{คู่กรรม} : "คืนครวญ"





วิหครำพัน

มวลวิหคตระหนกแลตกตื่น        เสียงครืนครืนคุ้นเคยว่าเสียงฝน
ฟ้ามืดครึ้มโอดครวญโพยมบน   วายุเอยอึงอลแล้วโบกโบย
นกตัวน้อยท่ามกลางลมสะบัด    โอบร้อยรัดจนใจอ่อนระโหย
แสนสะท้านหนาวลมที่พัดโชย    ไล้ระเรื่อยอีกโปรยเสน่หา
นกตัวน้อยดิ้นเร่าเฝ้าขืนขัด         แต่ลมพัดประชิดทุกทิศา
ลาดหลังไหล่น้องนวลทวนลงมา  จรดซึ่งนาสาสะท้านทรวง
จะฉีกทึ้งถึงขว้างหาห่างเห          ด้วยเสน่ห์คลุกเคล้าเฝ้าแหนหวง
เจ็บอย่างไรสะกดใจทั้งแดดวง    ขอก้าวล่วงอารมณ์ให้สมจิณ
อันเนื้อนิ่มพิมอบสบสุคนธ์          ดวงใจข้าทุกข์ทนใฝ่ถวิล
ลมโหมแรงค่อยพัดรวยระริน       ด้วยถนอมยุพินอยู่ไม่วาย
ลมสงบปรายฝนโปรยฉ่ำชื่น       ฝอยฝนยามค่ำคืนหล่นเป็นสาย
ห้วงหายใจซ้อนสะท้านหาเดียวดาย   ด้วยร่างกายซ้อนชิดสนิทกัน
คำหวานล้ำกระซาบซิบที่ริมโสต        ใจก็โลดระริกแล้วถึงยอดขวัญ
นกตัวน้อยรอยรักดังลงทัณฑ์            กามเทพฟาดฟันให้เจียนตาย
สายลมเบาวอนเว้าใจจะขาด            นกตัวน้อยหมายหมาดใจสลาย
ด้วยรสรักจำจดตราบชีพวาย             จะเล่นร้ายก็หมองไหม้ในอุรา
น้ำตารินชาชินความขมขื่น                ถอนสะอื้นทิชากรขวัญผวา
ลมพัดอ่อนโศกซึ้งรำพึงมา               ว่ากานดาเกลียดพี่ยาหรืออย่างไร
วิหคร่ำใจหลอมละลายแล้ว               เขาฉัตรแก้วสามีทำไฉน
ทรยศเก็บกดจดที่ใจ                       ทางออกเอยอยู่ที่ใดใครบอกที


ผกาครวญ

เพ็ญฉายใต้ราตรี          เสียงดนตรีแว่วไกลไกล
เงาไม้ลายวูบไหว         เหมือนกับใจเจ้านารี
ครวญคร่ำพร่ำร่ำร้อง     โอ้นวลน้องเห็นใจพี่
เกลียดชังไม่ใยดี           นวลนารีตั้งกำแพง
มึนเมาเคล้าครวญหา      โฉมสุดาอย่าหน่ายแหนง
สำนึกคึกพลิกแพลง        แรงถาโถมโฉมอนงค์
พสุธาฟ้าลอยเลื่อน         สั่นสะเทือนตามประสงค์
ภุมรินเที่ยวบินลง            พุดประยงค์เจ้านงคราญ
หลายเที่ยวเลี้ยวสืบเสาะ   ที่ปะเหมาะทุกสถาน
นวลเนื้อเยาวมาลย์          หวานอบอุ่นละมุนใจ
ฤทธิ์ทึ้งดึงเจ็บปวด           หาร้าวรวดหรือไฉน
เลาะลัดเล็มเรื่อยไป          ซ่านสั่นไหวอภิรมย์
เกสรอ่อนอบอวล              กลิ่นเย้ายวนชวนนิยม
รสรักขื่นปนขม                  ในอารมณ์ตรมมิวาย
กลีบอ่อนอรน้องแก้ว          ขอวอนแล้วอย่ากลับกลาย
ใจพี่คงสลาย                    หากรักคลายเมื่อข้ามคืน
หวั่นไหวใจเต้นรัว              เรื่องดีชั่วนั้นสุดฝืน
ราตรีนี้ค่ำคืน                    ถอนสะอื้นกลืนน้ำตา
ชอกช้ำระกำกาย               และอับอายเป็นหนักหนา
ตกต้องพสุธา                     เสียแล้วหนาผกางาม
เคล้าคลอลออองค์             พุดประยงค์มิคิดถาม
ใจหนึ่งชื่นดังยาม                 ผกางามฉ่ำปรอยฝน          
กลีบอ่อนอ้อนออเซาะ         หวานเสนาะหนีไม่พ้น
แพ้พ่ายแก่ใจตน                 จึงร้อนรนปนขื่นขม
อ้อมอกกกร้อยรัด               เกี่ยวกระหวัดเชยชิดชม
อกเราร้าวระบม                 บ่มรักซ้อนซ่อนหทัย


ทะเลคลั่ง

ทะเลคลั่งคลื่นโหมวาโยครวญ        มัจฉาหวนแล่นโลดกระโดดคว่ำ
ระริกริ้วทวนน้ำร่ายเริงรำ                กระฉอกฉ่ำเซ็นซ่านผ่านราตรี
เสน่หากำซาบปนกรุ่นเกรี้ยว            แล้วลดเลี้ยวลึกซึ้งเกินถอยหนี
เล็มเลาะเรื่อยนวลเนื้อแห่งนารี         นิ่มน้องไร้ราคีลออองค์
มัจฉาสาวดิ้นเร่าเฝ้าพยศ                 จึงสุดกดห้ามใจอันประสงค์
ที่ครวญคร่ำคะนึงหายอดอนงค์        ให้ปลดปลงชีวาคงวายปราณ
เสียงฉีกขึงดึงพล่านผลาญยับยุ่ง       จิตจ่อมุ่งลิ้มรสไออุ่นหวาน
แรงสะบัดกัดทึ้งไม่อยู่นาน               เจ็บยังซ่านแต่ทรวงซึ้งถึงวิญญา
ทะเลผ่อนเกลียวคลื่นคืนสงบ            ค่อยคลานซบริมฝั่งห้องเวหา
อกจะร้าวเมื่ออรุณมินำพา                ขอก้มหน้ายอมรับเป็นพับไป
ทะเลโหมโหยหวนใจครวญคร่ำ         มัจฉาแสนเจ็บช้ำทำไฉน
ว่ายทวนคลื่นแสนคลั่งทำเช่นไร         กระโดดพลิกพลิ้วไหวหรือสู้แรง
ที่ซ้ำร้ายคือใจที่แอบซ่อน                 หลอมละลายโอนอ่อนมิหน่ายแหนง
ลากระเรื่อยร้อยรัดจนอ่อนแรง          ตั้งกำแพงอย่างไรไม่ได้การ
เสียงกระซิบคำรักข้างข้างหู              เกินหักใจไม่รับรู้คำอ่อนหวาน
สายสวาทจรดลึกดังรอยจาร             สุดปัญญาคิดอ่านทำฉันใด
เมื่อดวงใจเร่งเร้าเฝ้ากระซิบ             ความห่วงหาจ่อจิตไม่สงสัย
ได้นอนนิ่งแนบข้างร้างอาลัย             น้ำตาไหลโอ้ใจหนอใจเรา
อรุณรุ่งแรฟ้าลืมตาตื่น                       ถอนสะอื้นในอกเมื่อเห็นเขา
ทรยศเสียแล้วใจของเรา                     รักเกิดขึ้นคลอเคล้าทำอย่างไร

พิรุณโปรย


นิ่มเนื้อน้องล้วนนวลผ่อง        ลอยล่องส่องหล้าสดสี
เดือนเพ็ญเห็นนวลยวนฤดี      ไร้ฝ้าราคีขวัญแข
ค่ำคืนวายุตั้งเค้า                   อึมครึมเร่งเร้ากระแส
พิษรักปักอกปรวนแปร           ใยไม่เหลือบแลพี่ยา
เจ็บใจปนไปกราดเกรี้ยว         ส่วนเสี้ยวใจสั่งผวา
ฟ้าฝนคำรณเคลื่อนมา            แล้วพาฤทัยโลดลอย
กายใจปล่อยแนบสนิท           ประชิดฝนโปรยใช่น้อย
สาดซัดเม็ดใสเหมือนคอย       ปรอยฝนหล่นร่วงลงดิน
ดังรักจารลึกสลัก                    รอยรักฤาจะผกผิน
ฝนสาดโหมซัดยุพิน                เดือดดิ้นบินหนีมิพ้น
ปรายฝนโลมรักจักซ่าน            วิญญาณซวดเซเวหน
โบยบินสู่สรวงสองคน               ต้องมนต์ห้วงเสน่หา
ลึกล้ำกว่าใครกำหนด               เกิดพจน์ถ้อยคำปานว่า
ตราตรึงในดวงวิญญา               ครวญหาคะนึงไม่วาย

ป.ล. รูปนั้นจกมาจากกระทู้รายงานสด ขอบพระคุณผู้แคปมา ณ ที่นี้ ร้อยกรองสุดฝีมือได้เท่านี้แล้ว กลอนหก "พิรุณโปรย" จริง ๆ ไม่ผ่านมาตรฐานคนแต่ง แต่แต่งไปแล้วก็ .. ใส่มาเหอะ นับ ๆ แล้ว หลายสิบบท คิดอย่างไรรู้สึกอย่างได้เชิญคุย

จิ้นได้เต็มที่ ณ บัด NOW ... สวัสดี

1. วัดกันไป "บทไหน" โดนใจคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่