วาทกรรมและเรื่องเล่าเชิงนิยายที่บรรดาเหล่านักการเมืองทุนสามานย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นมายาคติเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 คือ การโจมตีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นผลพวงจากอำนาจรัฐประหาร จึงขาดความเป็นประชาธิปไตย แต่ความเป็นจริงคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เกิดจากอำนาจประชาชน โดยการลงประชามติทั่วประเทศ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวของประเทศไทยที่มีฐานจากอำนาจอธิปไตยทางตรงของประชาชน
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ของนักการเมืองเผด็จการทุนสามานย์ ทั้งยังเป็นขวากหนามคอยขวางกั้นมิให้เหล่านักการเมืองกระทำการตามอำเภอใจและลุแก่อำนาจได้โดยง่าย เหล่านักการเมืองทุนสามานย์จึงใช้เล่ห์เพทุบายครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแก้ไขและประหารรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อยึดอำนาจกลับคืนมาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า ประชาชนมีสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้และสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการกระทำการของบุคคลและพรรคการเมืองใดที่เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
แต่ทว่านักการเมืองสามานย์ทั้งหลายกลับเห็นว่าสิทธิเรื่องนี้ของประชาชนเป็นการคุกคามต่อความมั่นคงในการครองอำนาจของตนเอง พวกเขาจึงรวมหัวกันยกเลิกการใช้สิทธิพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยทางตรงของประชาชน ทำลายการเชื่อมโยงระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับประชาชนอันเป็นการล้มล้างข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยยืนยันสิทธิของประชาชนไปแล้วในปี 2555
นักการเมืองสามานย์ได้มอบอำนาจในการวินิจฉัยเกี่ยวกับสิทธิพิทักษ์ประชาธิปไตยของประชาชนแก่อัยการสูงสุด อันเป็นองค์กรที่มีบุคลากรระดับสูงจำนวนมากมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับทางการเมือง และอยู่ภายใต้การสั่งการของนักการเมือง เห็นได้จากการที่นักการเมืองแต่งตั้งอัยการไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และอัยการที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยอมรับอำนาจโดยไปดำรงตำแหน่งกรรมการตามคำสั่ง สิ่งนี้จึงเป็นหลักฐานบ่งชี้อย่างชัดแจ้งว่าอัยการสูงสุดอยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง เพราะหากอัยการเป็นอิสระจริง ก็ต้องปฏิเสธคำสั่งของนักการเมืองโดยไม่ไปดำรงตำแหน่งกรรมการของรัฐวิสาหกิจที่ถูกแต่งตั้ง
นอกจากลิดรอนสิทธิการพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว นักการเมืองสามานย์ยังกีดกันประชาชนออกจากกระบวนการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสำคัญที่รัฐบาลไปทำกับต่างชาติในเรื่องที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของดินแดน และที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพื่อปิดหูปิดตาประชาชนให้มืดบอด
ประหารรัฐธรรมนูญ/ปัญญาพลวัตร
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ของนักการเมืองเผด็จการทุนสามานย์ ทั้งยังเป็นขวากหนามคอยขวางกั้นมิให้เหล่านักการเมืองกระทำการตามอำเภอใจและลุแก่อำนาจได้โดยง่าย เหล่านักการเมืองทุนสามานย์จึงใช้เล่ห์เพทุบายครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแก้ไขและประหารรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อยึดอำนาจกลับคืนมาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า ประชาชนมีสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้และสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการกระทำการของบุคคลและพรรคการเมืองใดที่เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
แต่ทว่านักการเมืองสามานย์ทั้งหลายกลับเห็นว่าสิทธิเรื่องนี้ของประชาชนเป็นการคุกคามต่อความมั่นคงในการครองอำนาจของตนเอง พวกเขาจึงรวมหัวกันยกเลิกการใช้สิทธิพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยทางตรงของประชาชน ทำลายการเชื่อมโยงระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับประชาชนอันเป็นการล้มล้างข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยยืนยันสิทธิของประชาชนไปแล้วในปี 2555
นักการเมืองสามานย์ได้มอบอำนาจในการวินิจฉัยเกี่ยวกับสิทธิพิทักษ์ประชาธิปไตยของประชาชนแก่อัยการสูงสุด อันเป็นองค์กรที่มีบุคลากรระดับสูงจำนวนมากมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับทางการเมือง และอยู่ภายใต้การสั่งการของนักการเมือง เห็นได้จากการที่นักการเมืองแต่งตั้งอัยการไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และอัยการที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยอมรับอำนาจโดยไปดำรงตำแหน่งกรรมการตามคำสั่ง สิ่งนี้จึงเป็นหลักฐานบ่งชี้อย่างชัดแจ้งว่าอัยการสูงสุดอยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง เพราะหากอัยการเป็นอิสระจริง ก็ต้องปฏิเสธคำสั่งของนักการเมืองโดยไม่ไปดำรงตำแหน่งกรรมการของรัฐวิสาหกิจที่ถูกแต่งตั้ง
นอกจากลิดรอนสิทธิการพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว นักการเมืองสามานย์ยังกีดกันประชาชนออกจากกระบวนการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสำคัญที่รัฐบาลไปทำกับต่างชาติในเรื่องที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของดินแดน และที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพื่อปิดหูปิดตาประชาชนให้มืดบอด