ย้อนรอย จุดเริ่มต้นของการแปรรูป ปตท. และใครได้ประโยชน์บ้าง.ใครถือหุ้นใหญ่ปตท(มหาชน)***ทวนความจำ สว.รสนาและกลุ่ม

ย้อนรอย จุดเริ่มต้นของการแปรรูป ปตท. แปรรูปปตท.ใครได้ประโยชน์บ้าง...ใครถือหุ้นใหญ่ปตท(มหาชน)***ทวนความจำ สว.รสนาและกลุ่มคนที่เคลื่อนไหว ทวงคืน ปตท.

แปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย รัฐบาล ชวนหลีกภัย ออก พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ 2524 มี สาวิตต์ โพธิ์วิหค (รมต.ประจำสำนักฯ) เป็นผู้ดูแล ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็น รมต.คลัง พิชัย ชุณหวชิร (กรรมการ ธ.ไทยพาณิชย์) เป็นผู้ให้คำปรึกษาการแปรรูป มาถึงปลายปี 2544(รัฐบาลทักษิณ) จึงได้แปรรูป "การปิโตเลียมแห่งประเทศไทย" มาเป็น บ.ปตท.จำกัด(มหาชน)

********* การแปรรูป ปตท. (รัฐวิสาหกิจ) มาจาก พรบ. รัฐวิสาหกิจ 2542 ร่างโดยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มี ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็น รมต. คลัง และกรรมการผู้ดูแล
แบ่งหุ้นออกเป็น 2,800 ล้านหุ้น …ในราคาวางแผนไว้หุ้นละ 35 บาท …กองทุนต่างประเทศได้รวมตัวกันกดราคารับซื้อเหลือเพียง หุ้นละ 31 บาท อ้างว่าราคาแพงไป …ปตท.ปรับเปลี่ยนแผนหุ้นที่จะขายต่างชาติมารวมกันที่จะขายให้คนไยในประเทศ…จึงขายหุ้นทั้งหมดได้ 35 บาท
14 พฤศจิกายน 2544 ขายหุ้นหมดเกลี้ยงในพริบตา (1 นาที 17 วินาที) หุ้นที่กระจายให้ต่างชาติและคนในประเทศรวมกัน 800ล้านหุ้น (28.57%) แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
กลุ่ม แรก…หุ้นผู้มีอุปการคุณ 25 ล้านหุ้น (0.89%) …กรรมการ ปตท. สามารถตัดสินใจให้ใครก็ได้
กลุ่มที่สอง…ขายให้ผู้ลงทุนต่างประเทศ 320 ล้านหุ้น (11.4%) หุ้นกลุ่มนี้เชื่อว่าฝรั่งหัวดำที่เป็นคนไทย…โดยเฉพาะทุนการเมือง
กลุ่มที่สาม..เป็นหุ้นสำหรับบุคคลถัวไป 235 ล้านหุ้น (8.39%) สำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเล่นหุ้นที่มีบัญชีอยู่กับโบกเกอร์อยู่แล้ว
กลุ่มที่สี่…จัดสรรให้ผู้จองซื้อรายย่อยในประเทศ 220 ล้านหุ้น (7.85%)

เรื่องนี้เป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์ครึกโคม เพราะมีข่าวว่า มีแต่นักการเมืองและญาติมิตรเท่านั้น ที่ได้หุ้น ปตท.ไป คนละหลายแสนล้าน หรือหลายล้านหุ้น…ทั้งๆที่ หนังสือชี้ชวนเขี่ยน ชัดเจน ต้องไปเกิน 100,000 หุ้น ต่อไปจองซื้อ …ในตอนนั้นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ ปตท. ขี้แจงแก้ต่างว่า …ผู้ได้หุ้นมาจากหลายแห่งและ เป็นหุ้นอุปการคุณจากหลายโบรกเกอร์
ก.ล.ต. จึงตรวจสอบการกระจายหุ้น ซึ่งมี ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นแม่ข่ายคอมพิวเตอร์ ร่วมกับธนาคารอีก 4 แห่ง …ในที่สุดผลการตรวจสอบเมื่อ มกราคม 2545 ผลสอบปรากฏว่า การจัดสรรหุ้นครั้งนั้น "ผิดปกติ" เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้ระบบ WEB SERVER ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้อชี้ชวน

นำไปสู่ มติของ ก.ล.ต. ที่ลงโทษ ธนาคารไทยพาณิชย์ ด้วยการพักเป็นตัวแทนจำหน่ายหุ้นในประเทศ เป็นเวลา 6 เดือน
เรื่องจึงเหมือน เจ๊าๆกันไป …คนรวยหุ้น ปตท. ก็รวยไป..หลังจากนั้นก็โตเอาๆ…ร่ำรวยกันใหญ่โตทั้ง กลุ่มที่ได้มาโดยการจองได้จริง และ กลุ่มที่ได้มาจากการโกงขาวบ้านมา
เอกสารรายงานการตรวจสอบ…ชุดที่เผยแพร่ให้นักลงทุนทราบมี 21 หน้า และเอกสารบัญชีผู้ได้รับการจัดสรรหุ้น ปตท. ครั้งนี้อีกปึกใหญ่
ได้ข้อสรุปสุดท้ายว่า…"เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการรับจองหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ …ทำให้สิทธิผู้จองซื้อหุ้นที่ได้รับการจัดสรรไม่เท่าเทียม…"

เมื่ออ่านบรรทัดต่อมา…ที่ระบุว่า
…อย่างไรก็ดี รายงานการจองซื้อที่เข้าข่ายว่าผิดปกติดังกล่าว มีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับ รายงานทั้งหมด…ไม่มีผลกระทบกับภาพรวมการขายหุ้น ปตท. …ในครั้งนี้จนทำให้มีการเปิดรับจองหุ้นใหม่…
เอกสารบอกว่า รายการผิดปกติ ที่ " ดี ลอยท์ ทู้ช โธมัสสุ ชัยยศ " ตรวจสอบ มีจำนวน 859 รายงาน หรือคิดเป็น 7.73% ของจำนวนรายงานทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรร
การได้เอกสาร …มาศึกษาอีกครั้ง…ทำให้พบเงื่อนงำที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง…คือผู้บริหารของกิจการการตรวจสอบ กับ ผู้บริหารของกิจการที่ตรวจสอบ…มีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน ทั้งสองท่าน ต่างเป็นบุตร พระยาไชยยศสมบัติ (เสริมกฤษณามระ) …โดย ศ.เติมศักดิ์ กฤษณามระ นั้นเป็นพี่ชายคนโต …คุณหญิง ชฎา วัฒนศิริธรรม (กฤษณามระ) …เป็นน้องสาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่