นักวิทยาศาสตร์เสนอหลักฐานใหม่ หักล้างทฤษฎีเดิมที่ว่า ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะดาวเคราะห์น้อย เผยร่องรอยทางธรณีวิทยาชี้ว่า ตัวการคือ ดาวหาง
เจสัน มัวร์ กับมูกุล ชาร์มา แห่งภาควิชาพิภพวิทยา มหาวิทยาลัยดาร์ทเมาท์ ในสหรัฐ บอกว่า หลักฐานทางธรณีวิทยาล่าสุดบ่งชี้ว่า ดาวหางความเร็วสูงดวงหนึ่งที่ชนโลกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน เป็นต้นเหตุทำให้ไดโนเสาร์เกือบทั้งหมดสูญพันธุ์ พร้อมกับพืชและสัตว์กว่า 70% ของชนิดพันธุ์
ตามทฤษฎีที่เชื่อถือกันในปัจจุบัน วัตถุที่ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตที่แหลมยูคาตันในประเทศเม็กซิโก ซึ่งได้ปิดฉากการครองโลกของเจ้าพวกสัตว์เลื้อยคลานยักษ์นั้น คือ ดาวเคราะห์น้อย ซึ่งเป็นก้อนหินในอวกาศ
ทฤษฎีนี้เกิดจากการพบอิริเดียมและออสเซียม ซึ่งเป็นธาตุที่พบในดาวเคราะห์น้อย ปรากฏอยู่ในชั้นหินในช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
@ วงการวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางกันแน่
แต่ทีมวิจัยของมัวร์พบหลักฐานใหม่ว่า อิริเดียมกับออสเซียมในชั้นหินในช่วงเวลารอยต่อของยุคครีเตเชียส อันเป็นยุคไดโนเสาร์ กับสมัยเพเลโอซีน ซึ่งไม่มีพวกกิ้งก่าตัวมหึมาแล้วนั้น มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการชนโลกของดาวเคราะห์น้อย
ดาวหางมีอิริเดียมกับออสเซียมน้อยกว่าดาวเคราะห์น้อย เพราะเนื้อสารของดาวหางส่วนหนึ่งเป็นน้ำแข็ง ในขณะที่ดาวหางมีการเคลื่อนที่เร็วกว่า ซึ่งทำให้เกิดแรงปะทะหนักกว่า ปลดปล่อยพลังงานมากกว่าดาวเคราะห์น้อย
ดังนั้น มัวร์จึงอธิบายว่า หลุมอุกกาบาตชิกซูลับ ที่นอกชายฝั่งเม็กซิโก ซึ่งเป็นหลุมลึก มีความกว้างถึง 180 กิโลเมตร เกิดจากแรงชนของดาวหาง.
http://news.voicetv.co.th/global/67059.html
..............................................................
แม่มเอ๊ยยย เถียงกันอยู่ได้ พวกนักวิทยาศาตสตร์นี่
โง่อิ๊บอ๋าย ถ้าหากมันมาเมืองไทย พวกมันจะตาสว่าง
จะได้รู้ว่าทฤษฎีของพวกมัน ผิดทั้งหมด
จะเห็นว่า ไดโนเสาร์น่ะ ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปไหนเลย
มันมาแอบอยู่ในเมืองไทยนี่ เป็นฝูงๆ หลายพันธุ์ด้วย !!!
... เถียงกันฝุ่นตลบ "ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะดาวเคราะห์น้อย หรือดาวหางกันแน่"!...
เจสัน มัวร์ กับมูกุล ชาร์มา แห่งภาควิชาพิภพวิทยา มหาวิทยาลัยดาร์ทเมาท์ ในสหรัฐ บอกว่า หลักฐานทางธรณีวิทยาล่าสุดบ่งชี้ว่า ดาวหางความเร็วสูงดวงหนึ่งที่ชนโลกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน เป็นต้นเหตุทำให้ไดโนเสาร์เกือบทั้งหมดสูญพันธุ์ พร้อมกับพืชและสัตว์กว่า 70% ของชนิดพันธุ์
ตามทฤษฎีที่เชื่อถือกันในปัจจุบัน วัตถุที่ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตที่แหลมยูคาตันในประเทศเม็กซิโก ซึ่งได้ปิดฉากการครองโลกของเจ้าพวกสัตว์เลื้อยคลานยักษ์นั้น คือ ดาวเคราะห์น้อย ซึ่งเป็นก้อนหินในอวกาศ
ทฤษฎีนี้เกิดจากการพบอิริเดียมและออสเซียม ซึ่งเป็นธาตุที่พบในดาวเคราะห์น้อย ปรากฏอยู่ในชั้นหินในช่วงเวลาที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
@ วงการวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางกันแน่
แต่ทีมวิจัยของมัวร์พบหลักฐานใหม่ว่า อิริเดียมกับออสเซียมในชั้นหินในช่วงเวลารอยต่อของยุคครีเตเชียส อันเป็นยุคไดโนเสาร์ กับสมัยเพเลโอซีน ซึ่งไม่มีพวกกิ้งก่าตัวมหึมาแล้วนั้น มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการชนโลกของดาวเคราะห์น้อย
ดาวหางมีอิริเดียมกับออสเซียมน้อยกว่าดาวเคราะห์น้อย เพราะเนื้อสารของดาวหางส่วนหนึ่งเป็นน้ำแข็ง ในขณะที่ดาวหางมีการเคลื่อนที่เร็วกว่า ซึ่งทำให้เกิดแรงปะทะหนักกว่า ปลดปล่อยพลังงานมากกว่าดาวเคราะห์น้อย
ดังนั้น มัวร์จึงอธิบายว่า หลุมอุกกาบาตชิกซูลับ ที่นอกชายฝั่งเม็กซิโก ซึ่งเป็นหลุมลึก มีความกว้างถึง 180 กิโลเมตร เกิดจากแรงชนของดาวหาง.
http://news.voicetv.co.th/global/67059.html
..............................................................
แม่มเอ๊ยยย เถียงกันอยู่ได้ พวกนักวิทยาศาตสตร์นี่
โง่อิ๊บอ๋าย ถ้าหากมันมาเมืองไทย พวกมันจะตาสว่าง
จะได้รู้ว่าทฤษฎีของพวกมัน ผิดทั้งหมด
จะเห็นว่า ไดโนเสาร์น่ะ ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปไหนเลย
มันมาแอบอยู่ในเมืองไทยนี่ เป็นฝูงๆ หลายพันธุ์ด้วย !!!