะ
.
.
.
ผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ผลคือเธอตาบอดสนิททั้งสองข้าง เธอรู้สึกโชคร้ายที่สุด เธอแทบจะไม่สามารถหายใจต่อไปได้เลย เมื่อต้องรู้ว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้เหมือนตายทั้งเป็น การมองไม่เห็นอะไรเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ไม่ได้เห็นท้องฟ้า แสงแดด ไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอรัก แต่ท้ายสุดเธอก็ต้องทำใจ เธอถูกย้ายเข้าไปอยู่ห้องรวม กับคนอีกคนหนึ่งซึ่งเธอมองไม่เห็นเค้า ในห้องนี้มีเธอและเขาสองคนเท่านั้น เตียงของเขาอยู่ติดริมหน้าต่างกว้าง เตียงเธอยู่อีกฝั่ง เวลาผ่านไปหลายวัน ทั้งสองคนเริ่มคุยกัน เธอรู้สึกว่าชายที่อยู่ร่วมห้องกับเธอนี้ช่างเป็นคนดี เขาร่าเริงแจ่มใสและตลก เขาช่วยปลอบโยนเธอ ให้กำลังใจเธอทุกวันๆ จนเธอรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิด และสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดคือเขาจะมองออกไปนอกหน้าต่างและเล่าให้เธอฟังทุกวัน ว่าบรรยากาศข้างนอกนั้นเป็นอย่างไร แดดร้อนไหม ผู้คนที่เดินสวนกันเป็นอย่างไร เขามักพูดเสมอว่า "ผมอยากให้คุณมองโลกในอีกมุมนึง" เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะบอกอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมา ลองเรียกชื่อเขา เขากลับไม่ตอบเหมือนทุกวัน เหมือนห้องนี้มีเธออยู่คนเดียว จนพยาบาลเข้ามา เธอรีบถามถึงคนไข้เตียงข้างๆ พยาบาลสาวบอกเสียงเรียบว่า "คนไข้เตียงนั้นเขาเป็นโรคมะเร็ง ระยะสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ เขารู้ตัวตอนกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา และเขาเองก็ประสบอุบัติเหตุตาบอดสนิททั้งสองข้างเหมือนคุณ" หญิงสาวนิ่งเงียบลง สีหน้าเรียบสนิท สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเธอคงเป็น เรื่องที่เพิ่งรู้ว่าเขาเองก็ตาบอดเหมือนเธอเช่นกัน แล้วที่เขาพูดถึงผู้คนนอกหน้าต่างนั่นเล่า ? ที่เขายิ้มแย้มแจ่มใสทั้งที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ? เขาตาบอดเหมือนเธอ ? หญิงสาวนึกถึงคำพูดประจำของเขา "ผมอยากให้คุณมองโลกในอีกมุมนึง"
.............................
จากนั้นเธอก็เริ่มยิ้ม และมุมมองการมองโลกของเธอ ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
หากวันนี้คุณเจอเรื่องเลวร้ายมากที่สุดจนท้อใจแทบลุกไม่ไหว
ลองหายใจเข้าออกเบาๆ ถ้าคุณยังทำแบบนั้นได้อยู่
นั่นก็คือ "โชคดีที่สุดของวันนี้แล้ว"
อย่าท้อนะค่ะ ตราบใดที่เรายังมีแขน มีขา มีมือ มีดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ นั่นหมายความว่า คุณลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ.