บลจ.ยิ้มรับสัปดาห์แดงเดือด นักลงทุนทะลักซื้อกองหุ้น-LTF ธนชาตทาร์เก็ตฟันด์ หวัง 1 ปี 8%
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งไทยปรับตัวลดลงรวม 112.68 จุด แต่นักลงทุนในกองทุนรวมไม่ได้ตื่นตกใจและเทขายหน่วยลงทุน ในทางกลับกันมียอดซื้อกองทุนหุ้นและกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาจำนวนมาก
“ในตลาดหุ้นอาจจะมีนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ในกองทุนรวมจะเห็นว่า เป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาวมากกว่าการเก็งกำไร และแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีการวางแผนลงทุนเป็นอย่างดี”นายสมจินต์กล่าว
น.ส.สุจารี จันทร์สว่าง กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า สัปดาห์ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง มีคำสั่งซื้อกองทุนหุ้น และ LTF เข้ามากกว่าช่วงเวลาปกติถึง 3 เท่าตัว
“นักลงทุนเรียนรู้แล้วว่า การซื้อและถือไว้ในระยะยาวจะได้กำไร โดยเฉพาะการซื้อตอนที่หุ้นราคาถูกจะปลอดภัยมากกว่า”น.ส.สุจารีกล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า กองทุนหุ้น ช่วงที่ผ่านมามีทั้งยอดซื้อและขาย แต่โดยรวมแล้วเป็นยอดขายมากกว่า
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวเช่นกันว่า สัปดาห์ก่อนมีทั้งนักลงทุนที่ซื้อและขายกองทุนหุ้น แต่เมื่อหักลบกันแล้ว มียอดซื้อเข้ามามากกว่ายอดขาย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นเสมอในช่วงที่ตลาดหุ้นตกแรงๆ
อย่างไรก็ตาม นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า นักลงทุนในกองทุนรวมมีความรู้เข้าใจการลงทุนมากขึ้น และมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งพยายามจะจับจังหวะลงทุน ซึ่งบางครั้งนักลงทุนอาจจะตัดสินใจซื้อขายผิดเวลา และจะกลายเป็นแรงกดดันให้ผู้จัดการกองทุน เพราะต้องซื้อหรือขายหุ้นตามเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกของนักลงทุน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า ช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเป็นโอกาสของการลงทุนในตลาดหุ้น บลจ.ธนชาต จึงออกกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 9 เน้นลงทุนหุ้นในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายทำกำไร 8% ภายใน 1 ปีซึ่งจะเปิดขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 26-29 มี.ค.
“ปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังดี ยังมีกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนดีในระยะปานกลางถึงระยะยาวนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นยังถือเป็นทางเลือกที่ดีอยู่ ขณะที่กองทุนของธนาชาตเป็นการบริหารพอร์ตหุ้นแบบเชิงรุก ซึ่งจะได้เปรียบเพราะหากเลือกลงทุนถูกกลุ่ม ถูกตัว และจับจังหวะการลงทุนได้ถูกต้อง จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีตลาด”นายบุญชัยกล่าว
ข่าวจาก posttoday
http://bit.ly/11CwOCn
<ข่าว> นักลงทุนไม่สนดัชนีร่วงแห่ซื้อกองหุ้น-LTF
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งไทยปรับตัวลดลงรวม 112.68 จุด แต่นักลงทุนในกองทุนรวมไม่ได้ตื่นตกใจและเทขายหน่วยลงทุน ในทางกลับกันมียอดซื้อกองทุนหุ้นและกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาจำนวนมาก
“ในตลาดหุ้นอาจจะมีนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่ในกองทุนรวมจะเห็นว่า เป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาวมากกว่าการเก็งกำไร และแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนมีการวางแผนลงทุนเป็นอย่างดี”นายสมจินต์กล่าว
น.ส.สุจารี จันทร์สว่าง กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า สัปดาห์ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง มีคำสั่งซื้อกองทุนหุ้น และ LTF เข้ามากกว่าช่วงเวลาปกติถึง 3 เท่าตัว
“นักลงทุนเรียนรู้แล้วว่า การซื้อและถือไว้ในระยะยาวจะได้กำไร โดยเฉพาะการซื้อตอนที่หุ้นราคาถูกจะปลอดภัยมากกว่า”น.ส.สุจารีกล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า กองทุนหุ้น ช่วงที่ผ่านมามีทั้งยอดซื้อและขาย แต่โดยรวมแล้วเป็นยอดขายมากกว่า
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวเช่นกันว่า สัปดาห์ก่อนมีทั้งนักลงทุนที่ซื้อและขายกองทุนหุ้น แต่เมื่อหักลบกันแล้ว มียอดซื้อเข้ามามากกว่ายอดขาย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นเสมอในช่วงที่ตลาดหุ้นตกแรงๆ
อย่างไรก็ตาม นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า นักลงทุนในกองทุนรวมมีความรู้เข้าใจการลงทุนมากขึ้น และมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งพยายามจะจับจังหวะลงทุน ซึ่งบางครั้งนักลงทุนอาจจะตัดสินใจซื้อขายผิดเวลา และจะกลายเป็นแรงกดดันให้ผู้จัดการกองทุน เพราะต้องซื้อหรือขายหุ้นตามเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกของนักลงทุน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า ช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเป็นโอกาสของการลงทุนในตลาดหุ้น บลจ.ธนชาต จึงออกกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ 9 เน้นลงทุนหุ้นในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายทำกำไร 8% ภายใน 1 ปีซึ่งจะเปิดขายครั้งเดียวระหว่างวันที่ 26-29 มี.ค.
“ปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังดี ยังมีกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนดีในระยะปานกลางถึงระยะยาวนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นยังถือเป็นทางเลือกที่ดีอยู่ ขณะที่กองทุนของธนาชาตเป็นการบริหารพอร์ตหุ้นแบบเชิงรุก ซึ่งจะได้เปรียบเพราะหากเลือกลงทุนถูกกลุ่ม ถูกตัว และจับจังหวะการลงทุนได้ถูกต้อง จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีตลาด”นายบุญชัยกล่าว
ข่าวจาก posttoday
http://bit.ly/11CwOCn