“เผ่น !!!” เป็นคำตอบสุดท้าย “หากตลาดหุ้นไทยแตะ 1,700 จุด เหมือนปี 2537” ประโยคนี้ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร”

กระทู้สนทนา
“สับเกียร์รอ”วันใดดัชนีสัมผัส 1,700 จุด พร้อมเร่งเครื่องหนี คำสถบของ “ต้นตำรับ VI” ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร “เจ้าของพอร์ตกว่า 2 พันล้าน”

“เผ่น !!!” เป็นคำตอบสุดท้าย “หากตลาดหุ้นไทยแตะ 1,700 จุด เหมือนปี 2537” ประโยคนี้ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ผู้เผยแพร่การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor -VI) คนแรกของเมืองไทย ประกาศกลางเวที “เปิดประสบการณ์ตามหาหุ้นตัวแรก Your First Stock” ที่มีนักลงทุนแนว VI จับจองเก้าอี้มากกว่าครึ่งห้องประชุมสังเวียน ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คำพูดนี้ถูกถ่ายทอดถึงหู “แฟนพันธุ์แท้ VI” เพียงไม่กี่วัน ก่อน SET INDEX ปรับตัวลดลงรวม 112.68 จุด ในช่วงวันที่ 18-22 มี.ค.56 มูลค่าซื้อขายสูงถึง 101,361.64 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนจะ “ดิ่งเหว” หนักสุด 50 จุด ปิดตลาดที่ 1,478.97 จุด เมื่อวันที่ 22 มี.ค.56 แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ"กระทิงหนุ่ม" นักลงทุน “ตะลุย” ซื้อหุ้นไม่ยั้งมากว่า 2 เดือน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทุบสถิติสูงสุดใหม่เกือบทุกวัน

“เซียนหุ้นลายคราม” ลงจากเวทีมาขยายความเรื่องนี้ให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า..."หากดัชนีขึ้นไปแตะระดับ 1,700 จุด เหมือนปี 2537 ที่ทำได้ 1,770 จุด จริงๆ บอกตรงๆผมคงไม่อยู่แล้ว (หัวเราะ) อย่างน้อยต้องขายหุ้นออกไปสัก 50% หรือไม่ก็ล้างพอร์ตลงทุนให้หมด กลัวซ้ำรอยอดีตที่หุ้นไทยค่อยย่อตัวลงมา หลังขึ้นไปแตะจุดสูงสุด"

เขาทำท่าคิด ก่อนพูดต่อว่า "แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ก็คงต้องมาดูสถานการณ์ต่างๆอีกครั้ง ผมอาจไม่ทำแบบนั้นก็ได้ นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้น ตามสถิติของผมมักไม่ค่อยขายหุ้นครั้งละมากๆหรือล้างพอร์ต หมดเกลี้ยง เพราะผมจะถือหุ้นแต่ละตัวนาน 3-4 ปี บางตัวครอบครองยาว 7-8 ปี ส่วนตัวไม่ค่อยนิยมดูดัชนีเท่าไร"

ถ้าดัชนีแตะ 1,700 จุด ขณะที่พอร์ตลงทุนไม่ขยับเลย แบบนี้ก็ไม่ไหว คงต้องมีขายกันบ้าง เจ้าตัวบอก

หากจะให้ทำนาย SET index ปลายปี 2556 จะไปยืนจุดไหน? ดร.นิเวศน์ บอกว่า.. "คำถามนี้ยังตอบไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ถ้าให้บอกเท่ากับว่าจะต้องคาดการณ์อารมณ์ของนักลงทุน แต่พอจะประเมินได้ว่า หากดัชนีขึ้นแตะ 1,700 จุด เท่ากับว่าตลาดหุ้นขึ้นไปแรงเกิน ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเหมือนกัน ปี 2555 ตลาดหุ้นขึ้นไป 36% ถ้าปี 2556 ขึ้นไปที่ 1,700 จุด เท่ากับว่าตลาดขึ้นไปกว่า 30% เรียกได้ว่าตลาดหุ้นไทยหวือหวา 2 ปีติดต่อกัน เหตุการณ์อย่างนี้เป็นอะไรที่นานๆจะเกิดขึ้น ขึ้นแรงขนาดนี้บ่งบอกได้ว่า เกิดจากการ “เก็งกำไร” ฉะนั้นนักลงทุนต้องระวัง"

ถามต่อว่าภาวะตลาดหุ้นเช่นนี้ แนะนำนักการลงทุนอย่างไร? เขาบอกว่า.. "ดูจากตัวผมเอง ไม่ได้ช้อนหุ้นมาพักใหญ่แล้ว เท่าที่ดูราคาหุ้นทุกตัวแพงมาก (ลากเสียงยาว) ไม่มีหุ้นตัวไหนที่รู้สึกว่าเข้าไปซื้อแล้ว “สบายใจ” สักตัว ภาวะเช่นนี้เน้นถือลงทุนหุ้นที่มีอยู่แล้วต่อไป ดีกว่าไปไล่ซื้อหุ้นตัวใหม่ๆ ผมยังไม่เห็นหุ้นตัวไหนซื้อแล้ว “ปลอดภัย” ที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนเยอะขึ้น คนเหล่านี้มีโอกาส “ขาดทุนสูง” อย่าลืมคุณเข้ามาซื้อตอนราคาสูงแล้ว เว้นเสียแต่ว่าเจอ “เนื้อคู่” หลังเล็งแล้วพบว่า 3 ปีข้างหน้า โอกาสโกยผลตอบแทนจากการลงทุนสูง ก็ขอได้โปรดอย่ารีรอ”

ดร.นิเวศน์ ยังบอกด้วยว่า ส่วนตัว “กังวล” ทุกครั้งที่เห็นตลาดหุ้นขึ้นๆ แบบนี้ ก่อนจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์” อภิมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งช่วงตลาดหุ้นมีลักษณะดีๆ แบบนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้หาซื้อหุ้นดีๆถูกๆไม่ได้ เพราะราคาแพงทุกตัว ซึ่ง “วอร์เรน” เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงหลังวิกฤติ เขาจึงตัดสินใจล้างพอร์ตลงทุนหมดเกลี้ยง ขายหุ้นทิ้งไม่นานราคาหุ้นก็ขึ้นไม่ยอมลง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่