สื่อนอก กับมุมมองทักษิณ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ก็มันเรื่องจริงนี่หว่า......

คนไม่ปกติไฮแจ็กนายกฯไทย



    สื่อฮ่องกงหยามไทย ให้คนไม่ปกติ ร่ำรวย ทะเยอทะยาน ที่ถูกเนรเทศ ทิ่มแทงประเทศอย่างน่าละอาย  ชี้คนฟัง "ทักษิณ" น้อยลง เห็นจากกฎหมายนิรโทษกรรมถูกยับยั้งจนต้องตกอยู่ในภาวะขุ่นเคือง ความนิยมก็ลดต่ำ แถมโดนน้องสาวแย่งซีน "เจ๊แดง" เปิดตัวเลือกตั้งซ่อมเขต 3เชียงใหม่ อ้างเพื่อพัฒนาบ้านเกิด

    เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อดังของฮ่องกง นำเสนอบทวิเคราะห์ของฟิลิป เจ. คันนิงแฮม นักวิจัยทางด้านสื่อสารมวลชนและนักเขียนอิสระ ในหัวข้อ "ทักษิณพูดมากก็จริง แต่มีใครฟังบ้างหรือเปล่า?" มีใจความว่า การเมืองไทยไม่เคยลดความน่าตื่นเต้นลงไป ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังมีปัญหาในกรณีรายงานทรัพย์สินที่บกพร่อง ซึ่งทำให้ตำแหน่งนายกฯ ของเธออยู่ในอันตราย แต่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวของเธอก็ได้รับการวางตัวไว้ทดแทนแล้ว

    "การจัดการควบคุมน้องสาวทั้งสองในฐานะตัวแทนทางการเมืองเป็นเหมือนเชือกที่ถูกดึงเพื่อทิ่มแทงประเทศไทย ที่มีการบริหารแปลกประหลาดและน่าละอายอย่างที่สุดที่ได้อนุญาตให้ความเป็นผู้นำของประเทศถูกไฮแจ็กไปโดยคนไม่ปกติ ร่ำรวย และทะเยอทยาน ผู้เนรเทศตัวเองอยู่ในดูไบ"

    ผู้ลี้ภัยจากศาลยุติธรรม ทักษิณ ชินวัตร โทรศัพท์กลับมายังประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ชี้ช่องเกมในสภา จนฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์ว่าบิดเบือนกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง

    "แม้ว่าไหวพริบทางด้านการทำธุรกิจทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐี แต่ทักษิณยังมีประวัติหมกมุ่นกับตัวเองอย่างเซ่อซ่า และนิยมใช้ความแตกแยกของประชาชนเพื่ออำนวยให้กับเป้าหมายของตัวเอง"

    เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานอีกว่า ทักษิณโทรศัพท์เข้าไปยังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วระหว่างการชุมนุมรำลึกเหตุการณ์นองเลือดในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 ว่ามวลชนไม่ต้องอาลัยเขาอีกต่อไป เพราะกำลังจะได้กลับบ้านแล้ว แต่กระทั่งสิ้นปีเขาก็ไม่ได้กลับดังที่วาดหวังไว้เนื่องจากแผนการนิรโทษกรรมได้รับการคัดค้านและถูกระงับยับยั้งไว้ ทำให้ทักษิณอยู่ในภาวะขุ่นเคืองสุดขีด

    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์เองกลับปรากฏว่าได้รับความนิยมมากกว่าทักษิณเสียอีก ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสคริปต์เมื่อตอนที่ทักษิณตั้งเธอขึ้นสู่อำนาจ และสิ่งที่เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือเมื่อทักษิณพูด ไม่มีใครฟังอีกแล้ว การโฆษณาชวนเชื่อโดยการสไกป์แผนนิรโทษกรรมได้หายไปกับสายลม และได้รับความสนใจเพียงเล็กน้อยจากสังคม โดยผลโพลระบุว่ามีคนเห็นด้วยเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทักษิณได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ บริเวณพื้นที่ชายแดนที่ติดกับไทย ทำตัวเหมือนว่าเป็นทูตของรัฐบาลไทย แต่การกล่าวอ้างของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าการปกครองผ่านตัวน้องสาวหุ่นเชิด ที่ในช่วงหลังเธอได้แสดงออกถึงความเป็นอิสระจากพี่ชายมากขึ้นทุกที

    "ในการโทรศัพท์ครั้งล่าสุดด้วยอาการหมองเศร้าและหมดความอดทนเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายนิรโทษกรรมที่ถูกดองบ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเขาได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็กำลังมองหาหนทางใหม่ที่จะยกมือขึ้น เรียกร้องความสนใจจากประชาชน และโปรโมตวาระส่วนตัวของเขาต่อไป" รายงานระบุ

     ส่วนความเคลื่อนไหวทางการเมือง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 2 เปิดเผยถึงการลงสมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า ตัวเองเกิดที่ อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นบ้านเกิด จึงอยากขอโอกาสประชาชนในเขต 3 ให้โอกาสได้เข้ามาทำงาน และไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นต่อผู้สมัครรายอื่น เพราะเป็นการแข่งขัน อยู่ที่การเสนอนโยบายและเสนอตัวรับใช้ประชาชน คงต้องแล้วแต่ประชาชนจะตัดสินใจ โดยการหาเสียงจะเน้นนโยบายพัฒนาบ้านเกิด

    เมื่อถามถึงการคาดหวังคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ นางเยาวภาบอกว่า คงแล้วแต่ประชาชน ไม่มีเป้าหมายอะไร การเลือกตั้งต้องแข่งขันกับตัวเองเพื่อทำอย่างไรให้ประชาชนยอมรับ เพราะเราอาสามารับใช้ประชาชนแล้ว   ทั้งนี้ คงใช้กลยุทธ์หลายแบบในการหาเสียง ก็พยายามเดินหาเสียงพูดคุยกับประชาชนทำความเข้าใจว่าทำไมเราจึงอาสามาทำงานรับใช้ประชาชน

      นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 ที่พรรคเพื่อไทยส่งนางเยาวภาลงสมัคร โดยมีนางกิ่งกาญจ์ ณ เชียงใหม่ จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคู่แข่งคนสำคัญว่า นางเยาวภาชนะแบบคะแนนทิ้งห่างแน่นอน แค่จับเบอร์ก็รู้แล้ว เบอร์ 2 ต้องมาก่อนเบอร์ 3 วันนี้คนเชียงใหม่มั่นใจในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ โดยเฉพาะการลงทุน 2 ล้านล้านบาท เขาเห็นความกล้าที่จะลงมือทำ แต่ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะได้แต่พิมพ์เขียวอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ทำเสียที

    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อช่วยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หาเสียงว่า “รอดูโอกาสก่อนค่ะ”

    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนกรณีปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาท ให้บริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนเองก็คงต้องรอฟัง เพราะไม่อาจจะไปก้าวล่วงในเรื่องดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวตนก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว ก็หวังว่าจะได้รับการพิจารณาอย่างเต็มที่ตามข้อเท็จจริงและเป็นไปอย่างยุติธรรม.

credit :http://www.thaipost.net/news/030413/71773
credit: http://www.scmp.com/comment/insight-opinion/article/1204857/thaksin-busy-talking-anyone-listening
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่