ป.ป.ช.ยุติสอบ'ยิ่งลักษณ์' ไม่เข้าข่ายปกปิดบัญชี ปมปล่อยกู้สามี30ล้าน
นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. เผยภายหลังประชุม
ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ยุติสอบปม “ยิ่งลักษณ์” ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านให้บริษัทสามี
ชี้ไม่มีพฤติการณ์ส่อปกปิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เผยพบข้อมูลหลักฐานทุกขั้นตอนมีอยู่จริง.....
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุม
ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์รับทราบตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสดตามที่ปรากฏข่าวถึงความไม่ถูกต้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ กรณีการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 54 และเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.54 ในรายการเงินให้กู้ยืมระบุให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด กู้ยืมเงินรวม 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทางบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ได้ออกตั๋วสัญญาให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวม 3 ครั้ง ได้แก่ ฉบับที่ 1 วันที่ 6 ต.ค.49 จำนวน 20 ล้านบาท ฉบับที่ 2 วันที่ 9 มี.ค.50 จำนวน 5 ล้านบาท และฉบับที่ 3 วันที่ 13 มี.ค.50 จำนวน 5 ล้านบาท โดยในเรื่องนี้
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วถูกต้องและมีอยู่จริงตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นแสดงไว้ รวมทั้งยังได้ทำการตรวจสอบรายการเงินฝากในบัญชี น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามี และบุตร พบว่า
ทุกรายการไม่มีพฤติการณ์ที่จะฟังได้ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ
นายกล้าณรงค์ กล่าวอีกว่า โดยจากการตรวจสอบที่ปรากฏว่า กรณีบัญชีงบดุลของบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ที่ไม่ปรากฏการกู้เงินในปี 49 แต่ปรากฏในปี 50 ซึ่งกรณีงบดุลของบริษัทฯ มีรอบระยะเวลาเริ่มวันที่ 1 พ.ค. และสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.ของปีถัดไป ทำให้การกู้ยืมเงินจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 30 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้เริ่มกู้ยืมตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.49 ถึง วันที่ 13 มี.ค.50 ปรากฏข้อมูลเงินกู้ยืมจากบุคคลอื่นปี 50 ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ทำขึ้นที่บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด สำนักงานใหญ่ โดยบริษัทฯ มีสาขาอีก 2 แห่ง ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ที่บริษัทฯ ออกให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีรูปแบบและเนื้อความคล้ายกัน จะแตกต่างกันตรงเลขที่ตั๋ว วันที่ออกตั๋วและจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินเท่านั้น
นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่การกำหนดอัตราดอกเบี้ยใช้เงินทั้ง 3 ฉบับไม่ตรงกัน เนื่องจากครั้งแรกที่บริษัทฯ ขอกู้เงินจากื น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตกลงกันว่า จะขอคิดดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทย แต่หลังจากที่มีการกู้เงินและได้มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการตกลงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ โดยขอตกลงว่าเงินกู้จำนวน 20 ล้านบาท ตามตั๋วสัญญาฉบับที่ 1 ขอคิดอัตราดอกเบี้ยในปี 2 แรก ในอัตราร้อยละ 2.50 ต่อปี ส่วนปีต่อไปให้คิดดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทยตามที่ปรากฏตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ส่วนเงินกู้อีก 2 ฉบับ ได้ตกลงให้คิดอัตราดอกเบี้ยของอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทย ซึ่งปี 50 อัตราดอกเบี้ยอยู่ 3.75 ต่อปี ดังนั้น การจัดทำงบดุลของบริษัทฯ ในปี 50 มีอัตราดอกเบี้ยหลายอัตรา ตั้งแต่ 2.50 – 3.75 ต่อปี
ทั้งนี้ ยังปรากฏหลักฐานสำเนาเช็คและใบสำคัญจ่ายพร้อมหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย ในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ปัจจุบันที่บริษัทฯ ยังไม่มีการชำระต้นเงินกู้ 30 ล้านบาท แต่ได้ตกลงชำระดอกเบี้ยให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรายปีรวมแล้ว 5 ครั้ง ดังนั้น กรณีประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวยังฟังไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 263 วรรคหนึ่ง และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 42 ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้เสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์รับทราบและให้เก็บข้อมูลไว้ประกอบการพิจารณาภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง.
ที่มา...ไทยรัฐออนไลน์ 4 เมษายน 2556, 17:04 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/336879
???????????????????????????????????????
"....ป.ป.ช.
มีมติเอกฉันท์ยุติสอบปม “ยิ่งลักษณ์” ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านให้บริษัทสามี
ชี้ไม่มีพฤติการณ์ส่อปกปิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เผยพบข้อมูลหลักฐานทุกขั้นตอนมีอยู่จริง....."
ชัดเจนเนอะ
เป็นผลการตรวจสอบที่มีข้อมูลเชื่อมโยงให้เห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผล
โยงเป็นเรื่องราวให้ดูได้เป็นฉากๆ
ใครจะค้านไม่เห็นด้วยอย่างไรต้องใช้ข้อมูลมาโต้แย้งแร้ววววละเธอ......
อย่า "เกรียน" แบบเฉิ่มๆนะคร้าาาบบบ....
ฟาดด้วยไม้หน้าสามหัวแบะด้วย.....555
ปปช.ยุติสอบ'ยิ่งลักษณ์'ไม่เข้าข่ายปกปิดบัญชี ปมปล่อยกู้สามี30ล้าน...ตั้งทู้ตอกย้ำให้อีกที แบบว่าสะใจอ่ะ มีไรมั้ยแมงสาบ
นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. เผยภายหลังประชุม ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ยุติสอบปม “ยิ่งลักษณ์” ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านให้บริษัทสามี ชี้ไม่มีพฤติการณ์ส่อปกปิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เผยพบข้อมูลหลักฐานทุกขั้นตอนมีอยู่จริง.....
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์รับทราบตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสดตามที่ปรากฏข่าวถึงความไม่ถูกต้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ กรณีการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 54 และเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.54 ในรายการเงินให้กู้ยืมระบุให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด กู้ยืมเงินรวม 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทางบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ได้ออกตั๋วสัญญาให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวม 3 ครั้ง ได้แก่ ฉบับที่ 1 วันที่ 6 ต.ค.49 จำนวน 20 ล้านบาท ฉบับที่ 2 วันที่ 9 มี.ค.50 จำนวน 5 ล้านบาท และฉบับที่ 3 วันที่ 13 มี.ค.50 จำนวน 5 ล้านบาท โดยในเรื่องนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วถูกต้องและมีอยู่จริงตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นแสดงไว้ รวมทั้งยังได้ทำการตรวจสอบรายการเงินฝากในบัญชี น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามี และบุตร พบว่าทุกรายการไม่มีพฤติการณ์ที่จะฟังได้ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจงให้ทราบ
นายกล้าณรงค์ กล่าวอีกว่า โดยจากการตรวจสอบที่ปรากฏว่า กรณีบัญชีงบดุลของบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ที่ไม่ปรากฏการกู้เงินในปี 49 แต่ปรากฏในปี 50 ซึ่งกรณีงบดุลของบริษัทฯ มีรอบระยะเวลาเริ่มวันที่ 1 พ.ค. และสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.ของปีถัดไป ทำให้การกู้ยืมเงินจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 30 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้เริ่มกู้ยืมตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.49 ถึง วันที่ 13 มี.ค.50 ปรากฏข้อมูลเงินกู้ยืมจากบุคคลอื่นปี 50 ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ทำขึ้นที่บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด สำนักงานใหญ่ โดยบริษัทฯ มีสาขาอีก 2 แห่ง ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ที่บริษัทฯ ออกให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีรูปแบบและเนื้อความคล้ายกัน จะแตกต่างกันตรงเลขที่ตั๋ว วันที่ออกตั๋วและจำนวนเงินในตั๋วสัญญาใช้เงินเท่านั้น
นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่การกำหนดอัตราดอกเบี้ยใช้เงินทั้ง 3 ฉบับไม่ตรงกัน เนื่องจากครั้งแรกที่บริษัทฯ ขอกู้เงินจากื น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตกลงกันว่า จะขอคิดดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทย แต่หลังจากที่มีการกู้เงินและได้มีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับ ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการตกลงเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ โดยขอตกลงว่าเงินกู้จำนวน 20 ล้านบาท ตามตั๋วสัญญาฉบับที่ 1 ขอคิดอัตราดอกเบี้ยในปี 2 แรก ในอัตราร้อยละ 2.50 ต่อปี ส่วนปีต่อไปให้คิดดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทยตามที่ปรากฏตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ส่วนเงินกู้อีก 2 ฉบับ ได้ตกลงให้คิดอัตราดอกเบี้ยของอัตราเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารกรุงไทย ซึ่งปี 50 อัตราดอกเบี้ยอยู่ 3.75 ต่อปี ดังนั้น การจัดทำงบดุลของบริษัทฯ ในปี 50 มีอัตราดอกเบี้ยหลายอัตรา ตั้งแต่ 2.50 – 3.75 ต่อปี
ทั้งนี้ ยังปรากฏหลักฐานสำเนาเช็คและใบสำคัญจ่ายพร้อมหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย ในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ปัจจุบันที่บริษัทฯ ยังไม่มีการชำระต้นเงินกู้ 30 ล้านบาท แต่ได้ตกลงชำระดอกเบี้ยให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรายปีรวมแล้ว 5 ครั้ง ดังนั้น กรณีประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวยังฟังไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 263 วรรคหนึ่ง และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 42 ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้เสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์รับทราบและให้เก็บข้อมูลไว้ประกอบการพิจารณาภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง.
ที่มา...ไทยรัฐออนไลน์ 4 เมษายน 2556, 17:04 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/336879
???????????????????????????????????????
"....ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ยุติสอบปม “ยิ่งลักษณ์” ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านให้บริษัทสามี ชี้ไม่มีพฤติการณ์ส่อปกปิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เผยพบข้อมูลหลักฐานทุกขั้นตอนมีอยู่จริง....."
ชัดเจนเนอะ
เป็นผลการตรวจสอบที่มีข้อมูลเชื่อมโยงให้เห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผล
โยงเป็นเรื่องราวให้ดูได้เป็นฉากๆ
ใครจะค้านไม่เห็นด้วยอย่างไรต้องใช้ข้อมูลมาโต้แย้งแร้ววววละเธอ......
อย่า "เกรียน" แบบเฉิ่มๆนะคร้าาาบบบ....
ฟาดด้วยไม้หน้าสามหัวแบะด้วย.....555