“เจ้าสัวธนินท์” เปิดแผนธุรกิจปี 56 ลงทุน “สหรัฐ-จีน” เป็นโอกาสทอง แนะปล่อย “ค่าบาท” ตามกลไกตลาด
“เจ้าสัวซีพี” เปิดแผนธุรกิจปี 56 เตรียมร่วมทุนธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ มองเป็นจังหวะที่ดี เพราะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นปรับลงเยอะ ส่วนการลงทุนในจีน พร้อมเดินหน้าแผนซื้อหุ้น “ผิงอัน” ยักษ์ใหญ่ประกันอันดับ 2 เพราะมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพได้อีกหลายเท่าในอนาคต แย้มลุยธุรกิจค้าปลีกรับ “ศก.จีน” สู่ยุคบูม ส่วนปัญหาค่าเงินบาท “ธปท.” ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด อย่าไปสู้กับอัตราแลกเปลี่ยน แนะใช้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าทุนในราคาถูกลง ส่วนผลกระทบต่อผู้ส่งออก รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ซีพีอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมทุนกับบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการร่วมทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งมองเห็นศักยภาพ และถือเป็นจังหวะดี เพราะเมื่อสหรัฐเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ราคาหุ้นก็ปรับลดลงมาก ทำให้ได้โอกาสที่จะขยายอาหารจากเอเชียไปยังประเทศสหรัฐ โดยอาศัยเครือข่ายที่มีศักยภาพ
ส่วนการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ซื้อหุ้น บริษัท ผิงอัน อินชัวรันซ์ (PING AN INSURANCE ) บริษัทประกันชีวิตใหญ่อันดับสองของจีน เป็นการใช้เงินกู้จากบริษัทในเครือ และมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพได้อีกหลายเท่าในอนาคต
ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าการลงทุนในประเทศจีน ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของจีนมีประสบการณ์และความชำนาญสูง ประกอบกับประเทศจีนมีความพร้อมทุกด้านทั้งเงินทุนและบุคลากร จึงเป็นโอกาสที่นักธุรกิจไทยไม่ควรมองข้าม
ดังนั้น การเป็นพันธมิตรกับจีน ไม่ใช่เพียงแค่แสวงหาลู่ทางในการลงทุนในจีนเท่านั้น แต่ต้องมองถึงวิธีการที่จะนำสินค้าไทยเข้าไปขายในจีน และนำสินค้าจีนเข้ามาจำหน่ายให้คนไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะคาดว่าในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ เศรษฐกิจและธุรกิจของจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวของช่วง 63 ปีที่ผ่านมานับจากจีนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พร้อมกันนี้ เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดจิ๋วให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยใช้แผนธุรกิจมาค้ำประกันได้ และควรแยกมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กออกจากกัน เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นอกจากนี้ นายธนินท์ยังได้เสนอให้รัฐบาลลดภาษีนิติบุคคลเหลือร้อยละ 16 แข่งขันกับสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่เก็บภาษีร้อยละ 17 เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพราะเชื่อว่าเมื่อต้นทุนธุรกิจต่ำลง ต่างชาติอาจจะย้ายสำนักงานการลงทุนมาไทย
ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น เห็นว่า ธปท.ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด อย่าไปสู้กับอัตราแลกเปลี่ยน แนะใช้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าทุนในราคาถูกลง ส่วนผลกระทบต่อผู้ส่งออก รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือ
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
“เจ้าสัวธนินท์” เปิดแผนธุรกิจปี 56 ลงทุน “สหรัฐ-จีน” เป็นโอกาสทอง แนะปล่อย “ค่าบาท” ตามกลไกตลาด
“เจ้าสัวซีพี” เปิดแผนธุรกิจปี 56 เตรียมร่วมทุนธุรกิจอาหารในสหรัฐฯ มองเป็นจังหวะที่ดี เพราะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นปรับลงเยอะ ส่วนการลงทุนในจีน พร้อมเดินหน้าแผนซื้อหุ้น “ผิงอัน” ยักษ์ใหญ่ประกันอันดับ 2 เพราะมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพได้อีกหลายเท่าในอนาคต แย้มลุยธุรกิจค้าปลีกรับ “ศก.จีน” สู่ยุคบูม ส่วนปัญหาค่าเงินบาท “ธปท.” ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด อย่าไปสู้กับอัตราแลกเปลี่ยน แนะใช้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าทุนในราคาถูกลง ส่วนผลกระทบต่อผู้ส่งออก รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ซีพีอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมทุนกับบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการร่วมทุนในธุรกิจอาหาร ซึ่งมองเห็นศักยภาพ และถือเป็นจังหวะดี เพราะเมื่อสหรัฐเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ราคาหุ้นก็ปรับลดลงมาก ทำให้ได้โอกาสที่จะขยายอาหารจากเอเชียไปยังประเทศสหรัฐ โดยอาศัยเครือข่ายที่มีศักยภาพ
ส่วนการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ซื้อหุ้น บริษัท ผิงอัน อินชัวรันซ์ (PING AN INSURANCE ) บริษัทประกันชีวิตใหญ่อันดับสองของจีน เป็นการใช้เงินกู้จากบริษัทในเครือ และมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพได้อีกหลายเท่าในอนาคต
ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าการลงทุนในประเทศจีน ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของจีนมีประสบการณ์และความชำนาญสูง ประกอบกับประเทศจีนมีความพร้อมทุกด้านทั้งเงินทุนและบุคลากร จึงเป็นโอกาสที่นักธุรกิจไทยไม่ควรมองข้าม
ดังนั้น การเป็นพันธมิตรกับจีน ไม่ใช่เพียงแค่แสวงหาลู่ทางในการลงทุนในจีนเท่านั้น แต่ต้องมองถึงวิธีการที่จะนำสินค้าไทยเข้าไปขายในจีน และนำสินค้าจีนเข้ามาจำหน่ายให้คนไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะคาดว่าในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ เศรษฐกิจและธุรกิจของจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวของช่วง 63 ปีที่ผ่านมานับจากจีนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พร้อมกันนี้ เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดจิ๋วให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยใช้แผนธุรกิจมาค้ำประกันได้ และควรแยกมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กออกจากกัน เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นอกจากนี้ นายธนินท์ยังได้เสนอให้รัฐบาลลดภาษีนิติบุคคลเหลือร้อยละ 16 แข่งขันกับสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่เก็บภาษีร้อยละ 17 เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพราะเชื่อว่าเมื่อต้นทุนธุรกิจต่ำลง ต่างชาติอาจจะย้ายสำนักงานการลงทุนมาไทย
ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น เห็นว่า ธปท.ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด อย่าไปสู้กับอัตราแลกเปลี่ยน แนะใช้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าทุนในราคาถูกลง ส่วนผลกระทบต่อผู้ส่งออก รัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือ
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์