เทวทูตที่รัก บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 16 เสียงเยาะเย้ยจากจอมปิศาจ
http://ppantip.com/topic/30712256
บทที่ 17 ทัณฑ์ซาตาน
หลังจากแยกกับจิรายุสแล้วน้ำทิพย์จึงมุ่งหน้ากลับบ้าน ตลอดเส้นทางเธอถูกปิศาจดักเล่นงานหลายครั้ง ทั้งการจำแลงกายเป็นตำรวจทางหลวง ชาวบ้านเดินถนนหรือแม้แต่สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ พวกมันไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด แม้พรรคพวกจะถูกราฟาเอลทำลายต่อหน้าต่อตา
การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล กระทั่งครั้งสุดท้ายหญิงสาวแทบสติแตกเมื่อยามเฝ้าหมู่บ้านแปลงร่างเป็นอสุรกายตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว เธอแทบจะถอยรถออกจากหมู่บ้านแล้วขับหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกแต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อได้ฟังคำเตือนของราฟาเอล
“คุณหนีเขาไม่พ้นหรอก”
นั่นเองที่ทำให้น้ำทิพย์ได้คิด ตอนนี้ทั้งเธอและเขาตกเป็นเป้าหมายสำคัญของลูซิเฟอร์ ต่อให้หนีไปจนสุดหล้า จอมปิศาจก็หาเจออยู่ดี สู้ตั้งหลักคอยรับมืออยู่ในบ้านยังจะเข้าท่ากว่า
เมื่อถึงบ้านน้ำทิพย์รีบคว้ากระเป๋าลงจากรถ ช่วงไขกุญแจเปิดประตูอะไรเธอต้องสะดุ้งสุดตัวและอุทานด้วยความตระหนกเมื่ออะไรบางอย่างก็พุ่งออกมาจากกอกุหลาบพันขาเธอเอาไว้ ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าอาจจะเป็นเชือกพลาสติกหรือเศษขยะ แต่ยังไม่ได้ก้มลงมองเธอก็ต้องร้องลั่นเมื่อถูกมือเย็นเฉียบคว้าเอวเอาไว้และลากออกห่างจากบ้านอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวถูกลากไปจนถึงกลางสนามจึงรู้ว่าเจ้าของมือปริศนาเป็นปิศาจอัปลักษณ์ ไม่ใช่แค่ตัวเดียว ยังมีอีกสองตัวกำลังกระพือปีกอยู่บนหลังคาบ้านและโฉบร่อนลงมาหมายรุมทึ้งร่างเธอ น้ำทิพย์ทั้งเตะถีบปัดป้องเป็นพัลวันพร้อมกับกรีดร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว
“ราฟาเอล !”
แสงสีทองพุ่งวาบเผาตัวอยู่ใกล้ที่สุดจนใหม้เป็นผง พวกที่เหลือจึงเผ่นหนีขึ้นไปบนฟ้าและจ้องเทวดาหนุ่มที่กำลังประคองน้ำทิพย์ด้วยดวงตาวาววับ ปิศาจทั้งสองเตรียมถลาร่อนลงมาโจมตีอีกครั้งแต่ยังไม่ทันได้ขยับก็ถูกพลังของราฟาเอลทำลายไปเสียก่อน
เมื่อจัดการสมุนของจอมปิศาจและตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีตัวอื่นในบริเวณนั้น เทวดาหนุ่มจึงพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้นพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
น้ำทิพย์สั่นศีรษะ ทั้งที่อยากตอบแต่ความหวาดกลัวทำให้พูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหญิงสาวตกใจจนตัวสั่นราฟาเอลจึงประคองเธอเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ในบ้าน พอสร้างม่านพลังป้องกันและตรวจตราจนแน่ใจว่าไม่มีปิศาจตนใดอยู่ในบริเวณนั้นแล้วเขาจึงเดินไปหาหญิงสาวที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้
“ไม่ต้องกลัว คุณปลอดภัยแล้ว” เขากล่าวเสียงนุ่มพลางโอบหญิงสาวเอาไว้หลวมๆ น้ำทิพย์สั่นศีรษะ
“จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ก็เมื่อกี้” เสียงขาดหายไปในลำคอ หญิงสาวหลับตาลงเหมือนอยากจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ราฟาเอลจึงรั้งตัวเธอมากอดไว้แนบอก
“ผมสร้างม่านป้องกันเอาไว้แล้ว พวกปิศาจจะเข้ามาทำร้ายคุณอีกไม่ได้”
“แล้วลูซิเฟอร์ล่ะ” น้ำทิพย์ถามและเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่ยอมตอบ “คุณกันเขาไม่ได้ใช่ไหม”
“ถึงจะบุกเข้ามาได้ ผมก็ไม่มีวันยอมให้เขาทำร้ายคุณ”
“แน่ใจเหรอ” หญิงสาวพูดและก้มหน้าลงเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาในความหมายประมาณ ‘ทำไมถึงถามแบบนั้น’
“ขอโทษ” เธอพูดเสียงแผ่ว “แต่พลังของคุณในตอนนี้สู้เขาไม่ได้หรอก”
ราฟาเอลนั่งนิ่งเพราะทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่น้ำทิพย์พูด ถึงเขายังคงมีพลังอยู่บ้างแต่ก็อ่อนแอเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับลูซิเฟอร์ อย่างไรก็ตาม เขาจะใช้พลังที่มีเหลืออยู่ทั้งหมดปกป้องหญิงที่เขารัก แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“สู้ไม่ได้ แต่ปกป้องได้” เทวดาหนุ่มพูดพร้อมกับเชยคางหญิงสาวขึ้น “คุณจะต้องปลอดัย”
เขากล่าวอย่างหนักแน่น แม้ไม่พูดแต่ดวงตาที่แสดงความในใจอย่างเด่นชัดทำให้น้ำทิพย์ใจเต้นและเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเขาทำจริงตามที่ลั่นวาจาออกมา
“สัญญานะ” เธอถามย้ำ ราฟาเอลไม่ตอบทันที เขาโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตพวงแก้มปลั่งก่อนกระซิบเบาๆ
“ผมให้สัญญา”
น้ำทิพย์เบิกตาโพลงนั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ความร้อนแผ่ซ่านจากใบหูกระจายทั่วใบหน้าและวิ่งพล่านไปทั้งกาย ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่เสียงคำมั่นสะท้อนก้องกลับไปกลับมา มันแทบจะทำให้เธอลืมเหตุการณ์ร้ายทั้งหมด ถ้าไม่มีเสียงหวีดแหลมเล็กดังแทรกอากาศขึ้นมาเสียก่อน เสียงนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอเบียดเข้าไปหาราฟาเอลและเหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่ก
“เสียงอะไรน่ะ”
“ค้างคาว” เทวดาหนุ่มตอบสั้นๆพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นเจ้าของเสียงคือค้างคาวขนาดเท่าตัวคนกำลังบินวนอยู่นอกรั้ว
“เสียงค้างคาวดังขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำทิพยถามพลางจ้องออกไปด้านนอกด้วยความหวาดหวั่น ราฟาเอลอมยิ้มน้อยๆ
“ถ้าตัวโตหน่อยก็เป็นไปได้”
คำพูดเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กทำให้หญิงสาวหันกลับมามองอย่างนึกฉุน เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเสไปพูดเรื่องอื่น
“ดึกมากแล้ว แถมวันนี้คุณขับรถมาตั้งไกล น่าจะไปนอนพัก”
น้ำทิพย์นิ่วหน้า
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตกลงแล้วมันเป็นเสียงอะไรกันแน่”
“ค้างคาว” เทวดาหนุ่มตอบคำเดิม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ
“ค้างคาวตัวเล็กนิดเดียว เสียงมันไม่ดังถึงขนาดนั้นหรอก”
ข้อโต้แย้งทำให้ราฟาเอลต้องนั่งนึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยเรียนรู้จากสารคดีตอนอยู่ตามลำพัง และยิ้มในหน้าเมื่อนึกถึงสัตว์ชนิดเดียวกันแต่เป็นคนละสายพันธุ์ขึ้นมาได้
“ค้างคาวแม่ไก่ไง”
ได้ผลเพราะคำตอบนี้ทำให้หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย เธอมองหน้าเหมือนต้องการจับพิรุธก่อนจะถามย้ำ
“คุณไม่ได้หลอกฉันนะ”
“ผมจะหลอกคุณไปทำไม” เทวดาหนุ่มพูดและยิ้มเมื่อเห็นเธอเริ่มหาว
“คุณควรนอนได้แล้ว”
“แต่ฉันยังไม่ง่วง”
น้ำทิพย์เถียงอย่างดื้อรั้นและเผลอตัวหาวออกมาอีกครั้ง เธอรีบปิดปากตัวเองพร้อมกับยิ้มแก้เก้อ ราฟาเอลส่ายหน้าอย่างนึกขำระคนเอ็นดูก่อนดึงเธอให้ลุกขึ้น
“ขึ้นไปนอนซะ”
เขาพูดเหมือนดุกลายๆพลางรุนหลังเธอไปที่บันได น้ำทิพย์ทำท่าอิดออด
“นั่งเล่นอีกเดี๋ยวไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้” เทวดาหนุ่มพูดเสียงเข้ม เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ยอมทำตามเขาจึงใช้ไม้สุดท้าย “หรือจะให้ผมอุ้มคุณขึ้นไป”
คำขู่ของราฟาเอลทำเอาน้ำทิพย์ต้องยืนอึ้ง เมื่ออ้อนวอนไม่ได้ผลเธอจึงจำต้องเดินคอตกขึ้นบันได เมื่อก้าวเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือตรวจหน้าต่างทุกบานว่าปิดเรียบร้อยแน่นหนาดีหรือไม่ จากนั้นจึงดึงม่านลงและกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงบนเตียง
หลังจากนอนกระสับกระส่ายอยู่ครู่ใหญ่น้ำทิพย์ก็ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม เธอกวาดตามองรอบห้องอย่างหวาดระแวงพลางเงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอก เมื่อพบว่าทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดปราศจากสรรพเสียงสยองใดแล้วเธอจึงถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและนอนมองหลอดไฟบนเพดานอีกสักพักจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดสดชื่นจากนั้นจึงกลับมานอนต่อ
เมื่อจิตใจสงบลงน้ำทิพย์จึงเริ่มใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนที่ราฟาเอลต้องคำพิพากษาของมิคาเอลกระทั่งถึงตอนนี้ ถึงจะดีใจที่เห็นเทวดาหนุ่มพยายามปกป้องคุ้มครองเธอตลอดเวลา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกฉงนในตัวเขา เพราะจากคำพูดทั้งของมิคาเอลกับลูซิเฟอร์ โทษของการถูกขับออกจากสวรรค์จนกลายเป็นเทวดาไร้ปีกจะทำให้ราฟาเอลมีสภาพไม่ต่างไปจากมนุษย์ แต่เท่าที่เห็นตั้งแต่ออกจากคอนโดของกฤตชัยเขาใช้พลังกำราบพวกปิศาจหลายหน หากคิดเป็นปริมาณก็นับเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย แสดงว่าราฟาเอลยังไม่สิ้นความเป็นเทวทูตไปอย่างสมบูรณ์
ปัญหาคือเขาจะยังคงพลังเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างครุ่นคิด บางทีลูซิเฟอร์อาจจะรู้ในเรื่องนี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงส่งลูกสมุนมาทำร้ายราฟาเอลแทนที่จะลงมือจัดการเองให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ขณะใช้ความคิดอย่างหนักน้ำทิพย์ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงแหลมเล็กที่ได้ยินในตอนแรกดังขึ้นมาอีกครั้ง มันไม่ใช่เสียงของค้างคาวอย่างที่ราฟาเอลบอกเพราะไม่มีสัตว์ชนิดไหนสามารถสร้างเสียงที่เหมือนโลหะเสียดสีกันได้อย่างนี้
ไม่ใช่แค่เสียง เมื่อหญิงสาวมองไปทางหน้าต่างต้องใจหายวาบเพราะผ้าม่านทุกผืนกำลังไหวพะเยิบพะยาบเหมือนโดนลม แต่จะเป็นไปได้ยังไง เพราะเธอตรวจแล้วตรวจอีกจนแน่ใจว่าหน้าต่างปิดสนิทแน่นหนาทุกบาน
น้ำทิพย์คว้าผ้าห่มมาพันรอบตัว หัวใจเต้นระรัวอย่างหวาดหวั่น ถึงรอบบ้านจะมีพลังของราฟาเอลป้องกัน แต่ถ้าเจ้าของเสียงคือลูซิเฟอร์มันคงไม่มีประโยชน์อะไร
ทันทีที่นึกถึงชื่อจอมปิศาจ แสงไฟสีแดงก่ำสองดวงก็ปะทุวาบขึ้นอีกด้านหนึ่งของม่าน หญิงสาวเย็นวาบไปทั้งตัวเพราะดูแล้วมันเหมือนดวงตาของผีร้าย หนำซ้ำเสียงร้องบาดหูยิ่งเพิ่มความดังมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้น้ำทิพย์หวาดกลัวจนแทบเสียสติ เมื่อกระจกหน้าต่างเกิดอาการสั่นดังกราวเหมือนโดนกรงเล็บตะกุย หญิงสาวก็กระโจนลงจากเตียงเผ่นลงไปยังชั้นล่างทันที
เทวทูตที่รัก บทที่ 17 ทัณฑ์ซาตาน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=21-09-2012&group=24&gblog=1
บทที่ 16 เสียงเยาะเย้ยจากจอมปิศาจ
http://ppantip.com/topic/30712256
บทที่ 17 ทัณฑ์ซาตาน
หลังจากแยกกับจิรายุสแล้วน้ำทิพย์จึงมุ่งหน้ากลับบ้าน ตลอดเส้นทางเธอถูกปิศาจดักเล่นงานหลายครั้ง ทั้งการจำแลงกายเป็นตำรวจทางหลวง ชาวบ้านเดินถนนหรือแม้แต่สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ พวกมันไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด แม้พรรคพวกจะถูกราฟาเอลทำลายต่อหน้าต่อตา
การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล กระทั่งครั้งสุดท้ายหญิงสาวแทบสติแตกเมื่อยามเฝ้าหมู่บ้านแปลงร่างเป็นอสุรกายตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว เธอแทบจะถอยรถออกจากหมู่บ้านแล้วขับหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกแต่ต้องเปลี่ยนใจเมื่อได้ฟังคำเตือนของราฟาเอล
“คุณหนีเขาไม่พ้นหรอก”
นั่นเองที่ทำให้น้ำทิพย์ได้คิด ตอนนี้ทั้งเธอและเขาตกเป็นเป้าหมายสำคัญของลูซิเฟอร์ ต่อให้หนีไปจนสุดหล้า จอมปิศาจก็หาเจออยู่ดี สู้ตั้งหลักคอยรับมืออยู่ในบ้านยังจะเข้าท่ากว่า
เมื่อถึงบ้านน้ำทิพย์รีบคว้ากระเป๋าลงจากรถ ช่วงไขกุญแจเปิดประตูอะไรเธอต้องสะดุ้งสุดตัวและอุทานด้วยความตระหนกเมื่ออะไรบางอย่างก็พุ่งออกมาจากกอกุหลาบพันขาเธอเอาไว้ ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าอาจจะเป็นเชือกพลาสติกหรือเศษขยะ แต่ยังไม่ได้ก้มลงมองเธอก็ต้องร้องลั่นเมื่อถูกมือเย็นเฉียบคว้าเอวเอาไว้และลากออกห่างจากบ้านอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวถูกลากไปจนถึงกลางสนามจึงรู้ว่าเจ้าของมือปริศนาเป็นปิศาจอัปลักษณ์ ไม่ใช่แค่ตัวเดียว ยังมีอีกสองตัวกำลังกระพือปีกอยู่บนหลังคาบ้านและโฉบร่อนลงมาหมายรุมทึ้งร่างเธอ น้ำทิพย์ทั้งเตะถีบปัดป้องเป็นพัลวันพร้อมกับกรีดร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว
“ราฟาเอล !”
แสงสีทองพุ่งวาบเผาตัวอยู่ใกล้ที่สุดจนใหม้เป็นผง พวกที่เหลือจึงเผ่นหนีขึ้นไปบนฟ้าและจ้องเทวดาหนุ่มที่กำลังประคองน้ำทิพย์ด้วยดวงตาวาววับ ปิศาจทั้งสองเตรียมถลาร่อนลงมาโจมตีอีกครั้งแต่ยังไม่ทันได้ขยับก็ถูกพลังของราฟาเอลทำลายไปเสียก่อน
เมื่อจัดการสมุนของจอมปิศาจและตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีตัวอื่นในบริเวณนั้น เทวดาหนุ่มจึงพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้นพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
น้ำทิพย์สั่นศีรษะ ทั้งที่อยากตอบแต่ความหวาดกลัวทำให้พูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหญิงสาวตกใจจนตัวสั่นราฟาเอลจึงประคองเธอเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ในบ้าน พอสร้างม่านพลังป้องกันและตรวจตราจนแน่ใจว่าไม่มีปิศาจตนใดอยู่ในบริเวณนั้นแล้วเขาจึงเดินไปหาหญิงสาวที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้
“ไม่ต้องกลัว คุณปลอดภัยแล้ว” เขากล่าวเสียงนุ่มพลางโอบหญิงสาวเอาไว้หลวมๆ น้ำทิพย์สั่นศีรษะ
“จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ก็เมื่อกี้” เสียงขาดหายไปในลำคอ หญิงสาวหลับตาลงเหมือนอยากจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ราฟาเอลจึงรั้งตัวเธอมากอดไว้แนบอก
“ผมสร้างม่านป้องกันเอาไว้แล้ว พวกปิศาจจะเข้ามาทำร้ายคุณอีกไม่ได้”
“แล้วลูซิเฟอร์ล่ะ” น้ำทิพย์ถามและเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายนั่งนิ่งไม่ยอมตอบ “คุณกันเขาไม่ได้ใช่ไหม”
“ถึงจะบุกเข้ามาได้ ผมก็ไม่มีวันยอมให้เขาทำร้ายคุณ”
“แน่ใจเหรอ” หญิงสาวพูดและก้มหน้าลงเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาในความหมายประมาณ ‘ทำไมถึงถามแบบนั้น’
“ขอโทษ” เธอพูดเสียงแผ่ว “แต่พลังของคุณในตอนนี้สู้เขาไม่ได้หรอก”
ราฟาเอลนั่งนิ่งเพราะทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่น้ำทิพย์พูด ถึงเขายังคงมีพลังอยู่บ้างแต่ก็อ่อนแอเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับลูซิเฟอร์ อย่างไรก็ตาม เขาจะใช้พลังที่มีเหลืออยู่ทั้งหมดปกป้องหญิงที่เขารัก แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“สู้ไม่ได้ แต่ปกป้องได้” เทวดาหนุ่มพูดพร้อมกับเชยคางหญิงสาวขึ้น “คุณจะต้องปลอดัย”
เขากล่าวอย่างหนักแน่น แม้ไม่พูดแต่ดวงตาที่แสดงความในใจอย่างเด่นชัดทำให้น้ำทิพย์ใจเต้นและเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเขาทำจริงตามที่ลั่นวาจาออกมา
“สัญญานะ” เธอถามย้ำ ราฟาเอลไม่ตอบทันที เขาโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตพวงแก้มปลั่งก่อนกระซิบเบาๆ
“ผมให้สัญญา”
น้ำทิพย์เบิกตาโพลงนั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ความร้อนแผ่ซ่านจากใบหูกระจายทั่วใบหน้าและวิ่งพล่านไปทั้งกาย ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่เสียงคำมั่นสะท้อนก้องกลับไปกลับมา มันแทบจะทำให้เธอลืมเหตุการณ์ร้ายทั้งหมด ถ้าไม่มีเสียงหวีดแหลมเล็กดังแทรกอากาศขึ้นมาเสียก่อน เสียงนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอเบียดเข้าไปหาราฟาเอลและเหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่ก
“เสียงอะไรน่ะ”
“ค้างคาว” เทวดาหนุ่มตอบสั้นๆพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นเจ้าของเสียงคือค้างคาวขนาดเท่าตัวคนกำลังบินวนอยู่นอกรั้ว
“เสียงค้างคาวดังขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำทิพยถามพลางจ้องออกไปด้านนอกด้วยความหวาดหวั่น ราฟาเอลอมยิ้มน้อยๆ
“ถ้าตัวโตหน่อยก็เป็นไปได้”
คำพูดเหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กทำให้หญิงสาวหันกลับมามองอย่างนึกฉุน เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเสไปพูดเรื่องอื่น
“ดึกมากแล้ว แถมวันนี้คุณขับรถมาตั้งไกล น่าจะไปนอนพัก”
น้ำทิพย์นิ่วหน้า
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตกลงแล้วมันเป็นเสียงอะไรกันแน่”
“ค้างคาว” เทวดาหนุ่มตอบคำเดิม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ
“ค้างคาวตัวเล็กนิดเดียว เสียงมันไม่ดังถึงขนาดนั้นหรอก”
ข้อโต้แย้งทำให้ราฟาเอลต้องนั่งนึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยเรียนรู้จากสารคดีตอนอยู่ตามลำพัง และยิ้มในหน้าเมื่อนึกถึงสัตว์ชนิดเดียวกันแต่เป็นคนละสายพันธุ์ขึ้นมาได้
“ค้างคาวแม่ไก่ไง”
ได้ผลเพราะคำตอบนี้ทำให้หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย เธอมองหน้าเหมือนต้องการจับพิรุธก่อนจะถามย้ำ
“คุณไม่ได้หลอกฉันนะ”
“ผมจะหลอกคุณไปทำไม” เทวดาหนุ่มพูดและยิ้มเมื่อเห็นเธอเริ่มหาว
“คุณควรนอนได้แล้ว”
“แต่ฉันยังไม่ง่วง”
น้ำทิพย์เถียงอย่างดื้อรั้นและเผลอตัวหาวออกมาอีกครั้ง เธอรีบปิดปากตัวเองพร้อมกับยิ้มแก้เก้อ ราฟาเอลส่ายหน้าอย่างนึกขำระคนเอ็นดูก่อนดึงเธอให้ลุกขึ้น
“ขึ้นไปนอนซะ”
เขาพูดเหมือนดุกลายๆพลางรุนหลังเธอไปที่บันได น้ำทิพย์ทำท่าอิดออด
“นั่งเล่นอีกเดี๋ยวไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้” เทวดาหนุ่มพูดเสียงเข้ม เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ยอมทำตามเขาจึงใช้ไม้สุดท้าย “หรือจะให้ผมอุ้มคุณขึ้นไป”
คำขู่ของราฟาเอลทำเอาน้ำทิพย์ต้องยืนอึ้ง เมื่ออ้อนวอนไม่ได้ผลเธอจึงจำต้องเดินคอตกขึ้นบันได เมื่อก้าวเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือตรวจหน้าต่างทุกบานว่าปิดเรียบร้อยแน่นหนาดีหรือไม่ จากนั้นจึงดึงม่านลงและกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงบนเตียง
หลังจากนอนกระสับกระส่ายอยู่ครู่ใหญ่น้ำทิพย์ก็ค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม เธอกวาดตามองรอบห้องอย่างหวาดระแวงพลางเงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอก เมื่อพบว่าทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดปราศจากสรรพเสียงสยองใดแล้วเธอจึงถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและนอนมองหลอดไฟบนเพดานอีกสักพักจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดสดชื่นจากนั้นจึงกลับมานอนต่อ
เมื่อจิตใจสงบลงน้ำทิพย์จึงเริ่มใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนที่ราฟาเอลต้องคำพิพากษาของมิคาเอลกระทั่งถึงตอนนี้ ถึงจะดีใจที่เห็นเทวดาหนุ่มพยายามปกป้องคุ้มครองเธอตลอดเวลา แต่หญิงสาวกลับรู้สึกฉงนในตัวเขา เพราะจากคำพูดทั้งของมิคาเอลกับลูซิเฟอร์ โทษของการถูกขับออกจากสวรรค์จนกลายเป็นเทวดาไร้ปีกจะทำให้ราฟาเอลมีสภาพไม่ต่างไปจากมนุษย์ แต่เท่าที่เห็นตั้งแต่ออกจากคอนโดของกฤตชัยเขาใช้พลังกำราบพวกปิศาจหลายหน หากคิดเป็นปริมาณก็นับเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย แสดงว่าราฟาเอลยังไม่สิ้นความเป็นเทวทูตไปอย่างสมบูรณ์
ปัญหาคือเขาจะยังคงพลังเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างครุ่นคิด บางทีลูซิเฟอร์อาจจะรู้ในเรื่องนี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงส่งลูกสมุนมาทำร้ายราฟาเอลแทนที่จะลงมือจัดการเองให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ขณะใช้ความคิดอย่างหนักน้ำทิพย์ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงแหลมเล็กที่ได้ยินในตอนแรกดังขึ้นมาอีกครั้ง มันไม่ใช่เสียงของค้างคาวอย่างที่ราฟาเอลบอกเพราะไม่มีสัตว์ชนิดไหนสามารถสร้างเสียงที่เหมือนโลหะเสียดสีกันได้อย่างนี้
ไม่ใช่แค่เสียง เมื่อหญิงสาวมองไปทางหน้าต่างต้องใจหายวาบเพราะผ้าม่านทุกผืนกำลังไหวพะเยิบพะยาบเหมือนโดนลม แต่จะเป็นไปได้ยังไง เพราะเธอตรวจแล้วตรวจอีกจนแน่ใจว่าหน้าต่างปิดสนิทแน่นหนาทุกบาน
น้ำทิพย์คว้าผ้าห่มมาพันรอบตัว หัวใจเต้นระรัวอย่างหวาดหวั่น ถึงรอบบ้านจะมีพลังของราฟาเอลป้องกัน แต่ถ้าเจ้าของเสียงคือลูซิเฟอร์มันคงไม่มีประโยชน์อะไร
ทันทีที่นึกถึงชื่อจอมปิศาจ แสงไฟสีแดงก่ำสองดวงก็ปะทุวาบขึ้นอีกด้านหนึ่งของม่าน หญิงสาวเย็นวาบไปทั้งตัวเพราะดูแล้วมันเหมือนดวงตาของผีร้าย หนำซ้ำเสียงร้องบาดหูยิ่งเพิ่มความดังมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้น้ำทิพย์หวาดกลัวจนแทบเสียสติ เมื่อกระจกหน้าต่างเกิดอาการสั่นดังกราวเหมือนโดนกรงเล็บตะกุย หญิงสาวก็กระโจนลงจากเตียงเผ่นลงไปยังชั้นล่างทันที