บ้านเราพ่อแม่จะเรียกลูกว่าไอ้ ไม่ว่าลูกชายลูกสาว พ่อเวลาคุยกับลูกจะใช้Gu เมิง พ่อเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว มีเรื่องอะไรจะมาพาลใส่ลูกด่าทอลูก จนกลายเป็นว่า โตมาน้องชายเราเป็นคนก้าวร้าวพูดคำด่าคำ แม่ไม่กล้าว่าอะไรเพราะกลัวน้องชายเราตะโคกใส่ด่าใส่ แต่เวลาโมโหขึ้นมาพ่อแม่ก็ทั้งด่าทั้งตีด่าด้วยคำหยาบคาย อย่างเราจะโดนE ช้างลาก ห สระe Eช้าง...(คำนี้พันทิพเซ้นเซอร์อะตัวเอง) ส่วนน้องชายเราเหมือนเป็นกระจกสะท้อนพ่อแม่และญาติเลยคะน้องติดพูดคำหยาบคาย บางทีไปฟังลูกพี่ลูกน้องทะเลาะกัน เค้าด่ากันว่า E กะ หรี่ เวลาไม่พอใจเรา น้องก็จะเอามาด่าเรา น้องชายเราตอนนี้กำลังวัยรุ่น กลายเป็นเด็กแว๊นคะ คบแต่เพื่อนไม่เรียนหนังสือ ติดยาบ้าง แต่ยังดีที่น้องเราพ่อแม่ดันให้เรียน ปวช แล้วต่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่ออกแนวจ่ายครบจบแน่(น้องเลือกมหาวิทยาลัยเองคะ แต่มาถามเราว่าคณะไหนเรียนง่ายสุดจะลงเรียน เราก็เลือกไปให้ แล้วให้น้องไปพิจารณาเอา) ส่วนเราด้วยความที่ที่บ้านเป็นกันอย่างนี้ พ่ออารมณ์ฉุนเฉียวบ่อยแล้วมาลงที่ลูกทุบตีลูกแม่ก็ตีลูก จนตอนเด็กเรากลายเป็นเด็กเก็บกด จำได้ว่าเราไม่ได้รับความอบอุ้นจากที่บ้านเลยนอกจากคำด่าและรอยแผลจากการโดนตี เด็กแต่ละคนหาทางออกต่างกันคะ เราหาทางออกโดยการเก็บตัว ไม่มีเพื่อน กลายเป็นคนซึมๆมีปัญหาในการเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียวเพราะมีความสุขดีตัดขาดจากคนอื่นเนี้ย ในเมื่อตัดขาดจากชาวบ้านก็ไม่มีอะไรทำคะบวกกับการที่เป็นคนหัวดี เลยเอาดีด้านการเรียนแทน ผลออกมาก็คือเราได้เรียนโรงเรียนมัธยมดังในกรุงเทพ สอบติดมหาวิทยาลัยรัฐทอปเทนของประเทศ ตั้งแต่มัธยมเราก็จะมีเพื่อนเป็นเด็กเรียนด้วยกัน (ส่วนใหญ่จะออกแนวคุณหนูพูดจาดี พฤติกรรมเรียบร้อย พ่อแม่ออกแนวพูดจาดี การเรียกลูกสุภาพ พูดคุยกับลูกสุภาพ) เราซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นมาหมดเลยคะ นอกจากนี้ครูที่โรงเรียนจะสอนอะไรกริยา มารยาท เราก็ซึมซับมาหมดเลย คงอารมณ์แบบเด็กก็เหมือนผ้าขาวเมื่อพ่อแม่ไม่ได้ดูแลสั่งสอนเท่าที่ควร ลูกเลยซึมซับพฤติกรรมคนรอบตัวแทน ตอนหลังเราพยายามหัดเปิดใจเข้าสังคมมากขึ้น ยิ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัยต้องมาอยู่หอ ไม่โดนพ่อด่าทอทุบตี สุขภาพจิตเราจึงดีขึ้นเรื่อยๆ จากเด็กเก็บกดกลายเป็นคนร่าเริง เข้าสังคมมากขึ้น กล้าพูดจากับคนอื่น
เหตุการณ์ในวัยเด็ก วัยเรียนของเรา จากสังคมเพื่อนที่เราเจอ ทำให้เรามีพฤติกรรมพูดคุยสุภาพ ทานอาหารกับข้าวต้องมีช้อนกลาง จานเราต้องมีทั้งช้อนและส้อม เดินผ่านผู้ใหญ่จะก้มหัวลง และเราจะมีเพื่อนที่การศึกษาดีหมดเลย เพราะเป็นเด็กเรียนด้วยกันหมดนี่เนอะ เราเรียนวิศวะมา ส่วนแฟนเราเรียนทันตแพทย์ ทางบ้านของแฟนพ่อเค้าเป็นคุณหมอ แม่เคยเป็นอาจารย์แต่ลาออกมาเลี้ยงลูกเลยไม่ได้กลับไปทำงานอีก ซึ่งดูสุภาพมากคะ และที่สำคัญบ้านนี้หวงลูกชายมากเนื่องจากบ้านค่อนข้างมีฐานะ+เป็นลูกชายคนเดียวที่เรียนทันตะ แต่ทางบ้านแฟนค่อนข้างชอบเราเพราะเราเป็นเด็กเรียบร้อย เคารพผู้ใหญ่ สุภาพ และเป็นเด็กเรียน ไม่อยากจะคิดเลยคะ ถ้าแฟนเราเจอพ่อแม่เราจะตกใจไหมเนี้ย ไหนจะน้องชายเราอีก
แล้วถ้าพ่อแม่แฟนมาเจอพ่อแม่เรา เค้าจะรับได้ไหม
กลัวคะ ถ้าแฟนเจอพ่อแม่เรา แล้วจะตกใจ ถ้าพ่อแม่แฟนเจอพ่อแม่และน้องเราจะตกใจยิ่งกว่า
เหตุการณ์ในวัยเด็ก วัยเรียนของเรา จากสังคมเพื่อนที่เราเจอ ทำให้เรามีพฤติกรรมพูดคุยสุภาพ ทานอาหารกับข้าวต้องมีช้อนกลาง จานเราต้องมีทั้งช้อนและส้อม เดินผ่านผู้ใหญ่จะก้มหัวลง และเราจะมีเพื่อนที่การศึกษาดีหมดเลย เพราะเป็นเด็กเรียนด้วยกันหมดนี่เนอะ เราเรียนวิศวะมา ส่วนแฟนเราเรียนทันตแพทย์ ทางบ้านของแฟนพ่อเค้าเป็นคุณหมอ แม่เคยเป็นอาจารย์แต่ลาออกมาเลี้ยงลูกเลยไม่ได้กลับไปทำงานอีก ซึ่งดูสุภาพมากคะ และที่สำคัญบ้านนี้หวงลูกชายมากเนื่องจากบ้านค่อนข้างมีฐานะ+เป็นลูกชายคนเดียวที่เรียนทันตะ แต่ทางบ้านแฟนค่อนข้างชอบเราเพราะเราเป็นเด็กเรียบร้อย เคารพผู้ใหญ่ สุภาพ และเป็นเด็กเรียน ไม่อยากจะคิดเลยคะ ถ้าแฟนเราเจอพ่อแม่เราจะตกใจไหมเนี้ย ไหนจะน้องชายเราอีก
แล้วถ้าพ่อแม่แฟนมาเจอพ่อแม่เรา เค้าจะรับได้ไหม