เทวทูตที่รัก บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 9 สัมผัสทิพย์
http://ppantip.com/topic/30181929
บทที่ 10 จุมพิตเทวทูต
การพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสร้างความตระหนกให้น้ำทิพย์เป็นอย่างมาก แม้จะกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยแต่ความกลัวทำให้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวลงจากรถ ใช้เวลาราวสิบนาทีกับการปลอบขวัญผนวกพลังของราฟาเอลที่ช่วยกระตุ้นเรี่ยวแรงให้กลับคืนมา หญิงสาวจึงยอมเดินเข้าบ้านและนั่งรวบรวมสติอยู่ในห้องรับแขกอีกราวครึ่งชั่วโมงจึงขึ้นนอนโดยเทวดาหนุ่มตามไปดูด้วยความเป็นห่วง หลังจากรอจนแน่ใจว่าน้ำทิพย์หลับสนิทแล้วเขาจึงกลับลงมายังด้านล่างและยืนสังเกตการณ์อยู่ครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าไม่มีปิศาจตนใดอยู่ในบริเวณนั้นจึงกลับเข้าห้องเพื่อฟื้นฟูพลัง
เมื่อได้อยู่ตามลำพังราฟาเอลจึงหวนนึกถึงช่วงเข้าไปรับน้ำทิพย์ตอนร่วงลงจากบันได สัมผัสแรกที่แตะร่างของหญิงสาวเขารู้สึกถึงคลื่นบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของเธออย่างเบาบาง ถึงจะไม่แน่ชัดนักแต่ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นพลังในการรักษาเพราะทันทีที่มันกำซาบเข้าสู่กายของเขาความอ่อนเปลี้ยทั้งหลายก็หายไปอย่างสิ้นเชิง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัยขณะคลี่ปีกทั้งสองข้างออกโบกสะบัด แม้สภาพของมันจะยังไม่สมบูรณ์นักแต่กระดูกที่หักกลับเริ่มประสานตัว นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตกลงมาจากสวรรค์เพราะไม่ว่าจะทุ่มเทพลังในการรักษามากแค่ไหนก็ไม่อาจผสานบาดแผลบนปีกได้เลย แต่พอเขาได้รับพลังประหลาดของน้ำทิพย์อาการบาดเจ็บก็เริ่มทุเลาลงเช่นเดียวกับพลังที่ดูเหมือนจะคืนกลับมาแม้จะไม่เต็มร้อยนักแต่ก็มากพอที่จะทำลายปิศาจชั้นปลายแถวได้ไม่ยาก
รวมถึงการปัดเป่าอำนาจมืดออกจากจิตใจมนุษย์ที่ทำสัญญากับลูซิเฟอร์
ปีกของราฟาเอลโบกไปมาอย่างช้าๆขณะใช้ความคิด หากเขาใช้พลังจัดการกับเพื่อนของน้ำทิพย์ที่ชื่อกฤตชัย แม้ไม่ตายแต่ชายคนนั้นก็จะถูกทำลายความทรงจำทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ถึงกำราบความชั่วลงไปได้แต่ผลของมันก็เหมือนกับดาบสองคมเพราะทันทีที่พลังแห่งการกำจัดความมืดถูกปลดปล่อยออกไป มันจะเรียกเหล่าบรรดาเทวทูตบนสรวงสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์ในทันที หากมิคาเอลร่วมคณะลงมาและสัมผัสไอมืดแม้เพียงน้อยนิด เมืองอันเป็นที่รักของน้ำทิพย์ก็จะถูกทำลายในพริบตา
หากเป็นกาลก่อนราฟาเอลคงไม่สนใจการกวาดล้างเท่าใดนัก ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่คิดจะทักท้วงหรือห้ามปราม แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงแค่กังวลแต่ราฟาเอลยังคิดหาทางป้องกันมิให้ข่าวของลูซิเฟอร์ได้ยินไปถึงกองทัพชาวสวรรค์ หรือหากไม่อาจปิดเบื้องบนได้และทางนั้นยืนกรานที่จะชำระล้างแผ่นดินมนุษย์ เขาก็จะขัดขวางให้ถึงที่สุดแม้การกระทำนั้นจะต้องกลายเป็นเทวดาที่ยืนอยู่ข้างมนุษย์เพียงคนเดียวก็ตาม
เทวดาหนุ่มคิดวนเวียนถึงแต่การป้องกันและวิธีรับมือกับลูซิเฟอร์ตลอดทั้งคืน จนเสียงนกอันเป็นอันเป็นสัญญาณรุ่งอรุณของวันใหม่ร้องเซ็งแซ่เขาก็ยังไม่รู้ตัว กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาจึงสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อเปิดออกจึงพบน้ำทิพย์ในชุดนักศึกษากำลังยืนส่งยิ้มอยู่หน้าประตู
“อรุณสวัสดิ์” หญิงสาวทักด้วยสีหน้าแจ่มใส ราฟาเอลนิ่วหน้าน้อยๆด้วยความแปลกใจเพราะคิดว่าน้ำทิพย์น่าจะยังอยู่ในอาการขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา แต่จากที่เห็นหญิงสาวไม่มีอาการตระหนกหลงเหลืออยู่เลยสักนิด ตรงกันข้ามใบหน้าของเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายปัดเป่าความกังวลของเขาทั้งหมดให้มลายหายไป
“อรุณสวัสดิ์” เทวดาหนุ่มตอบพลางมองกระเป๋าสะพายใบใหญ่ “วันนี้มีเรียนหรือ”
“แค่ช่วงเช้าเท่านั้น เที่ยงๆก็กลับแล้ว” น้ำทิพย์ตอบพร้อมกับเดินนำเข้าไปในครัว “ฉันเตรียมสลัดไว้ให้ เวลาจะทานคุณก็ราดน้ำสีครีมในถ้วยนั่นลงไปบนผักคลุกให้เข้ากันแล้วทานได้เลย ส่วนน้ำส้มคั้นอยู่ในตู้เย็น”
หญิงสาวชี้ไปที่จานผักกับน้ำสลัดประกอบการพูด เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเธอจึงหยิบกุญแจรถเดินไปหน้าบ้าน แต่ก่อนจะออกจากประตูจู่ๆน้ำทิพย์ก็หยุดกึกและหันหน้ากลับมามองราฟาเอลพร้อมกับแบมือ
“อะไรเหรอ” เทวดาหนุ่มถามด้วยความงงงัน หญิงสาวเอียงคอน้อยๆอย่างน่ารัก
“เครื่องรางของขลังก่อนออกจากบ้าน”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นราฟาเอลจึงยืนนิ่ง เขาพอจะเข้าใจคำว่าเครื่องรางอยู่บ้างแต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าของขลัง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าของที่น้ำทิพย์พูดถึงคืออะไร เมื่อเห็นเทวดาหนุ่มทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ร้องขอน้ำทิพย์จึงส่ายหน้า
“วันนี้ฉันต้องไปเรียน ถ้าเจอช่อดอกไม้งูหรืออะไรทำนองนั้นขึ้นมาจะทำยังไง”
ราฟาเอลพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที มุมปากยกขึ้นเหมือนรอยยิ้มน้อยๆแต่ไม่หลุดคำพูดอะไรออกมา เขากุมมือหญิงสาวเอาไว้แต่แทนที่จะวางขนปีกให้เหมือนครั้งก่อนคราวนี้กลับดึงร่างของเธอเข้าหาตัว การกระทำที่แปลกไปจากทุกครั้งทำให้น้ำทิพย์เตรียมจะถามแต่ต้องอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายประทับจุมพิตลงบนหน้าผากอย่างนุ่มนวล หากเป็นคนอื่นการกระทำอันอุกอาจนี้จะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมแต่กับราฟาเอลเธอกลับยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังเต้นด้วยความเร็วยิ่งกว่าหัวสูบรถยนต์ สิ่งเดียวที่รับรู้ในตอนนั้นมีเพียงความอบอุ่นของเทวดาหนุ่มส่งผ่านเข้ามาในกายของเธอ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากพลังทิพย์ของทวยเทพหรือความอาย
“ท...ทำไมถึงทำแบบนี้” น้ำทิพย์หลุดคำถามออกมาอย่างยากเย็นหลังจากที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปาก ราฟาเอลยิ้มอย่างอ่อนโยน
“คุณขอเครื่องป้องกัน”
“ฉันขอขนนกต่างหาก” หญิงสาวแย้งไม่เต็มเสียง เทวดาหนุ่มจึงโบกมือปัดผ่านร่างกายของเธออย่างช้าๆ ประกายสีทองคล้ายไฟพะเนียงที่แตกกระจายรอบตัวทำให้น้ำทิพย์ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“วิธีนี้เป็นการส่งพลังโดยตรง มันจะช่วยป้องกันปิศาจร้ายและพลังมืดของลูซิเฟอร์ไม่ให้กล้ำกรายคุณ พลังนี้จะสถิตย์อยู่ในตัวของคุณอยู่ระยะหนึ่งแล้วค่อยๆหายไป”
“ระยะหนึ่งที่ว่านานแค่ไหน”
“ราวหนึ่งหรือสองวัน”
หญิงสาวแอบเบ้หน้าเพราะเธออยากได้ขนนกมาซุกไว้กับอกมากกว่าเพราะอย่างน้อยยังหยิบออกมาลูบคลำเล่นให้อุ่นใจ แต่พอคิดได้ว่าจุมพิตของเทวดาก็ไม่เลวนักและพลังที่ว่าดูจะกล้าแข็งกว่าขนปีกหลายเท่า หากเปลี่ยนจากหน้าผากเป็นที่อื่นคงจะดีกว่านี้มาก
ใบหน้าผ่องร้อนผ่าวขึ้นมาในบัดดล น้ำทิพย์รีบสะบัดหน้าเพื่อไล่ภาพร้อนฉ่าออกจากหัวพลางนึกภาวนาอย่าให้ราฟาเอลอ่านความคิดของเธอในตอนนี้ ดวงตาสีน้ำตาลสวยเหลือบมองเขาแวบหนึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไรหญิงสาวจึงถอนใจอย่างโล่งอก
“ฉันใช้มันสู้กับลูซิเฟอร์ได้หรือเปล่า” ถึงจะรู้คำตอบแต่ก็แกล้งถามเพื่อต้องการเบี่ยงความคิดไปเรื่องอื่น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะราฟาเอลสั่นศีรษะ
“พลังนี้ทำได้แค่ปกป้องคุณจากปิศาจทั่วไปเท่านั้น หากถูกทำร้ายมันจะช่วยผ่อนจากหนักให้เป็นเบา”
น้ำทิพย์ทำหน้าผิดหวังน้อยๆ
“ว้าได้แค่นั้นเองเหรอ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร” เธอโบกมือให้เทวดาหนุ่ม “งั้นฉันไปล่ะ”
หญิงสาวเดินขึ้นรถและขับออกไป การเดินทางในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น การจราจรบนท้องถนนลื่นไหลมากกว่าทุกวันแถมเธอยังได้ไฟเขียวตลอดทุกแยก เรื่องน่าทึ่งก็คือเธอเจอน้ำใจของผู้ใช้ถนนร่วมกันไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกของ รถโดยสารประจำทางหรือแม้แต่รถยนต์รับจ้าง กระทั่งรถจักรยานยนต์ซึ่งปรกติจะขับฉวัดเฉวียนปาดหน้า วันนี้กลับมีมารยาทในการขับขี่มากกว่าทุกครั้ง น้ำทิพย์จึงคิดเล่นๆว่าอาจจะเป็นเพราะอำนาจของเทวดาที่มอบให้ตอนก่อนออกจากบ้านดลบันดาลให้เป็นไป
เทวทูตที่รัก บทที่ 10 จุมพิตเทวทูต
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 9 สัมผัสทิพย์
http://ppantip.com/topic/30181929
บทที่ 10 จุมพิตเทวทูต
การพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสร้างความตระหนกให้น้ำทิพย์เป็นอย่างมาก แม้จะกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยแต่ความกลัวทำให้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวลงจากรถ ใช้เวลาราวสิบนาทีกับการปลอบขวัญผนวกพลังของราฟาเอลที่ช่วยกระตุ้นเรี่ยวแรงให้กลับคืนมา หญิงสาวจึงยอมเดินเข้าบ้านและนั่งรวบรวมสติอยู่ในห้องรับแขกอีกราวครึ่งชั่วโมงจึงขึ้นนอนโดยเทวดาหนุ่มตามไปดูด้วยความเป็นห่วง หลังจากรอจนแน่ใจว่าน้ำทิพย์หลับสนิทแล้วเขาจึงกลับลงมายังด้านล่างและยืนสังเกตการณ์อยู่ครู่ใหญ่จนแน่ใจว่าไม่มีปิศาจตนใดอยู่ในบริเวณนั้นจึงกลับเข้าห้องเพื่อฟื้นฟูพลัง
เมื่อได้อยู่ตามลำพังราฟาเอลจึงหวนนึกถึงช่วงเข้าไปรับน้ำทิพย์ตอนร่วงลงจากบันได สัมผัสแรกที่แตะร่างของหญิงสาวเขารู้สึกถึงคลื่นบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของเธออย่างเบาบาง ถึงจะไม่แน่ชัดนักแต่ก็พอจะรู้ว่ามันเป็นพลังในการรักษาเพราะทันทีที่มันกำซาบเข้าสู่กายของเขาความอ่อนเปลี้ยทั้งหลายก็หายไปอย่างสิ้นเชิง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัยขณะคลี่ปีกทั้งสองข้างออกโบกสะบัด แม้สภาพของมันจะยังไม่สมบูรณ์นักแต่กระดูกที่หักกลับเริ่มประสานตัว นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตกลงมาจากสวรรค์เพราะไม่ว่าจะทุ่มเทพลังในการรักษามากแค่ไหนก็ไม่อาจผสานบาดแผลบนปีกได้เลย แต่พอเขาได้รับพลังประหลาดของน้ำทิพย์อาการบาดเจ็บก็เริ่มทุเลาลงเช่นเดียวกับพลังที่ดูเหมือนจะคืนกลับมาแม้จะไม่เต็มร้อยนักแต่ก็มากพอที่จะทำลายปิศาจชั้นปลายแถวได้ไม่ยาก
รวมถึงการปัดเป่าอำนาจมืดออกจากจิตใจมนุษย์ที่ทำสัญญากับลูซิเฟอร์
ปีกของราฟาเอลโบกไปมาอย่างช้าๆขณะใช้ความคิด หากเขาใช้พลังจัดการกับเพื่อนของน้ำทิพย์ที่ชื่อกฤตชัย แม้ไม่ตายแต่ชายคนนั้นก็จะถูกทำลายความทรงจำทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ถึงกำราบความชั่วลงไปได้แต่ผลของมันก็เหมือนกับดาบสองคมเพราะทันทีที่พลังแห่งการกำจัดความมืดถูกปลดปล่อยออกไป มันจะเรียกเหล่าบรรดาเทวทูตบนสรวงสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์ในทันที หากมิคาเอลร่วมคณะลงมาและสัมผัสไอมืดแม้เพียงน้อยนิด เมืองอันเป็นที่รักของน้ำทิพย์ก็จะถูกทำลายในพริบตา
หากเป็นกาลก่อนราฟาเอลคงไม่สนใจการกวาดล้างเท่าใดนัก ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่คิดจะทักท้วงหรือห้ามปราม แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงแค่กังวลแต่ราฟาเอลยังคิดหาทางป้องกันมิให้ข่าวของลูซิเฟอร์ได้ยินไปถึงกองทัพชาวสวรรค์ หรือหากไม่อาจปิดเบื้องบนได้และทางนั้นยืนกรานที่จะชำระล้างแผ่นดินมนุษย์ เขาก็จะขัดขวางให้ถึงที่สุดแม้การกระทำนั้นจะต้องกลายเป็นเทวดาที่ยืนอยู่ข้างมนุษย์เพียงคนเดียวก็ตาม
เทวดาหนุ่มคิดวนเวียนถึงแต่การป้องกันและวิธีรับมือกับลูซิเฟอร์ตลอดทั้งคืน จนเสียงนกอันเป็นอันเป็นสัญญาณรุ่งอรุณของวันใหม่ร้องเซ็งแซ่เขาก็ยังไม่รู้ตัว กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาจึงสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อเปิดออกจึงพบน้ำทิพย์ในชุดนักศึกษากำลังยืนส่งยิ้มอยู่หน้าประตู
“อรุณสวัสดิ์” หญิงสาวทักด้วยสีหน้าแจ่มใส ราฟาเอลนิ่วหน้าน้อยๆด้วยความแปลกใจเพราะคิดว่าน้ำทิพย์น่าจะยังอยู่ในอาการขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา แต่จากที่เห็นหญิงสาวไม่มีอาการตระหนกหลงเหลืออยู่เลยสักนิด ตรงกันข้ามใบหน้าของเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายปัดเป่าความกังวลของเขาทั้งหมดให้มลายหายไป
“อรุณสวัสดิ์” เทวดาหนุ่มตอบพลางมองกระเป๋าสะพายใบใหญ่ “วันนี้มีเรียนหรือ”
“แค่ช่วงเช้าเท่านั้น เที่ยงๆก็กลับแล้ว” น้ำทิพย์ตอบพร้อมกับเดินนำเข้าไปในครัว “ฉันเตรียมสลัดไว้ให้ เวลาจะทานคุณก็ราดน้ำสีครีมในถ้วยนั่นลงไปบนผักคลุกให้เข้ากันแล้วทานได้เลย ส่วนน้ำส้มคั้นอยู่ในตู้เย็น”
หญิงสาวชี้ไปที่จานผักกับน้ำสลัดประกอบการพูด เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเธอจึงหยิบกุญแจรถเดินไปหน้าบ้าน แต่ก่อนจะออกจากประตูจู่ๆน้ำทิพย์ก็หยุดกึกและหันหน้ากลับมามองราฟาเอลพร้อมกับแบมือ
“อะไรเหรอ” เทวดาหนุ่มถามด้วยความงงงัน หญิงสาวเอียงคอน้อยๆอย่างน่ารัก
“เครื่องรางของขลังก่อนออกจากบ้าน”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นราฟาเอลจึงยืนนิ่ง เขาพอจะเข้าใจคำว่าเครื่องรางอยู่บ้างแต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าของขลัง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าของที่น้ำทิพย์พูดถึงคืออะไร เมื่อเห็นเทวดาหนุ่มทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ร้องขอน้ำทิพย์จึงส่ายหน้า
“วันนี้ฉันต้องไปเรียน ถ้าเจอช่อดอกไม้งูหรืออะไรทำนองนั้นขึ้นมาจะทำยังไง”
ราฟาเอลพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที มุมปากยกขึ้นเหมือนรอยยิ้มน้อยๆแต่ไม่หลุดคำพูดอะไรออกมา เขากุมมือหญิงสาวเอาไว้แต่แทนที่จะวางขนปีกให้เหมือนครั้งก่อนคราวนี้กลับดึงร่างของเธอเข้าหาตัว การกระทำที่แปลกไปจากทุกครั้งทำให้น้ำทิพย์เตรียมจะถามแต่ต้องอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายประทับจุมพิตลงบนหน้าผากอย่างนุ่มนวล หากเป็นคนอื่นการกระทำอันอุกอาจนี้จะได้รับการตอบแทนอย่างสาสมแต่กับราฟาเอลเธอกลับยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังเต้นด้วยความเร็วยิ่งกว่าหัวสูบรถยนต์ สิ่งเดียวที่รับรู้ในตอนนั้นมีเพียงความอบอุ่นของเทวดาหนุ่มส่งผ่านเข้ามาในกายของเธอ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากพลังทิพย์ของทวยเทพหรือความอาย
“ท...ทำไมถึงทำแบบนี้” น้ำทิพย์หลุดคำถามออกมาอย่างยากเย็นหลังจากที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปาก ราฟาเอลยิ้มอย่างอ่อนโยน
“คุณขอเครื่องป้องกัน”
“ฉันขอขนนกต่างหาก” หญิงสาวแย้งไม่เต็มเสียง เทวดาหนุ่มจึงโบกมือปัดผ่านร่างกายของเธออย่างช้าๆ ประกายสีทองคล้ายไฟพะเนียงที่แตกกระจายรอบตัวทำให้น้ำทิพย์ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“วิธีนี้เป็นการส่งพลังโดยตรง มันจะช่วยป้องกันปิศาจร้ายและพลังมืดของลูซิเฟอร์ไม่ให้กล้ำกรายคุณ พลังนี้จะสถิตย์อยู่ในตัวของคุณอยู่ระยะหนึ่งแล้วค่อยๆหายไป”
“ระยะหนึ่งที่ว่านานแค่ไหน”
“ราวหนึ่งหรือสองวัน”
หญิงสาวแอบเบ้หน้าเพราะเธออยากได้ขนนกมาซุกไว้กับอกมากกว่าเพราะอย่างน้อยยังหยิบออกมาลูบคลำเล่นให้อุ่นใจ แต่พอคิดได้ว่าจุมพิตของเทวดาก็ไม่เลวนักและพลังที่ว่าดูจะกล้าแข็งกว่าขนปีกหลายเท่า หากเปลี่ยนจากหน้าผากเป็นที่อื่นคงจะดีกว่านี้มาก
ใบหน้าผ่องร้อนผ่าวขึ้นมาในบัดดล น้ำทิพย์รีบสะบัดหน้าเพื่อไล่ภาพร้อนฉ่าออกจากหัวพลางนึกภาวนาอย่าให้ราฟาเอลอ่านความคิดของเธอในตอนนี้ ดวงตาสีน้ำตาลสวยเหลือบมองเขาแวบหนึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไรหญิงสาวจึงถอนใจอย่างโล่งอก
“ฉันใช้มันสู้กับลูซิเฟอร์ได้หรือเปล่า” ถึงจะรู้คำตอบแต่ก็แกล้งถามเพื่อต้องการเบี่ยงความคิดไปเรื่องอื่น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะราฟาเอลสั่นศีรษะ
“พลังนี้ทำได้แค่ปกป้องคุณจากปิศาจทั่วไปเท่านั้น หากถูกทำร้ายมันจะช่วยผ่อนจากหนักให้เป็นเบา”
น้ำทิพย์ทำหน้าผิดหวังน้อยๆ
“ว้าได้แค่นั้นเองเหรอ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร” เธอโบกมือให้เทวดาหนุ่ม “งั้นฉันไปล่ะ”
หญิงสาวเดินขึ้นรถและขับออกไป การเดินทางในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น การจราจรบนท้องถนนลื่นไหลมากกว่าทุกวันแถมเธอยังได้ไฟเขียวตลอดทุกแยก เรื่องน่าทึ่งก็คือเธอเจอน้ำใจของผู้ใช้ถนนร่วมกันไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกของ รถโดยสารประจำทางหรือแม้แต่รถยนต์รับจ้าง กระทั่งรถจักรยานยนต์ซึ่งปรกติจะขับฉวัดเฉวียนปาดหน้า วันนี้กลับมีมารยาทในการขับขี่มากกว่าทุกครั้ง น้ำทิพย์จึงคิดเล่นๆว่าอาจจะเป็นเพราะอำนาจของเทวดาที่มอบให้ตอนก่อนออกจากบ้านดลบันดาลให้เป็นไป