“เจ้าสัวธนินท์” ยันไม่เพิ่มทุน “ซีพี ออลล์” หลังผู้ถือหุ้นรายย่อยหวั่นวิตก ทำหุ้นผันผวน มั่นใจควักจ่าย 787 บาทต่อหุ้นไม่สูงเกินไป คาดอนาคตทำเงินมหาศาล และอยู่ในช่วงกอบโกย พร้อมเสริมแกร่งซีพี ออลล์ สร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) ว่า การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (บมจ.) มูลค่า 1.88 แสนล้านบาทนั้น ซีพีออลล์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด เพราะจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินเป็นหลัก
นอกจากนี้ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งของแม็คโคร ซึ่งในปีนี้จะมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 62 สาขา โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพื้นที่เช่าเพียง 7 สาขาเท่านั้น ทำให้สามารถนำสินทรัพย์ของแม็คโครมาจัดทำเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ในอนาคต
ส่วนการเสนอซื้อหุ้นในราคา 787 บาทต่อหุ้นนั้น เชื่อว่าเป็นราคาที่ไม่สูงเกินไป และเชื่อว่าแพงในวันนี้ แต่จะถูกในวันหน้า เพราะแม็คโครซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 25 ปี ถือเป็นช่วงจังหวะที่กำลังเติบโต ด้วยศักยภาพพร้อมทีมบริหารที่เก่ง จะทำให้ทั้งซีพีออลล์และแม็คโครต่างเสริมความแข็งแรงให้กันและกัน
“ทั้ง 2 ค่ายนี้มีฐานลูกค้าคนละกลุ่ม จึงแต่บวกขึ้นทันตาเห็น และเอื้อความสะดวกให้แก่กัน เพราะที่ผ่านมาซีพีออลล์ ถูกจำกัดเรื่องแฟรนไชส์จากสหรัฐอเมริกา แต่แม็คโครจะนำซีพี ออลล์ไปลงทุนในต่างประเทศได้แบบสบายๆ เพราะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เอง” นายธนินทร์ กล่าวและว่า
ส่วนจุดอ่อนของแม็คโครที่ผ่านมา คือ เจ้าของระมัดระวังเรื่องของการลงทุนมากเกินไป ทำให้การขยายตัวค่อนข้างต่ำ ซึ่งแม็คโครน่าจะเติบโตได้เร็วกว่านี้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังจะสูงขึ้น มีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาทั้งญี่ปุ่น และจีน
reference:
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=180265&catid=176&Itemid=524
'เจ้าสัวธนินท์'มั่นใจ'ซีพี ออลล์-แม็คโคร'เสริมแกร่งซึ่งกันและกัน อ่านเเล้วชื่นใจมากมาย..ฮือๆ
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) ว่า การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (บมจ.) มูลค่า 1.88 แสนล้านบาทนั้น ซีพีออลล์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด เพราะจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินเป็นหลัก
นอกจากนี้ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งของแม็คโคร ซึ่งในปีนี้จะมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 62 สาขา โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพื้นที่เช่าเพียง 7 สาขาเท่านั้น ทำให้สามารถนำสินทรัพย์ของแม็คโครมาจัดทำเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ในอนาคต
ส่วนการเสนอซื้อหุ้นในราคา 787 บาทต่อหุ้นนั้น เชื่อว่าเป็นราคาที่ไม่สูงเกินไป และเชื่อว่าแพงในวันนี้ แต่จะถูกในวันหน้า เพราะแม็คโครซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 25 ปี ถือเป็นช่วงจังหวะที่กำลังเติบโต ด้วยศักยภาพพร้อมทีมบริหารที่เก่ง จะทำให้ทั้งซีพีออลล์และแม็คโครต่างเสริมความแข็งแรงให้กันและกัน
“ทั้ง 2 ค่ายนี้มีฐานลูกค้าคนละกลุ่ม จึงแต่บวกขึ้นทันตาเห็น และเอื้อความสะดวกให้แก่กัน เพราะที่ผ่านมาซีพีออลล์ ถูกจำกัดเรื่องแฟรนไชส์จากสหรัฐอเมริกา แต่แม็คโครจะนำซีพี ออลล์ไปลงทุนในต่างประเทศได้แบบสบายๆ เพราะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เอง” นายธนินทร์ กล่าวและว่า
ส่วนจุดอ่อนของแม็คโครที่ผ่านมา คือ เจ้าของระมัดระวังเรื่องของการลงทุนมากเกินไป ทำให้การขยายตัวค่อนข้างต่ำ ซึ่งแม็คโครน่าจะเติบโตได้เร็วกว่านี้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังจะสูงขึ้น มีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาทั้งญี่ปุ่น และจีน
reference:http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=180265&catid=176&Itemid=524