หลอก1 ส่งเกรียน ไปเสี้ยมที่อินเดีย (รีวิวท่องเที่ยวนิวเดลี แคชเมียร์ เลห์ อักรา แบบข่อยๆ)

สวัสดีครับ

วันนี้ผมยืมล็อกอินแฟนมาโพสนะครับ  ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ไปเที่ยวอินเดีย(นิวเดลี แคชเมียร์ เลห์ อักรา) กับเพื่อนอีกสองคน ตามสไตล์แบ็กแพ็กเกอร์ ที่ไม่ได้วางแผนอะไรเลย รู้แต่จะไปอย่างเดียวครับ

ความจริงแล้วผมไปเที่ยวตั้งแต่กันยานู่นแล้ว เรื่องพวกนี้ก็เขียนไว้จบมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ใส่ในเฟซบุ๊คครับ

เห็นคนอื่นที่มาอ่านเค้าบอกว่า น่าจะดังได้ ถ้าเอามาโพสลงพันทิพ (แต่ถึงปากเค้าบอกจะชอบ แต่คนกดไลค์ประมาณสิบไลค์เองครับ)

ผมก็คนธรรมดาที่อยากดังครับ เลยขอลองลงบ้าง


เรื่องที่ประสบมาทั้งหลายที่อินเดีย ยอมรับเลยว่า ทั้งเครียด ทั้งโมโห บางทีก็ทะเลาะกับเพื่อนด้วยซ้ำ แต่พอกลับมา เรื่องเครียดๆซวยๆ พอเอามาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ก็กลายเป็นเรื่องตลกของคนอื่นได้

เรื่องที่ลงนี้ ผมดัดแปลงมาจากสำนวนต้นภาษาเดิม ที่เป็นญาติภาษา "ข่อย"  แต่คนทั่วไป ใช้ "ถ.ถุง" แทน "ข.ไข่" ครับ
เพื่อคงเอกลักษณ์เดิมไว้ ขอให้ผู้อ่านเตรียมใจในความ "ข่อย" ไว้บ้างครับ  ไม่งั้นจะอ่านไม่สนุก

เพราะจริงๆแล้ว ที่เคยโพสในfb นั้น "ข่อย" กว่านี้มาก

หากมีลูกเด็กเล็กแดง ขอให้ผู้ปกครองให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดครับ  

ถ้าพร้อมแล้ว ขอเชิญชม ตอนแรก





หลอก 1

มีสุภาษิตไทยว่า เห็นงูกับแขกมาพร้อมกัน ให้ตีแขกก่อนตีงู

นัยจะสอนว่า ชาวแขกนั้นร้ายกาจ อย่าได้ไว้ใจง่ายๆ เพราะ มีเล่ห์กลร้อยแปด ไว้เล่นงานยามเราเผลอ

เรื่องนี้จะจริงไม่จริงอย่างไร ขอให้ไปพบเจอกันอง กระผมเชื่อว่า แขกบางคนก็ร้าย แต่บางคนก็น่ารัก

ที่สำคัญ หากมาอินเดีย หากพบหมองู กรุณาลืมสุภาษิตนี้ไปซะ อย่าไปตีทั้งคู่ อาจจะคางเหลือง ไม่ได้กลับบ้านได้


แม้จะขึ้นชื่อตอนว่าหลอก 1 (และคงมี หลอก2 3 4 ตามมา) แต่ก็คงเล่าเรื่องราวไปตามปกติ แต่อย่าได้ตกใจ ว่าทำไมโดนหลอกเยอะขนาดนั้น

กระผมเชื่อว่า คนต่างชาติที่มาประเทศไทย ก็คงโดนหลอกมากไม่แพ้ กระผมไปอินเดีย เพียงแต่เราไม่รู้ เพราะเราเป็นคนไทย

อย่าได้สูญเสียความไว้ใจในมนุษย์ร่วมโลก (ที่กระผมเกือบสูญเสียไปจากทริปนี้) ก่อนจะได้ไปเยือน  และพบปะของจริง


....

จะขอเริ่มต้นตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ

กระผมตื่นตั้งแต่หกโมง เนื่องจากไฟลท์ออกประมาณเก้าโมง

โชคดีที่บ้านติด แอร์พอร์ตลิ้งค์ เลยเดินทางไปแบบชิวๆ สัมภาระติดตัวของทั้งสามคน มีแค่เป้คนละใบ ตามสไตล์แบ็คแพ็คเกอร์ตัวจริง

ไปเก้าวัน เอาเสื้อไปห้าตัว กางเกงยีนส์ตัวเดียว กางเกงขายาวใส่นอนอีกตัว บ็อกเซอร์อีกห้าตัว

รวมๆแล้ว เป้สัมภาระกระผมหนักประมาณห้าโลกว่าๆ เท่านั้น จัดมาเพื่อความคล่องตัว ไม่เน้นความสะอาดโดยแท้(กฏของแบ็คแพ็คเกอร์ แบ็คแพ็กเกอร์ ต้องสกปรก)

เรามาเช็คอิน ขึ้นเครื่อง สายการบินแอร์อินเดีย (ราคาตั๋วถูกสุดเท่าที่หาได้)

คาดหวังจะเห็น แอร์ตระเดีย ใส่สาหรี่โชว์หน้าท้อง เสิร์ฟอาหารไปโชว์ระบำหน้าท้องไป

แต่สิ่งที่พบกับไม่ใช่ แอร์อินเดีย อายุอานามรุ่นราวคราวแม่ถึงป้า สาหรี่แม้ไม่เปิดโชว์หน้าท้องแต่ก็เห็นพุงล้นออกมาทางด้านข้าง (เซ็งครับ)

พอขึ้นมานั่ง กระผมเห็นว่า มีทีวีประจำที่นั่งอยู่ด้วย เอื้อมมือไปกด หวังจะเปิดดูรายการอินเดียๆ ให้หายเบื่อระหว่างบินสี่ชั่วโมง

แต่..

=หลอกที่1=

ทีวีดัมมี่!!!

ตรูถูกแขกหลอกตั้งแต่ยังไม่ออกจากไทยหรือเนี่ย ทีวีที่หน้าตาดูดีไฮโซ แต่เนื้อในมันกลับว่างเปล่า

เมื่อเปิดไม่ได้ เมิงเอากระจกมาแปะไว้ให้ตรูดูหน้าตัวเอง ยังมีประโยชน์กว่านะโว้ยยยยยย  โอย คิดแล้วโมโห



ตอนแรกนึกว่าตอนเครื่องขึ้นมันจะยังไม่ทำงาน สรุปคือ ไม่ทำงานตลอดการเดินทาง

จึงได้แต่นั่งอ่านนิตยสารสายการบินอินเดีย และคุยกับพี่คนไทย(กระผมถูกจับแยกมานั่งเดี่ยว) ที่นั่งข้างๆ


เนื่องจากพี่เขาเป็นไกด์ กระผมจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป

ถามทันทีว่า จากสนามบินไป พาฮาระ กัน(ถนนข้าวสารของนิวเดลี)

จะไปยังไงดี ไม่ให้โดนหลอก

พี่เค้าเลยบอกว่า งั้นขึ้นรถไฟฟ้าไปสิ มีแอร์พอร์ตลิ้งค์ไปโผล่ที่พาฮาระกันเลย

ด้วยความที่กระผมก็ศึกษา ค่าแท็กซี่มาก่อน ตกประมาณ 200-250 รูปี จากสนามบินไปพาฮาระกัน เลยตัดสินใจว่าตอนลงเครื่อง จะนั่งแท็กซี่ไป เพราะรวมราคาค่าแอร์พอร์คลิ้งค์สามคน แพงกว่าแท็กซี่

พอออกนอกสนามบินก็เห็นว่า มีแท็กซี่มิเตอร์ ยังไม่ทันพูดพร่ำทำเพลง แค่เดินเข้าไปถาม

แขกจับกระเป๋าเราสามคน โกยขึ้นรถแท็กซี่มิเตอร์ทันที

เนื่องจากเห็นว่าเป็นแท็กซี่มิเตอร์ พวกเราสามคนจึงคิดว่ามันไม่น่าจะโกง แถมสตาร์ทที่ 20 รูปี ถูกสุดๆ เลยตกลงปลงใจได้ไม่ยาก

ดูถนนหนทาง ก็ดูดีมีสกุลรุณชาติ ดูไม่ห่วยแตกเหมือนที่เค้าว่ามา แต่อย่างว่านี่ยังไม่ออกจากสนามบิน ว่าแล้วจึงเหลือบไปดูมิเตอร์แท็กซี่หน่อย จึงพบว่า...


=หลอกที่ 2=

แท็กซี่มิเตอร์อินเดีย ถูกมากกกกก!!!


เชลี่ยยย! ขับมาไม่ถึงห้านาที ตดยังไม่ทันหายเหม็น รถยังไม่ทันจะออกจากสนามบิน ค่าแท็กซี่ม่างพุ่งขึ้นไป 50 กว่ารูปีแล้ว

ทำไมมันถึงได้ทะยานขึ้นด้วยอัตราก้าวกระโดดขนาดนั้น

ด้วยความสงสัย เราเลยนั่งต่อเพื่อดูว่า ม่างขึ้นวินาทีละเท่าไหร่ เศษของนาทีคิดเป็นหนึ่งนาทีรึเปล่า

(ระหว่างที่สงสัย ค่าแท็กซี่เพิ่มขึ้นมาอีก 20 รูปี เชื่อกระผมเถอะครับ กระผมสงสัยไม่นานจริงๆ)


หลังจากนั่งเพ่งกระสินอยู่สักพัก ทำให้เราได้รู้ว่า มิเตอร์ม่างขึ้น 100 ม. ละ 2 รูปี แต่ถ้ารถติดมันก็ไม่คิด

จากการคำนวณแล้ว เราอาจจะต้องเสียประมาณ พันถึงสองพันรูปี กว่าจะถึงพาฮาระกัน ซึ่งตรงข้ามกับกฏของแบ็กแพ็กเกอร์ข้อที่2 แบ็กแพ็กเกอร์ต้องประหยัด เพราะจน

ระหว่างที่ขับ เราก็มองข้างทางเห็นว่ามีทางรถไฟฟ้า ที่น่าจะเป็นแอร์พอร์ตลิ้งค์ พอโอกาสประจวบเหมาะ (มิเตอร์ขึ้นมาสองร้อยห้าสิบกว่ารูปี) เห็นสถานีรถไฟฟ้า เราเลยทำท่าชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางสถานี เหมือนกับไม่เคยเจอรถไฟฟ้ามาก่อน บอกให้รถจอด

แท็กซี่ หันมาพูดกับกระผมที่นั่งอยู่ข้างคนขับเป็นภาษาอังกริตระเดีย  แทบจับใจความไม่ได้ แต่สีหน้ามันบอกว่า เมิงจะลงตรงนี้ไม่ได้นะ ไหนเมิงบอกจะไปพาฮาระกัน

ระหว่างที่ม่างหันหน้ามาพูดกับกระผม ตาม่างไม่ได้มองถนนเลย แต่ตีนม่างเหยียบคันเร่งเหมือนเดิม พอจะจอดเทียบฟุตบาท

ลุ๊คอ๊าววววววววววววววววว !!! ....กระผมร้องเสียงหลง

ปังงงงงง !!!

รถแท็กซี่มิเตอร์ชนตุ๊กตุ๊กคันหน้าที่จอดอยู่แบบเบาๆ หนุ่มบังเจ้าของตุ๊กตุ๊กข้างหน้าลงมาจากรถด้วยสายตาหาเรื่อง พร้อมด่าคนขับแท็กซี่เป็นภาษาอินตระเดีย ที่กระผมฟังไม่เข้าใจ

แต่หน้าตามันสื่อสารว่า เมิงทำงี้ได้ไง ตรูจอดอยู่ดีๆ เมิงมาชนตูดรถตรู จ่ายค่าเสียหายมาเด่วนี้  ห้าพันรูปี ไม่งั้นตรูจะเรียกตำรวจ

แท็กซี่กระผมเหลือบไปมองด้วยความไม่ยี่หระ และพูดกับอาบังตุ๊กตุ๊ก ประมาณสามประโยค ที่กระผมไม่อาจเข้าใจได้ และอยากรู้มาจนถึงบัดนี้ว่ามันพูดว่าอะไร

เพราะอาบังข้างหน้าก็เดินกลับขึ้นรถไป ประดุจเรื่องนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา

...กระผมอยากจะให้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกับ ประโยคที่มันพูดสามประโยคนี้ แทบขาดใจ

(รัฐบาลน่าจะทำกรณีศึกษาเรื่องนี้ เอาไว้ไปเคลียร์กับโจรใต้นะครับกระผมว่า)



หลังจากนั้น เราสามคนก็ออกจากรถและเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า ในใจไม่หวังอะไรกับแอร์พอร์ตลิ้งค์ประเทศอินเดียมาก เพราะเด๋วจะผิดหวัง ขอให้มันแค่วิ่งได้ ไปส่งกระผมถึงที่ก็พอ ...

=หลอกที่3=
แอร์พอร์ตลิ้งค์อินเดีย ม่างใช้ได้!!!

เมื่อเดินเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้า กระผมพบแต่ความอึมครึม เหมือนถูกทิ้งร้างมานาน พอจะเดินขึ้น ยามที่เฝ้าสถานีอยู่ก็บอกว่า

"โคลส โคลส"

เชลี่ยยยย สิ่งที่กระผมหวังไว้ม่างยังมากเกินไปสำหรับแอร์พอร์คลิ้งค์อินเดียหรอวะเนี่ย กระผมขอให้ม่างแค่วิ่งได้ นี่ม่าง เฉือกปิดเลย กระผมเลยผิดหวังอีกแล้ว

อยู่ประเทศไทยมากี่ปี เกิดมาไม่เคยเจอรถไฟฟ้าปิดมาก่อน

อ่านดูได้ความว่า มันปิดซ่อมแซม ไม่มีเวลาจะมามัวเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เราเลยเรียกตุ๊กตุ๊กอินเดีย (หน้าตาคล้ายตุ๊กตุ๊กไทยแต่จุคนได้เยอะกว่ามาก บางครั้งจุได้มากกว่า 15 คน ทั้งๆที่ขนาดพอๆกัน)

ตกลงกันราคา 190 รูปี แลกกับประสบการณ์บนท้องถนนของนิวเดลีที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วในโลก นับว่าคุ้มแสนคุ้ม

แล้วจะมาเล่าต่อถึง ถนนและการขับรถของอินเดีย  ครั้งหน้า  มันส์กว่าฟาสท์ไฟว์กระผมจะบอกให้



+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้าเพื่อนๆชอบ ที่จริงผมมีวีดีโอคลิป อีกเป็นจำนวนมาก แต่ภายในหยาบใช้ได้  ถ้าสนใจกดโหวตกันเข้ามาครับ
ผมจะแทรกไปพร้อมกับเรื่องที่ลงครับ




ตอนสองมาแล้วนะครับ
หลอก 2 ส่งเกรียน ไปแซ้บบนถนนอินเดีย http://ppantip.com/topic/30337841
หลอก3 ส่งเกรียน ไปโดนต้มhttp://ppantip.com/topic/30337974
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่