ความจริงว่าจะปล่อยวาง เพราะเรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว แต่สองวันที่ผ่านมา ยิ่งคิดผมยิ่งปลงไม่ตกครับคุณวสันต์ ไม่ว่าคุณวสันต์จะออกมาแก้ต่างหรือพูดให้ดูดีแค่ไหน ก็คงไม่ทำให้ความรู้สึกของผมดีขึ้นหรอกครับคุณวสันต์
บอกกันตามตรง ผมก็ไม่เคยศรัทธากับการทำงานของพวกท่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เคยเชื่อมั่นในความเป็นกลางจากพวกท่าน เพราะคลางแคลงกับความเป็นมาของพวกท่านตลอดมา อีกทั้งหลายคนในพวกท่านก็เคยร่วมแสดงความยินดีกับพันธมิตรฯครั้งโค่นล้มคุณทักษิณลงได้ โดยอาศัยการยึดอำนาจทำรัฐประหาร นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า พวกคุณมีหลายคนที่มีแนวคิดไปในแนวทางเดียวกับพวกโค่นล้มรัฐบาลในช่วงนั้น ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยจะไว้วางใจพวกท่านแต่ไหนแต่ไรมา
คุณวสันต์ครับ ตามฐานะพวกท่านน่าจะเป็นผู้ที่มีปกปักษ์และพิทักษ์รัฐธรรมนูญใช่หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ล่ะก็ พวกท่านกลับยินดีที่จะอยู่ภายใต้องค์รัฏฐาธิปัตย์ ยินดีกับตำแหน่งที่พวกฉีกรัฐธรรมนูญมอบให้ นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมขาดความนับถือ เพราะมันขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปมันดันกลายเป็นต้นกัญชาไปเสียฉิบ
คุณวสันต์ครับ ผมเคยได้ยินเสมอมา คนไทยทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของประเทศ วันนี้ผมจึงขอพูดในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง เจ้าของเงินภาษีที่จ่ายให้พวกท่านมาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาทำหน้าที่เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คณะใดคณะหนึ่งนะครับคุณวสันต์
เปรียบไปก็เหมือนกับการจ้างพวกยามเพื่อให้มาดูแลบ้าน แต่เมื่อโจรมายึดบ้าน แทนที่พวกยามจะทำหน้าที่ดูแลบ้านตามเจตนารมย์ของเจ้าของบ้าน กลับไปยอมรับกับโจรร้าย แล้วใช้กฎของโจรมาบังคับกับเจ้าของบ้านเสียนี่ อย่างนี้เจ้าของบ้านจะทำอย่างไรครับ สู้หรือยอมรับเฉกเช่นกับพวกขี้ขลาดตาขาวทั้งหลาย คุณวสันต์มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
แต่เอาเถอะ เมื่อเจ้าของบ้านส่วนใหญ่ไม่ออกมาคัดค้าน ยอมรับกับมติ ยอมรับกับคำวินิจฉัย นั่นแสดงว่าคงเป็นไปตามข้อกฎหมายก็เป็นได้ ผมซึ่งมีความรู้ด้านกฎหมายแค่หางอึ่ง แม้จะฟังแล้วขัดกับสามัญสำนึกก็ตาม ก็ได้แต่ยอมรับตามมติเสียงส่วนใหญ่ ยอมทนกับการรับไม่ได้ส่วนบุคคล กล้ำกลืนฝืนทนกับความสองมาตรฐานอย่างน่าชื่นอกตรมมาตลอดหลายปี
จนกระทั่งได้ยินคุณวสันต์ออกมายอมรับในเรื่องการตัดสินด้วยความเร่งด่วนในกรณีของคุณสมัครกับกรณีของการยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค มันกลับสะกิดต่อมความอคติของผมให้ฟื้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ผมพยายามจะทำใจให้ยอมรับกับมัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว แต่ก็ต้องมาพ่ายแพ้กับการรักความถูกต้อง รักความยุติธรรม จึงทำให้ผมต้องการคำอธิบายมากกว่าที่ผ่านมาครับคุณวสันต์
คุณวสันต์ครับ ประชาชนจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำพูดของคุณวสันต์หรือไม่ ผมไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดเลยนะครับ เพราะการทำหน้าที่สุกเอาเผากินดังที่คุณวสันต์พูดถึงนั้น มันหมายถึงการถอดถอนนายกฯไทยที่มีประชาชนเลือกมาด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเลยนะครับ
เรื่องใหญ่มากๆขนาดนี้ คุณวสันต์ยอมรับเองว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ใช้ไม่ได้ เพราะนำข้อกฎหมายขึ้นก่อน แล้วค่อยมาถกเถียงในเรื่องข้อเท็จจริง และเพราะต้องเร่งรีบอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ตัดสินคดี ทำให้การเขียนคำวินิจฉัยในคดีผิดพลาดได้ง่าย แม้อีกวันคุณวสันต์จะออกมาบอกว่า คำวินิจฉัยถูกต้อง เพียงแต่ผิดพลาดจากขั้นตอนก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักนิดในแง่ของความเชื่อมั่นเลยครับ
คุณวสันต์ครับ คนเราทำผิดกันได้ในหลายเรื่อง แต่ในหลายเรื่องจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียวนะครับ แค่น้อตตัวเดียวที่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้เครื่องบินตกทั้งลำ นั่นหมายถึงชีวิตผู้โดยสารนับร้อยต้องเสียไปกับความสะเพร่าเพียงน้อยนิดนี้
เรื่องการถอดถอนนายกฯสมัครก็เช่นกันครับ ความเร่งรีบ (ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเร่งรีบขนาดนั้น ทั้งที่หลายคดีก็ปล่อยให้จนหมดอายุความก็เกิดขึ้นสม่ำเสมอ) อาจทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดไปได้หรือไม่ แล้วอย่างนี่จะให้ผมไว้วางใจได้อีกหรือครับว่า จะไม่ผิดพลาดอีกในกรณีอื่นๆ
คุณวสันต์ครับ แต่เรื่องที่รับไม่ได้กลับเป็นเรื่องการยุบพรรคทั้งสาม ที่คุณวสันต์พูดออกมาได้เต็มปากว่า การยุบพรรคทั้งสาม ถ้าหากเป็นไปตามปกติ เสียงข้างมากอาจไม่สั่งยุบพรรคก็ได้ แต่เมื่อบ้านเมืองกำลังวุ่นวาย หาทางออกไม่เจอ เพื่อรักษาความสงบสุขเรียบร้อย จึงต้องสั่งยุบพรรค
คุณวสันต์ครับ ผมถามจริงเถิดครับ คุณวสันต์กับพวกคิดว่าเป็นใครหรือครับ จึงกล้าตัดสินใจแทนคนทั้งชาติได้ขนาดนี้ อะไรเป็นเหตุให้พวกคุณคิดว่า การยุบพรรคทั้งสามเป็นการกระทำเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข บ้านเมืองมีทางออก และผลก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย นอกจากไม่ได้ทางออกแล้ว ยังเกิดความวุ่นวายมากกว่าเก่า อย่างนี้พวกท่านคิดว่าใครควรจะรับผิดชอบ
3 พรรคที่พวกคุณวสันต์ยุบไปเพื่อความสงบสุขในความคิดนั้น คุณวสันต์ทราบไหมครับ ทั้งสามพรรคนั้น มีสมาชิกพรรครวมกันเท่าไหร่ มีคนที่ให้ความศรัทธาเท่าไหร่ มีคนให้การสนับสนุนเท่าไหร่ แต่เพียงเพราะคนไม่กี่คนที่มองว่าเป็นการคงอยู่ของทั้งสามพรรค ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย จึงต้องยุบพรรคมันเสีย อย่างนั้นหรือครับคุณวสันต์
คุณวสันต์ครับ แล้วกรณีของพรรค ปชป.ละครับ ผมจะไม่พูดถึงเรื่องคลิปหรอกนะครับ อย่าได้เป็นห่วง แต่ที่ผมจะถามก็คือ กรณีของพรรค ปชป. ถ้าเปลี่ยนเป็นพรรคอื่น และเพื่อความสงบของบ้านเมือง พวกท่านก็อาจตัดสินให้ยุบพรรคได้ ทั้งที่คดีหมดอายุความหรือประธาน กกต.ไม่แสดงความคิดเห็นได้อย่างนั้นหรือครับคุณวสันต์ ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นหมายถึงคำวินิจฉัยต่างๆที่ผ่านมา ไม่ได้ขึ่นกับข้อกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่ในดุลพินิจของพวกท่านว่า สุดท้ายควรจะให้ออกมาทางไหนอย่างนั้นหรือครับ
แล้วที่วินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกล่ะครับคุณวสันต์ ที่บอกว่าต้องผ่านประชามติก่อนนั้น อ้อ คุณวสันต์อย่าถามผมว่า “โง่จริงหรือแกล้งโง่” นะครับ เพราะผมกำลังจะบอกว่า “ผมโง่จริงครับ” เลยไม่รู้ว่า คำวินิจฉัยนั้นตกลงแล้ว มันเป็นคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญหรือเป็นคำวินิจฉัยเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายกันแน่ ช่วยเฉลยด้วยก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
แต่ถึงผมจะโง่เพียงใด ที่ผมจะบอกคุณวสันต์ก็คือ การยุบพรรคสามพรรคที่ผ่านมา คุณวสันต์คงเห็นแล้วนะครับ มันไม่ได้ทำให้บ้านเมืองหยุดความวุ่นวาย การเข้ารับตำแหน่งที่คณะรัฐประหารตั้งให้ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งได้ รังแต่ทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกมากขึ้น และยิ่งทวีความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก นั่นเป็นเพราะพวกท่านกำลังเดินผิดทางไงครับ
คุณวสันต์ครับ สิ่งเดียวที่จะหยุดยั้งความแตกแยก สิ่งเดียวที่จะไม่สร้างเงื่อนไขให้บ้านเมืองบานปลายกว่าที่เป็นอยู่ มีสิ่งเดียวเท่านั้น และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พวกท่านกระทำ นั่นคือ “ความยุติธรรม”ไงครับ มีแต่การตัดสิน วินิจฉัยอยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมาย ทุกๆคนต้องอยู่บนกฎหมายเดียวกัน นั่นจึงจะเป็นทางออกของประเทศ ดังนั้นประเทศจะปรองดองกันได้หรือไม่ ย่อมอยู่กับมือของพวกท่านที่ต้องทำตัวเป็นกลาง แล้ววินิจฉัยคำร้องทุกคำร้อง โดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองว่า ใครเป็นใคร แค่นี้แหละครับ สังคมก็จะสงบสุข
คุณวสันต์ครับ การพิจารณาใดๆก็ดี ต้องไม่ตั้งธงไว้ก่อนว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายดี ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายร้าย แต่พิจารณาตามพยานหลักฐานที่กางอยู่ตรงหน้าหรือตามกฎหมายที่ร่างไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น นั่นจึงจะเป็นการสร้างความยอมรับแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า นั่นจึงเป็นการหาทางออกให้กับประเทศ
มิฉะนั้นในภายภาคหน้าอาจต้องมีคนตายมากกว่าร้อยศพอย่างที่ผ่านมา ซึ่งถึงตอนนั้นกฎหมายคงไม่สามารถเอาผิดพวกท่านได้ แต่มโนธรรมและจิตสำนึกคงจะติดตัวพวกท่านไปจนตาย อยากได้อย่างไหนก็เลือกกันเองนะครับ ผมคงพูดได้ก็เพียงแค่นี้ตามประสาคนที่รักประเทศไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกท่านหรอกนะครับคุณวสันต์
คุณวสันต์ครับ บอกตามตรงผมรับไม่ได้กับคำพูดของคุณจริงๆครับ
บอกกันตามตรง ผมก็ไม่เคยศรัทธากับการทำงานของพวกท่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เคยเชื่อมั่นในความเป็นกลางจากพวกท่าน เพราะคลางแคลงกับความเป็นมาของพวกท่านตลอดมา อีกทั้งหลายคนในพวกท่านก็เคยร่วมแสดงความยินดีกับพันธมิตรฯครั้งโค่นล้มคุณทักษิณลงได้ โดยอาศัยการยึดอำนาจทำรัฐประหาร นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า พวกคุณมีหลายคนที่มีแนวคิดไปในแนวทางเดียวกับพวกโค่นล้มรัฐบาลในช่วงนั้น ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยจะไว้วางใจพวกท่านแต่ไหนแต่ไรมา
คุณวสันต์ครับ ตามฐานะพวกท่านน่าจะเป็นผู้ที่มีปกปักษ์และพิทักษ์รัฐธรรมนูญใช่หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ล่ะก็ พวกท่านกลับยินดีที่จะอยู่ภายใต้องค์รัฏฐาธิปัตย์ ยินดีกับตำแหน่งที่พวกฉีกรัฐธรรมนูญมอบให้ นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมขาดความนับถือ เพราะมันขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปมันดันกลายเป็นต้นกัญชาไปเสียฉิบ
คุณวสันต์ครับ ผมเคยได้ยินเสมอมา คนไทยทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของประเทศ วันนี้ผมจึงขอพูดในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง เจ้าของเงินภาษีที่จ่ายให้พวกท่านมาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มาทำหน้าที่เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คณะใดคณะหนึ่งนะครับคุณวสันต์
เปรียบไปก็เหมือนกับการจ้างพวกยามเพื่อให้มาดูแลบ้าน แต่เมื่อโจรมายึดบ้าน แทนที่พวกยามจะทำหน้าที่ดูแลบ้านตามเจตนารมย์ของเจ้าของบ้าน กลับไปยอมรับกับโจรร้าย แล้วใช้กฎของโจรมาบังคับกับเจ้าของบ้านเสียนี่ อย่างนี้เจ้าของบ้านจะทำอย่างไรครับ สู้หรือยอมรับเฉกเช่นกับพวกขี้ขลาดตาขาวทั้งหลาย คุณวสันต์มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
แต่เอาเถอะ เมื่อเจ้าของบ้านส่วนใหญ่ไม่ออกมาคัดค้าน ยอมรับกับมติ ยอมรับกับคำวินิจฉัย นั่นแสดงว่าคงเป็นไปตามข้อกฎหมายก็เป็นได้ ผมซึ่งมีความรู้ด้านกฎหมายแค่หางอึ่ง แม้จะฟังแล้วขัดกับสามัญสำนึกก็ตาม ก็ได้แต่ยอมรับตามมติเสียงส่วนใหญ่ ยอมทนกับการรับไม่ได้ส่วนบุคคล กล้ำกลืนฝืนทนกับความสองมาตรฐานอย่างน่าชื่นอกตรมมาตลอดหลายปี
จนกระทั่งได้ยินคุณวสันต์ออกมายอมรับในเรื่องการตัดสินด้วยความเร่งด่วนในกรณีของคุณสมัครกับกรณีของการยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค มันกลับสะกิดต่อมความอคติของผมให้ฟื้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ผมพยายามจะทำใจให้ยอมรับกับมัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว แต่ก็ต้องมาพ่ายแพ้กับการรักความถูกต้อง รักความยุติธรรม จึงทำให้ผมต้องการคำอธิบายมากกว่าที่ผ่านมาครับคุณวสันต์
คุณวสันต์ครับ ประชาชนจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำพูดของคุณวสันต์หรือไม่ ผมไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดเลยนะครับ เพราะการทำหน้าที่สุกเอาเผากินดังที่คุณวสันต์พูดถึงนั้น มันหมายถึงการถอดถอนนายกฯไทยที่มีประชาชนเลือกมาด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศเลยนะครับ
เรื่องใหญ่มากๆขนาดนี้ คุณวสันต์ยอมรับเองว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ใช้ไม่ได้ เพราะนำข้อกฎหมายขึ้นก่อน แล้วค่อยมาถกเถียงในเรื่องข้อเท็จจริง และเพราะต้องเร่งรีบอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ตัดสินคดี ทำให้การเขียนคำวินิจฉัยในคดีผิดพลาดได้ง่าย แม้อีกวันคุณวสันต์จะออกมาบอกว่า คำวินิจฉัยถูกต้อง เพียงแต่ผิดพลาดจากขั้นตอนก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นสักนิดในแง่ของความเชื่อมั่นเลยครับ
คุณวสันต์ครับ คนเราทำผิดกันได้ในหลายเรื่อง แต่ในหลายเรื่องจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียวนะครับ แค่น้อตตัวเดียวที่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้เครื่องบินตกทั้งลำ นั่นหมายถึงชีวิตผู้โดยสารนับร้อยต้องเสียไปกับความสะเพร่าเพียงน้อยนิดนี้
เรื่องการถอดถอนนายกฯสมัครก็เช่นกันครับ ความเร่งรีบ (ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเร่งรีบขนาดนั้น ทั้งที่หลายคดีก็ปล่อยให้จนหมดอายุความก็เกิดขึ้นสม่ำเสมอ) อาจทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดไปได้หรือไม่ แล้วอย่างนี่จะให้ผมไว้วางใจได้อีกหรือครับว่า จะไม่ผิดพลาดอีกในกรณีอื่นๆ
คุณวสันต์ครับ แต่เรื่องที่รับไม่ได้กลับเป็นเรื่องการยุบพรรคทั้งสาม ที่คุณวสันต์พูดออกมาได้เต็มปากว่า การยุบพรรคทั้งสาม ถ้าหากเป็นไปตามปกติ เสียงข้างมากอาจไม่สั่งยุบพรรคก็ได้ แต่เมื่อบ้านเมืองกำลังวุ่นวาย หาทางออกไม่เจอ เพื่อรักษาความสงบสุขเรียบร้อย จึงต้องสั่งยุบพรรค
คุณวสันต์ครับ ผมถามจริงเถิดครับ คุณวสันต์กับพวกคิดว่าเป็นใครหรือครับ จึงกล้าตัดสินใจแทนคนทั้งชาติได้ขนาดนี้ อะไรเป็นเหตุให้พวกคุณคิดว่า การยุบพรรคทั้งสามเป็นการกระทำเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข บ้านเมืองมีทางออก และผลก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย นอกจากไม่ได้ทางออกแล้ว ยังเกิดความวุ่นวายมากกว่าเก่า อย่างนี้พวกท่านคิดว่าใครควรจะรับผิดชอบ
3 พรรคที่พวกคุณวสันต์ยุบไปเพื่อความสงบสุขในความคิดนั้น คุณวสันต์ทราบไหมครับ ทั้งสามพรรคนั้น มีสมาชิกพรรครวมกันเท่าไหร่ มีคนที่ให้ความศรัทธาเท่าไหร่ มีคนให้การสนับสนุนเท่าไหร่ แต่เพียงเพราะคนไม่กี่คนที่มองว่าเป็นการคงอยู่ของทั้งสามพรรค ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย จึงต้องยุบพรรคมันเสีย อย่างนั้นหรือครับคุณวสันต์
คุณวสันต์ครับ แล้วกรณีของพรรค ปชป.ละครับ ผมจะไม่พูดถึงเรื่องคลิปหรอกนะครับ อย่าได้เป็นห่วง แต่ที่ผมจะถามก็คือ กรณีของพรรค ปชป. ถ้าเปลี่ยนเป็นพรรคอื่น และเพื่อความสงบของบ้านเมือง พวกท่านก็อาจตัดสินให้ยุบพรรคได้ ทั้งที่คดีหมดอายุความหรือประธาน กกต.ไม่แสดงความคิดเห็นได้อย่างนั้นหรือครับคุณวสันต์ ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นหมายถึงคำวินิจฉัยต่างๆที่ผ่านมา ไม่ได้ขึ่นกับข้อกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอยู่ในดุลพินิจของพวกท่านว่า สุดท้ายควรจะให้ออกมาทางไหนอย่างนั้นหรือครับ
แล้วที่วินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกล่ะครับคุณวสันต์ ที่บอกว่าต้องผ่านประชามติก่อนนั้น อ้อ คุณวสันต์อย่าถามผมว่า “โง่จริงหรือแกล้งโง่” นะครับ เพราะผมกำลังจะบอกว่า “ผมโง่จริงครับ” เลยไม่รู้ว่า คำวินิจฉัยนั้นตกลงแล้ว มันเป็นคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญหรือเป็นคำวินิจฉัยเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายกันแน่ ช่วยเฉลยด้วยก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
แต่ถึงผมจะโง่เพียงใด ที่ผมจะบอกคุณวสันต์ก็คือ การยุบพรรคสามพรรคที่ผ่านมา คุณวสันต์คงเห็นแล้วนะครับ มันไม่ได้ทำให้บ้านเมืองหยุดความวุ่นวาย การเข้ารับตำแหน่งที่คณะรัฐประหารตั้งให้ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้งได้ รังแต่ทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกมากขึ้น และยิ่งทวีความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก นั่นเป็นเพราะพวกท่านกำลังเดินผิดทางไงครับ
คุณวสันต์ครับ สิ่งเดียวที่จะหยุดยั้งความแตกแยก สิ่งเดียวที่จะไม่สร้างเงื่อนไขให้บ้านเมืองบานปลายกว่าที่เป็นอยู่ มีสิ่งเดียวเท่านั้น และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พวกท่านกระทำ นั่นคือ “ความยุติธรรม”ไงครับ มีแต่การตัดสิน วินิจฉัยอยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมาย ทุกๆคนต้องอยู่บนกฎหมายเดียวกัน นั่นจึงจะเป็นทางออกของประเทศ ดังนั้นประเทศจะปรองดองกันได้หรือไม่ ย่อมอยู่กับมือของพวกท่านที่ต้องทำตัวเป็นกลาง แล้ววินิจฉัยคำร้องทุกคำร้อง โดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองว่า ใครเป็นใคร แค่นี้แหละครับ สังคมก็จะสงบสุข
คุณวสันต์ครับ การพิจารณาใดๆก็ดี ต้องไม่ตั้งธงไว้ก่อนว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายดี ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายร้าย แต่พิจารณาตามพยานหลักฐานที่กางอยู่ตรงหน้าหรือตามกฎหมายที่ร่างไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น นั่นจึงจะเป็นการสร้างความยอมรับแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า นั่นจึงเป็นการหาทางออกให้กับประเทศ
มิฉะนั้นในภายภาคหน้าอาจต้องมีคนตายมากกว่าร้อยศพอย่างที่ผ่านมา ซึ่งถึงตอนนั้นกฎหมายคงไม่สามารถเอาผิดพวกท่านได้ แต่มโนธรรมและจิตสำนึกคงจะติดตัวพวกท่านไปจนตาย อยากได้อย่างไหนก็เลือกกันเองนะครับ ผมคงพูดได้ก็เพียงแค่นี้ตามประสาคนที่รักประเทศไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพวกท่านหรอกนะครับคุณวสันต์