และแล้วภายในห้องมืด เฮ้ย...ห้องทำงานของชวิตราก็กลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เธอปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆโดยที่ไม่พูดกับคนตรงหน้าเลย สร้างความอึดอัดให้กีรดาเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะทำยังไงดีจะออกจากห้องคุณเธอก็ไม่ให้ออก พออยู่ในห้องแม่คู้ณ...ก็เล่นไม่พูดอะไรเลย แกล้งกันชัดๆ กีรดาคิด
สีหน้าของคนตรงหน้าบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร ชวิตราได้แต่นั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ แต่ก็อดแอบขำไม่ได้ยัยนี่ ไม่รู้จักเก็บอารมณ์เล้ย ดูสิออกมาทั้งท่างหน้าทางตา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกลัวเธอได้มากขนาดนี้ แต่เอ........หรือว่าเธอไม่ได้สังเกตุคนอื่นๆ
“ เธอมีอะไรสงสัยมั้ย ”
กีรดาเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามอยากถามเหลือเกินว่า คำพูดที่ออกมาตะกี้ คือคำถาม หรือ คำขู่ ทั้งน้ำเสียงสีหน้าและแววตาที่มองเธอมันช่างเยือกเย็น คนตรงหน้านี่เขามีความจำกัดคำว่าน่ากลัวหรือเปล่านะ คนอะไรยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งน่ากลัวววววว ~ ~
“ ถามก็ตอบมาซิ เงียบอยู่ได้ ”
ชวิตราเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ชอบเลยที่คนตรงหน้าเงียบมันทำให้รู้สึกเหมือนเธอพูดอยู่คนเดียว ยัยนี่ทำไมชอบทำให้อารมณ์เธอเสียจังเลยนะ
เมื่อเห็นกิริยาคนตรงหน้ากีรดาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพายุที่กำลังก่อตัวขึ้น โอ้วววว.......น่ากลัวได้อีก...~ ~
“ ขอทวนคำถามได้มั้ยค่ะ ”
“ นี่เธอ - - ”
ชวิตราชักจะหมดความอดทนกับคนตรงหน้า ทำไมถึงได้กวนอารมณ์เธอได้ถึงขนาดนี้นะ ดูทำหน้าเข้าพูดกวนแล้วยังจะมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก มันน่านัก เดี๋ยวเหอะ อีกซักทีดีมั้ย +-+
“ ฉันถามว่าเธอมีอะไรสงสัยมั้ย ได้ยินชัดหรือยัง ”
ชวิตรากระแทกเสียงใส่คนตรงหน้าอย่างเหลืออด นี่ถ้าไม่ติดที่มีโต๊ะขั้นกลาง เธอคงกระโดดเข้าใส่ยัยกวนประสาทนี่แล้ว
“ สงสัยค่ะ ”
กีรดาตอบพาซื่อ แต่กีรดาเอ๊ย.......ตอบไม่ตรงคำถาม ก็ไอ้ที่เธอสงสัยนะ เธอสงสัยว่าเมื่อไหร่คูณผู้บริหารจะปล่อยตัวให้เธอกลับไปทำงานได้ซะที มันนานมากแล้วนะสำหรับเธอ อึดอัด อึดอัด อึดอัด โว๊ยยยยยย.........ได้ยินมั้ย......... บ้าไปแล้วฉันคิดคนเดียว ยัยนั้นจะได้ยินได้ยังไง เห่อๆๆ - -
คำตอบคนละเรื่องของกีรดาทำให้ชวิตราหน้าตึงขึ้นไปอีก ยัยนี่สงสัยเรื่องของเธอกับนพรุจงั้นเหรอ มันก็น่าหรอก เป็นเธอหากมีใครมาทำหยั่งนั้นเธอคงปล่อยหมัดตรงใส่ไปเรียบร้อย (โหดได้อีก 555)
“ ฉันขอสั่งให้จบเรื่องบ้าๆพวกนั้นซะ ลืมมันให้หมด เข้าใจมั้ยกีรดา ”
น้ำเสียงที่ทำให้คนฟังเย็บวาบไปถึงกระดูกสันหลัง ทั้งๆที่กีรดาไม่ค่อยจะเข้าใจมากนักแต่ก็ทำเป็น พยักหน้าเพื่อทำให้คนออกคำสั่งพอใจ ซึ่งการกระทำนั้นก็ทำให้ชวิตราพอใจจริงๆ เอาเถอะเธอจะยกโทษให้ยัยนี่ก็ได้ ถือว่าความดีลบล้างความชั่ว และถึงยังไงโรงแรมใหญ่โตหยั่งนี้เธอคงจะไม่ได้เจอหน้าคนตรงหน้าบ่อยนักหรอก หรือไม่อาจจะไม่เจอเลยก็ได้
“ ออกไปได้แล้ว ”
คนมาดนิ่งพูดไปโดยไม่มองหน้าคนฟัง ชวิตราก้มหน้าทำงานของเธอต่อ โดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะแสดงอาการ งง สุดขีดขนาดไหน
“ ห๊า...เอ่อ...ค่ะ ”
กีรดาเก็บความสงสัยไว้ แล้วรีบเดินออกจากห้องเย็น เอ้ย! ห้องผู้บริหารคนใหม่อย่างรวดเร็ว เธอก้าวขายาวๆเพื่อที่จะเดินไปถึงประตูห้อง รีบเปิด และก้าวออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว โอ้ววววว..........ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับโลกภายนอกซะที คิดถึงจังเลย........555 เวอร์ซะไม่มีฉัน....
“ คิดถึงแกจังเลย ”
กีรดาเอ่ยทักเพื่อนสาวเมื่อมาถึงที่โต๊ะทำงาน ทำเอาคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ งง เป็นไก่ตาแตก จะมาคิดถึงอะไรกันหายไปแค่ 15 นาที ทำเหมือนจากกันไปเป็นชาติ ท่าจะบ้า - -
“ เป็นบ้าอะไรของแก ”
“ เอาน่า บอกคิดถึง แกก็ช่วยซึ้งๆหน่อยไม่ได้เหรอ ”
“ เอาเข้าไปยัยบ๊องส์เอ้ย ”
ท่าทางแปลกๆของเพื่อนสาวทำให้น้ำค้างอดที่จะขำไม่ได้ แต่คนที่พึ่งผ่านสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าน่ากลัวสุดๆ อย่างกีรดายิ้มแทบไม่ออก หวังว่าพรุ่งนี้อะไร อะไรมันคงจะดีขึ้นกว่านี้นะ หรือไม่ก็อย่าให้แย่ลงกว่านี้เลย กีรดาขอร้องงงงงง ~ ~
“ ไงเพื่อนทำงานที่ใหม่ สนุกมั้ยจ๊ะ ”
คำถามที่ชวิตราพอจะเดาออกได้เลย คิดอยู่แล้วเชียวว่าประโยคแรกที่จะถูกทักคืออะไร การพยักหน้าจึงเป็นคำตอบง่ายๆที่ยังคงบ่งบอกได้ว่าเป็นชวิตราตัวจริง แต่ทำไมนะยัยนั่นถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นขนาดนั้น ชวิตราส่ายหัวไปมา ยัยบ้าเอ้ย...กล้าดียังไงถึงได้มาอยู่ในความคิดของฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้........ไม่งั้นเธอตายแน่ !!!
“ ฮัดเช้ย ”
กีรดาทำจมูกฟุตฟิตไปมา จู่ๆเธอก็จามออกมา สงสัยมีคนนินทาเธอแน่ๆ ใครกันนะ แต่เอ...หรือว่าเธอจะไม่สบายแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอออกจะแข็งแรงขนาดนี้ เอ๊ะ! เอ๊ะ!เอ๊ะ! หรือว่ามีคนคิดถึง หุหุหุ ต้องเป็นอย่างหลังนี้แน่นอน ใครน้า....กีรดาอมยิ้มไปมาอย่างอารมณ์ดี แต่จู่ๆใบหน้ายักษ์ของใครบางคนก็ลอยเข้ามาทำให้รอยยิ้มนั้นต้องหุบลงทันที เปลื่ยนเป็นอาการขนลุกโดยฉับพัน (เกี่ยวกันมั้ยเนื่ย) ความสยองที่คิดว่าน่าจะลบออกไปหมดค่อยๆกลับมาสั่นประสาทกีรดาอีกครั้ง อื่อๆๆๆ แล้วฉันจะลืมได้มั้ยล่ะเนื่ย - -.....กีรดาคิด
“ ตกลงเธอไม่ชอบคุณนพรุจจริงๆเหรอ ฉันว่า....”
น้ำค้างยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกชวิตราเบรคคำถามอย่างแรง
“ ฉันว่าเลิกพูดถึงอีตานี่เถอะ เดี่ยวทานอะไรไม่ลง ”
ชวิตราเบ้ปาก อันเป็นการบ่งบอกว่า ถ้าขึนเธอยังไม่จบเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกินแล้วเพราะฉันจะกลับ แต่คนอะไรหนอตายยากชะมัดพูดถึงปุ๊บ ถึงตัวเป็นๆไม่มาก็ยังอุตสาห์โทรมาอีก บ้าจริง!!! นี้เธอคิดว่าเธอสามารถไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิตได้แล้วเสียอีก แต่สิ่งที่กำลังสั่นอยู่ในขณะนี้ทำให้เธอค้นพบว่า มันกำลังจะมา!!!
“ สวัสดีครับ วิ ”
น้ำเสียงทักทายเหมือนคนที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
“ ค่ะ คุณนพรุจมีอะไรหรือเปล่าค่ะ ”
น้ำเสียงชวิตรายังคงแสดงให้เห็นว่าระหว่างเขากับเธอยังคงสถานะเช่นไร สิ่งนี้สินะที่ทำให้เขาปวดใจเสมอและมันยังเป็นแรงผลัดดันให้เขามีแรงที่จะ คิดหาวิธีที่จะต้องชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ซักวันชวิตราต้องเป็นฝ่ายมาอ้อนวอนขอความรักจากเขาบ้าง แต่แล้วสิ่งที่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น ชวิตรา....ชวิตรามีแฟนแล้ว แค่นี้หัวใจของเขาก็บอบช้ำอยู่แล้ว แล้วที่ทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าอีกคือ แฟนของชวิตราเป็นผู้หญิง
ช้ำใจจริงๆ แต่เมื่อเขากลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง กลับทำให้เขาพบข้อสงสัยหลายแห่ง นพรุจจึงตัดสินใจพิสูจน์ว่าความจริงเรื่องนี้คืออะไร หากว่ามันไม่ใช่ความจริงเขาก็ถือว่ายังมีสิทธิ์ที่จะได้ชวิตรามาครอบ ครองอยู่ แต่...แต่..หากคือเรื่องจริง เขาก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ ครั้งนี้จะเป็นครั้งตัดสินหัวใจของเขาว่าควรจะไปทางไหนดี................
“ ผมมาคิดดูอีกที ผมว่าผมจะอยู่ที่นี่อีกสัก 2 – 3 เดือน หวังว่าคุณวิคงจะไม่รังเกียจหากผมจะขอไปทานข้าวด้วยคน ออ...หวังว่าคุณวิกับคุณกีรดาคงจะไม่หวานกันมากจนผมต้องอิจฉานะครับ ”
นพรุจพูดเป็นเสียงทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้คนฟังพอจะเข้าใจในเหตุผลที่คนปลายสายพูด นี่คงกะจะอยู่จับผิดเธอล่ะสิ เชอะไม่มีทาง....แต่...เธอควรจะทำอย่างไรดีล่ะ ชวิตราเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สงสัยเราต้องเจอกันอีกนานเลยนะกีรดา และแล้วความคิดของชวิตราก็ล่องลอยไปไกลแสนไกลแต่แล้วก็มาจบลงที่หน้าคนซื่อ บื่อคนเดิม ทำให้เธออดอมยิ้มไม่ได้ และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามอดแปลกใจไม่ได้ ก็ตั้งแต่คบกันมาชวิตราไม่เคยมีสีหน้าและท่าทางแบบนี้ซักที ดูสิ....แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่คบกันมาชวิตรามีอยู่แค่สองหน้าคือหน้าบึ้ง และหน้าบึ้งที่สุด แต่คราวนี้มียิ้ม อึม......แปลกแต่ก็ดี....ฮิฮิ
อากาศเช้าวันนี้ช่างดูสดใสและเหมาะแก่การเริ่มต้นจิตใจที่เคยห่อเหี่ยวให้ กลับมาสดชื่ออีกครั้ง กีรดาสูดหายใจเข้าเต็มปอด วันนี้ท่าทางจะเป็นวันดีของเธอ ดูอะไรก็เป็นใจไปหมด รถก็ไม่ติด ขับไปไฟเขียวตลอดทาง แถมผู้คนที่เคยเบียดเสียดกันอย่างกับตังเมในลิฟท์วันนี้กลับดูโล่งสบาย รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของกีรดาทำให้คนที่พบเห็นต่างพากันหลงเสน่ห์กันเป็น แถว แต่เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มของตัวเองได้บาดใจใครหลายๆคนที่พบ เห็น ทำไงได้...ก็วันนี้คนมันอารมณ์ดีก็ต้องแสดงออกมา.....ไม่เห็นจะแปลก ^-^
“ วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะค่ะ ”
เสียงเลขาสาวทักมาแต่ไกล ทำเอากีรดาถึงกับสะดุดเกือบล้ม ทักกันแต่เช้าเชียว ไม่นะ.......ไม่นะ..........คงจะไม่มา...........สมองหยุดการทำงานไปพร้อมๆ กับเท้าที่หยุดเดิน อย่าพูดดดดดดดด.......
“ คุณชวิตรารออยู่ ท่าทางอารมณ์ดีจะเข้าไปเลยมั้ยค่ะ ”
คำพูดที่ฟังดูน่ารักของคนตรงหน้าไม่ได้ช่วยทำให้ความกังวลของกีรดาน้อยลง เลย นี่หรือคือวันที่แสนจะสวยงามของเธอ มันดูหม่นหมองทันทีที่ได้ยินชื่อนี้...ชวิตรา...ชื่อแห่งความโชคร้าย...ฮื่อ ฮื่อ..เอาวันที่สวยงามของฉันคืนมานะๆๆๆๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก
“ เชิญ ”
ชวิตราพูดโดยไม่มองหน้าผู้ที่เข้ามาใหม่ ก็เธอรู้อยู่แล้วนี่นาว่าเป็นใคร แปลก..ขนาดได้ยินแค่เสียงฝีเท้าเธอยังรู้เลยว่าเป็นกีรดา นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันแต่ช่างเถอะ เรื่องที่จะคุยนี่สิสำคัญกว่า เธอควรจะเริ่มต้นพูดยังไงดีนะ ขึนพูดโดยไม่คิดยัยนั้นไม่มีทางเข้าใจแน่แถมท้ายจะหัวเราะเยาะเธออีก ไม่ได้....ลองมาหัวเราะใส่เธอสิ...ได้เห็นดีกันแน่ (ถึงแค่ยิ้มเธอก็โดนแน่ !!! กีรดา)
“ คุณชวิตราเรียกดิฉันมีอะไรหรือเปล่าค่ะ ”
“ นั่งก่อนสิ ”
กีรดารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อึดอัดทุกทีสินะที่เข้ามาในห้องนี้ ห้องมันก็สวยอยู่หรอกนะแต่คนที่อยู่นี่สิปัญหา - -
ชวิตราเงยหน้าจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา โอ้ววว....สายตาพิฆาตมาอีกแล้วกีรดาคิด
“ ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย ”
กีรดาแอบถอดหายใจออกมา นึกว่าจะโดนซะแล้ว ฮ่า ฮ่า คิดมาก คิดมาก ^-^
“ เอาล่ะนะฉันมีเวลาไม่มาก เอาเป็นว่า ฉัน....ฉัน....”
ทำไมน่า บทจะพูดจริงๆมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ แต่ก็นั้นล่ะนะ มันจำเป็นจริงๆไม่งั้นเธอไม่หวังพึ่งคนอื่นหรอก เพราะตั้งแต่เกิดมาการยืนด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่เธอทำมาตลอด แต่ครั้งนี้คงทำไม่ได้ด้วยตัวเองซะแล้ว ชวิตราเอ๋ย...
คนฟังก็เริ่มใจตุ๊มๆต่อมๆ พูดก็ไม่พูดมาซักที คนฟังก็รอลุ้นฟังใจจะขาดอยู่แล้ว ตกลงเรื่องที่จะพูดนี้คนตรงหน้าจะขอให้เธอช่วยหรือจะมาบอกไล่ออกกันแน่ นะ......
“ ฉันอยากให้เธอมาเป็นแฟนฉัน ”
” โถ่....นึกว่าเรื่องอะไร เป็นแฟนกัน ”
แต่แล้วเมื่อกีรดาพูดทวนประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ เธอก็ต้องหุบรอยยิ้มลงอย่างเร็ว ??????? เปลื่ยนเป็นอ้างปากค้างแทน
“ หุบปากได้แล้ว เดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก ”
กีรดาพยายามสงบสติ เธอคงฟังผิด ใช่เธอต้องฟังผิดแน่นอน ใช่ๆๆๆๆๆ สงสัยต้องไปหาหมอหลังเลิกงาน ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้ฟังผิดอยู่เรื่อยเลย - -
“ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ แค่แฟนกำมะลอ และหน้าที่ของเธอคือต้องทำให้คุณนพรุจ เอ่อ..ฉันหมายถึงผู้ชายคนเมื่อวานน่ะ ออกไปจากชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะวิธีอะไรก็ช่าง จำไว้ ”
โอ้ววววว...ชัดเจนไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ หูไม่ได้เพี้ยน ดีจังไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ฮื่อ ฮื่อ > <
“ แล้ว....แล้วถ้าไม่ตกลงล่ะค่ะ ”
ชวิตรามองหน้าคนที่คิดว่าไม่น่าจะมีปากเสียงอะไร ดูๆไปก็กล้าเหมือนกันนะ กล้ามากที่คิดจะขัดคำสั่งเธอ ชวิตรายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ มีสองทางให้เธอเลือก หนึ่ง ตกลง สอง ตก.....งาน ^-^ ”
ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri ตอนที่ 4 แผนการที่ไม่ได้ตั้งใจ
สีหน้าของคนตรงหน้าบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร ชวิตราได้แต่นั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ แต่ก็อดแอบขำไม่ได้ยัยนี่ ไม่รู้จักเก็บอารมณ์เล้ย ดูสิออกมาทั้งท่างหน้าทางตา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกลัวเธอได้มากขนาดนี้ แต่เอ........หรือว่าเธอไม่ได้สังเกตุคนอื่นๆ
“ เธอมีอะไรสงสัยมั้ย ”
กีรดาเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามอยากถามเหลือเกินว่า คำพูดที่ออกมาตะกี้ คือคำถาม หรือ คำขู่ ทั้งน้ำเสียงสีหน้าและแววตาที่มองเธอมันช่างเยือกเย็น คนตรงหน้านี่เขามีความจำกัดคำว่าน่ากลัวหรือเปล่านะ คนอะไรยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งน่ากลัวววววว ~ ~
“ ถามก็ตอบมาซิ เงียบอยู่ได้ ”
ชวิตราเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ชอบเลยที่คนตรงหน้าเงียบมันทำให้รู้สึกเหมือนเธอพูดอยู่คนเดียว ยัยนี่ทำไมชอบทำให้อารมณ์เธอเสียจังเลยนะ
เมื่อเห็นกิริยาคนตรงหน้ากีรดาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพายุที่กำลังก่อตัวขึ้น โอ้วววว.......น่ากลัวได้อีก...~ ~
“ ขอทวนคำถามได้มั้ยค่ะ ”
“ นี่เธอ - - ”
ชวิตราชักจะหมดความอดทนกับคนตรงหน้า ทำไมถึงได้กวนอารมณ์เธอได้ถึงขนาดนี้นะ ดูทำหน้าเข้าพูดกวนแล้วยังจะมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก มันน่านัก เดี๋ยวเหอะ อีกซักทีดีมั้ย +-+
“ ฉันถามว่าเธอมีอะไรสงสัยมั้ย ได้ยินชัดหรือยัง ”
ชวิตรากระแทกเสียงใส่คนตรงหน้าอย่างเหลืออด นี่ถ้าไม่ติดที่มีโต๊ะขั้นกลาง เธอคงกระโดดเข้าใส่ยัยกวนประสาทนี่แล้ว
“ สงสัยค่ะ ”
กีรดาตอบพาซื่อ แต่กีรดาเอ๊ย.......ตอบไม่ตรงคำถาม ก็ไอ้ที่เธอสงสัยนะ เธอสงสัยว่าเมื่อไหร่คูณผู้บริหารจะปล่อยตัวให้เธอกลับไปทำงานได้ซะที มันนานมากแล้วนะสำหรับเธอ อึดอัด อึดอัด อึดอัด โว๊ยยยยยย.........ได้ยินมั้ย......... บ้าไปแล้วฉันคิดคนเดียว ยัยนั้นจะได้ยินได้ยังไง เห่อๆๆ - -
คำตอบคนละเรื่องของกีรดาทำให้ชวิตราหน้าตึงขึ้นไปอีก ยัยนี่สงสัยเรื่องของเธอกับนพรุจงั้นเหรอ มันก็น่าหรอก เป็นเธอหากมีใครมาทำหยั่งนั้นเธอคงปล่อยหมัดตรงใส่ไปเรียบร้อย (โหดได้อีก 555)
“ ฉันขอสั่งให้จบเรื่องบ้าๆพวกนั้นซะ ลืมมันให้หมด เข้าใจมั้ยกีรดา ”
น้ำเสียงที่ทำให้คนฟังเย็บวาบไปถึงกระดูกสันหลัง ทั้งๆที่กีรดาไม่ค่อยจะเข้าใจมากนักแต่ก็ทำเป็น พยักหน้าเพื่อทำให้คนออกคำสั่งพอใจ ซึ่งการกระทำนั้นก็ทำให้ชวิตราพอใจจริงๆ เอาเถอะเธอจะยกโทษให้ยัยนี่ก็ได้ ถือว่าความดีลบล้างความชั่ว และถึงยังไงโรงแรมใหญ่โตหยั่งนี้เธอคงจะไม่ได้เจอหน้าคนตรงหน้าบ่อยนักหรอก หรือไม่อาจจะไม่เจอเลยก็ได้
“ ออกไปได้แล้ว ”
คนมาดนิ่งพูดไปโดยไม่มองหน้าคนฟัง ชวิตราก้มหน้าทำงานของเธอต่อ โดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะแสดงอาการ งง สุดขีดขนาดไหน
“ ห๊า...เอ่อ...ค่ะ ”
กีรดาเก็บความสงสัยไว้ แล้วรีบเดินออกจากห้องเย็น เอ้ย! ห้องผู้บริหารคนใหม่อย่างรวดเร็ว เธอก้าวขายาวๆเพื่อที่จะเดินไปถึงประตูห้อง รีบเปิด และก้าวออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว โอ้ววววว..........ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับโลกภายนอกซะที คิดถึงจังเลย........555 เวอร์ซะไม่มีฉัน....
“ คิดถึงแกจังเลย ”
กีรดาเอ่ยทักเพื่อนสาวเมื่อมาถึงที่โต๊ะทำงาน ทำเอาคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ งง เป็นไก่ตาแตก จะมาคิดถึงอะไรกันหายไปแค่ 15 นาที ทำเหมือนจากกันไปเป็นชาติ ท่าจะบ้า - -
“ เป็นบ้าอะไรของแก ”
“ เอาน่า บอกคิดถึง แกก็ช่วยซึ้งๆหน่อยไม่ได้เหรอ ”
“ เอาเข้าไปยัยบ๊องส์เอ้ย ”
ท่าทางแปลกๆของเพื่อนสาวทำให้น้ำค้างอดที่จะขำไม่ได้ แต่คนที่พึ่งผ่านสถานการณ์ที่เรียกได้ว่าน่ากลัวสุดๆ อย่างกีรดายิ้มแทบไม่ออก หวังว่าพรุ่งนี้อะไร อะไรมันคงจะดีขึ้นกว่านี้นะ หรือไม่ก็อย่าให้แย่ลงกว่านี้เลย กีรดาขอร้องงงงงง ~ ~
“ ไงเพื่อนทำงานที่ใหม่ สนุกมั้ยจ๊ะ ”
คำถามที่ชวิตราพอจะเดาออกได้เลย คิดอยู่แล้วเชียวว่าประโยคแรกที่จะถูกทักคืออะไร การพยักหน้าจึงเป็นคำตอบง่ายๆที่ยังคงบ่งบอกได้ว่าเป็นชวิตราตัวจริง แต่ทำไมนะยัยนั่นถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นขนาดนั้น ชวิตราส่ายหัวไปมา ยัยบ้าเอ้ย...กล้าดียังไงถึงได้มาอยู่ในความคิดของฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้........ไม่งั้นเธอตายแน่ !!!
“ ฮัดเช้ย ”
กีรดาทำจมูกฟุตฟิตไปมา จู่ๆเธอก็จามออกมา สงสัยมีคนนินทาเธอแน่ๆ ใครกันนะ แต่เอ...หรือว่าเธอจะไม่สบายแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอออกจะแข็งแรงขนาดนี้ เอ๊ะ! เอ๊ะ!เอ๊ะ! หรือว่ามีคนคิดถึง หุหุหุ ต้องเป็นอย่างหลังนี้แน่นอน ใครน้า....กีรดาอมยิ้มไปมาอย่างอารมณ์ดี แต่จู่ๆใบหน้ายักษ์ของใครบางคนก็ลอยเข้ามาทำให้รอยยิ้มนั้นต้องหุบลงทันที เปลื่ยนเป็นอาการขนลุกโดยฉับพัน (เกี่ยวกันมั้ยเนื่ย) ความสยองที่คิดว่าน่าจะลบออกไปหมดค่อยๆกลับมาสั่นประสาทกีรดาอีกครั้ง อื่อๆๆๆ แล้วฉันจะลืมได้มั้ยล่ะเนื่ย - -.....กีรดาคิด
“ ตกลงเธอไม่ชอบคุณนพรุจจริงๆเหรอ ฉันว่า....”
น้ำค้างยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ถูกชวิตราเบรคคำถามอย่างแรง
“ ฉันว่าเลิกพูดถึงอีตานี่เถอะ เดี่ยวทานอะไรไม่ลง ”
ชวิตราเบ้ปาก อันเป็นการบ่งบอกว่า ถ้าขึนเธอยังไม่จบเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกินแล้วเพราะฉันจะกลับ แต่คนอะไรหนอตายยากชะมัดพูดถึงปุ๊บ ถึงตัวเป็นๆไม่มาก็ยังอุตสาห์โทรมาอีก บ้าจริง!!! นี้เธอคิดว่าเธอสามารถไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิตได้แล้วเสียอีก แต่สิ่งที่กำลังสั่นอยู่ในขณะนี้ทำให้เธอค้นพบว่า มันกำลังจะมา!!!
“ สวัสดีครับ วิ ”
น้ำเสียงทักทายเหมือนคนที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
“ ค่ะ คุณนพรุจมีอะไรหรือเปล่าค่ะ ”
น้ำเสียงชวิตรายังคงแสดงให้เห็นว่าระหว่างเขากับเธอยังคงสถานะเช่นไร สิ่งนี้สินะที่ทำให้เขาปวดใจเสมอและมันยังเป็นแรงผลัดดันให้เขามีแรงที่จะ คิดหาวิธีที่จะต้องชนะใจผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ซักวันชวิตราต้องเป็นฝ่ายมาอ้อนวอนขอความรักจากเขาบ้าง แต่แล้วสิ่งที่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น ชวิตรา....ชวิตรามีแฟนแล้ว แค่นี้หัวใจของเขาก็บอบช้ำอยู่แล้ว แล้วที่ทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าอีกคือ แฟนของชวิตราเป็นผู้หญิง
ช้ำใจจริงๆ แต่เมื่อเขากลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง กลับทำให้เขาพบข้อสงสัยหลายแห่ง นพรุจจึงตัดสินใจพิสูจน์ว่าความจริงเรื่องนี้คืออะไร หากว่ามันไม่ใช่ความจริงเขาก็ถือว่ายังมีสิทธิ์ที่จะได้ชวิตรามาครอบ ครองอยู่ แต่...แต่..หากคือเรื่องจริง เขาก็จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ ครั้งนี้จะเป็นครั้งตัดสินหัวใจของเขาว่าควรจะไปทางไหนดี................
“ ผมมาคิดดูอีกที ผมว่าผมจะอยู่ที่นี่อีกสัก 2 – 3 เดือน หวังว่าคุณวิคงจะไม่รังเกียจหากผมจะขอไปทานข้าวด้วยคน ออ...หวังว่าคุณวิกับคุณกีรดาคงจะไม่หวานกันมากจนผมต้องอิจฉานะครับ ”
นพรุจพูดเป็นเสียงทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้คนฟังพอจะเข้าใจในเหตุผลที่คนปลายสายพูด นี่คงกะจะอยู่จับผิดเธอล่ะสิ เชอะไม่มีทาง....แต่...เธอควรจะทำอย่างไรดีล่ะ ชวิตราเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สงสัยเราต้องเจอกันอีกนานเลยนะกีรดา และแล้วความคิดของชวิตราก็ล่องลอยไปไกลแสนไกลแต่แล้วก็มาจบลงที่หน้าคนซื่อ บื่อคนเดิม ทำให้เธออดอมยิ้มไม่ได้ และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามอดแปลกใจไม่ได้ ก็ตั้งแต่คบกันมาชวิตราไม่เคยมีสีหน้าและท่าทางแบบนี้ซักที ดูสิ....แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่คบกันมาชวิตรามีอยู่แค่สองหน้าคือหน้าบึ้ง และหน้าบึ้งที่สุด แต่คราวนี้มียิ้ม อึม......แปลกแต่ก็ดี....ฮิฮิ
อากาศเช้าวันนี้ช่างดูสดใสและเหมาะแก่การเริ่มต้นจิตใจที่เคยห่อเหี่ยวให้ กลับมาสดชื่ออีกครั้ง กีรดาสูดหายใจเข้าเต็มปอด วันนี้ท่าทางจะเป็นวันดีของเธอ ดูอะไรก็เป็นใจไปหมด รถก็ไม่ติด ขับไปไฟเขียวตลอดทาง แถมผู้คนที่เคยเบียดเสียดกันอย่างกับตังเมในลิฟท์วันนี้กลับดูโล่งสบาย รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของกีรดาทำให้คนที่พบเห็นต่างพากันหลงเสน่ห์กันเป็น แถว แต่เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มของตัวเองได้บาดใจใครหลายๆคนที่พบ เห็น ทำไงได้...ก็วันนี้คนมันอารมณ์ดีก็ต้องแสดงออกมา.....ไม่เห็นจะแปลก ^-^
“ วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะค่ะ ”
เสียงเลขาสาวทักมาแต่ไกล ทำเอากีรดาถึงกับสะดุดเกือบล้ม ทักกันแต่เช้าเชียว ไม่นะ.......ไม่นะ..........คงจะไม่มา...........สมองหยุดการทำงานไปพร้อมๆ กับเท้าที่หยุดเดิน อย่าพูดดดดดดดด.......
“ คุณชวิตรารออยู่ ท่าทางอารมณ์ดีจะเข้าไปเลยมั้ยค่ะ ”
คำพูดที่ฟังดูน่ารักของคนตรงหน้าไม่ได้ช่วยทำให้ความกังวลของกีรดาน้อยลง เลย นี่หรือคือวันที่แสนจะสวยงามของเธอ มันดูหม่นหมองทันทีที่ได้ยินชื่อนี้...ชวิตรา...ชื่อแห่งความโชคร้าย...ฮื่อ ฮื่อ..เอาวันที่สวยงามของฉันคืนมานะๆๆๆๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก
“ เชิญ ”
ชวิตราพูดโดยไม่มองหน้าผู้ที่เข้ามาใหม่ ก็เธอรู้อยู่แล้วนี่นาว่าเป็นใคร แปลก..ขนาดได้ยินแค่เสียงฝีเท้าเธอยังรู้เลยว่าเป็นกีรดา นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันแต่ช่างเถอะ เรื่องที่จะคุยนี่สิสำคัญกว่า เธอควรจะเริ่มต้นพูดยังไงดีนะ ขึนพูดโดยไม่คิดยัยนั้นไม่มีทางเข้าใจแน่แถมท้ายจะหัวเราะเยาะเธออีก ไม่ได้....ลองมาหัวเราะใส่เธอสิ...ได้เห็นดีกันแน่ (ถึงแค่ยิ้มเธอก็โดนแน่ !!! กีรดา)
“ คุณชวิตราเรียกดิฉันมีอะไรหรือเปล่าค่ะ ”
“ นั่งก่อนสิ ”
กีรดารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อึดอัดทุกทีสินะที่เข้ามาในห้องนี้ ห้องมันก็สวยอยู่หรอกนะแต่คนที่อยู่นี่สิปัญหา - -
ชวิตราเงยหน้าจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา โอ้ววว....สายตาพิฆาตมาอีกแล้วกีรดาคิด
“ ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย ”
กีรดาแอบถอดหายใจออกมา นึกว่าจะโดนซะแล้ว ฮ่า ฮ่า คิดมาก คิดมาก ^-^
“ เอาล่ะนะฉันมีเวลาไม่มาก เอาเป็นว่า ฉัน....ฉัน....”
ทำไมน่า บทจะพูดจริงๆมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ แต่ก็นั้นล่ะนะ มันจำเป็นจริงๆไม่งั้นเธอไม่หวังพึ่งคนอื่นหรอก เพราะตั้งแต่เกิดมาการยืนด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่เธอทำมาตลอด แต่ครั้งนี้คงทำไม่ได้ด้วยตัวเองซะแล้ว ชวิตราเอ๋ย...
คนฟังก็เริ่มใจตุ๊มๆต่อมๆ พูดก็ไม่พูดมาซักที คนฟังก็รอลุ้นฟังใจจะขาดอยู่แล้ว ตกลงเรื่องที่จะพูดนี้คนตรงหน้าจะขอให้เธอช่วยหรือจะมาบอกไล่ออกกันแน่ นะ......
“ ฉันอยากให้เธอมาเป็นแฟนฉัน ”
” โถ่....นึกว่าเรื่องอะไร เป็นแฟนกัน ”
แต่แล้วเมื่อกีรดาพูดทวนประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ เธอก็ต้องหุบรอยยิ้มลงอย่างเร็ว ??????? เปลื่ยนเป็นอ้างปากค้างแทน
“ หุบปากได้แล้ว เดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก ”
กีรดาพยายามสงบสติ เธอคงฟังผิด ใช่เธอต้องฟังผิดแน่นอน ใช่ๆๆๆๆๆ สงสัยต้องไปหาหมอหลังเลิกงาน ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้ฟังผิดอยู่เรื่อยเลย - -
“ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ แค่แฟนกำมะลอ และหน้าที่ของเธอคือต้องทำให้คุณนพรุจ เอ่อ..ฉันหมายถึงผู้ชายคนเมื่อวานน่ะ ออกไปจากชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะวิธีอะไรก็ช่าง จำไว้ ”
โอ้ววววว...ชัดเจนไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ หูไม่ได้เพี้ยน ดีจังไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ฮื่อ ฮื่อ > <
“ แล้ว....แล้วถ้าไม่ตกลงล่ะค่ะ ”
ชวิตรามองหน้าคนที่คิดว่าไม่น่าจะมีปากเสียงอะไร ดูๆไปก็กล้าเหมือนกันนะ กล้ามากที่คิดจะขัดคำสั่งเธอ ชวิตรายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ มีสองทางให้เธอเลือก หนึ่ง ตกลง สอง ตก.....งาน ^-^ ”