ภาค 1
http://ppantip.com/topic/30250030
ภาค 3
http://ppantip.com/topic/30256578
ภาค 2 มาแล้วค่ะ หลังจากกินอาหารเพื่อสุขภาพกันแล้ว วันนี้พาไปตลาดไปกิน street food และ ขนมกรุบกริบ กัน อาหารประเภทนี้ในโรงเรียนไม่มีให้กิน โดยเฉพาะของทอด และ ชา แต่มีขนมขบเคี้ยวประเภทแครกเกอร์หรือคุกกี้ขายค่ะ วันไหนเบื่อ ๆ ก็จะออกไปกินอะไรข้างนอกกัน หรือช่วงบ่าย ๆ ก็ที่ว่างแว๊บ ๆ ก็จะแอบออกไปกินจัย หรือชาใส่นมกันที่ริมถนน
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ว่าเป็นเมืองที่คนอินเดียเค้าชอบมาตากอากาศกัน เราเดินกันกี่ที ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้ามาตากอากาศอะไรกัน เพราะเป็นเมืองที่มีแต่ฝุ่น ทะเลหรือก็ไม่มี แถมอากาศก็ร้อนเปรี้ยง ความเจริญก็มีเท่าที่เห็นนี่แหละค่ะ ตลาดก็มีอยู่แห่งเดียว
เวลาเรียกตุ๊ก ๆ ก็ต้องงอนง้อกันราวกับเป็นแฟนกันเลยทีเดียว การสนทนามักเป็นดังนี้
"ไปตลาด"
"ตลาดเหรอ มากันตั้งห้าคน หกสิบ"
"โว้ย ก็เมื่อวานไปสี่สิบ จำไม่ได้เหรอไง"
"ไม่ได้ เมื่อวานสามคน วันนี้ห้าคนต้องหกสิบ"
"งั้นไม่ไป ชั้นเดินไปกันเองได้" ว่าแล้วก็จะสะบัดหน้าราวกับงอนแฟน เดินตุ๊บตั๊บ ๆ ไปกันอย่างงอน ๆ แต่สายตาจะแอบมอง ว่าเค้าตามมาง้อหรือไม่
ซักพักผู้ชายจะตามมาง้อ
"อ๊ะ ๆ สี่สิบก้อด๊ะ"
นั่ง ๆ อยู่บางทีก็มีคนกระโดดขึ้นมานั่งคู่คนขับ ขอติดรถไปด้วย
หรือถ้าช่วงการจราจรติดขัด เค้าก็จะส่งที่ทางรถไฟ ที่อยู่ตรงข้ามตลาด เราก็จะข้ามสะพานลอยไปลงตรงตลาดพอดี
ในรูปคือตลาด ถ่ายจากบนสะพานลอย
มีแผงขายของบนสะพานลอยเหมือนบ้านเรา
มีอนุสาวรีย์ด้วย
ร้านนี้ขายแป้งสด ๆ ออกจากเครื่อง
เข้าซอกเข้าซอย ไปเดินตลาดบ้าง ตรงนี้เราเรียกว่าปากคลองตลาด
สภาพเค้าเหมือนจริง ๆ
กินขนมมั๊ย
เลือกมาซักถุง เลย์รสนี้อร่อยมากเลยค่ะ ที่โน่นไม่มีแผ่นเรียบ มีแต่แผ่นหยัก
อันนี้กินไปเยอะแล้ว รสออกเปรี้ยวนิด ๆ กินได้เพลิน ๆ หมดถุงเลย
อันนี้ของโปรด เป็นคุกกี้ชอกโกแลตชิพ พอจะชดเชยชิพอฮอยได้อยู่บ้าง เพื่อน ๆ ก็ชอบกินค่ะ ขนมเค้าราคาไม่แพง ประมาณห่อละ 20 รูปี อย่างเลย์ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็ของเค้าถูกกว่าเพราะถุงใหญ่ 20 รูปีก็ประมาณ 11-12 บาท
เห็นเป็นของอินเดีย รสชาติและหน้าตาไม่แย่นะคะ อร่อยทีเดียว
มาเมืองแขกต้องกินถั่ว
ของโปรดอีกอัน รสชาติประมาณนิสชินบัตเตอร์โคโคนัทแต่ไม่มีรสมะพร้าว หวาน ๆ กรอบ ๆ เพื่อนญี่ปุ่นซื้อให้กินหนนึงแล้วก็ติดใจ
มีขนมกรุบกริบแล้วก็ต้องมีชา ที่นี่ชาใส่นมเรียกว่าจัย มีขายทั่วไป ในโรงเรียนก็มีขายถ้วยละ 10 รูปี แต่ว่าเค้าใส่คอฟฟี่เมท แล้วก็ไม่ค่อยอร่อย พวกเราก็เลยดั้นด้นออกไปที่หน้าปากซอย เพราะมันได้บรรยากาศอินเดี๊ย อินเดีย
ออกไปทีต้องบังแดดกันมิดชิดแบบนี้ มิน่า เค้าถึงเรียกว่า "อาบัง"
ถึงปากซอย แวะซื้อขนมไปกินกับชา
คนขายกำลังสูบแก๊สต้มชา ด้านซ้ายมือคือ "ส้วม"
ที่ร้านก็มีของว่างให้กินกับชาด้วย คุณลุงคนขายเห็นพวกเราแล้วยิ้มเลย ลุงขายชาแต่พอพูดอังกฤษได้ ชอบชวนคุย บางทีก็แถมขนมให้กิน
ขนมของเค้าก็จะมีหอมทอด เรียกว่า onion pokolar ไม่รู้สะกดยังไงนะคะ เขียนออกเสียงตามที่คุณลุงบอก
อันนี้ข้างนอกเหมือนซาลาเปาทอด ข้างในเป็นมันกับถั่ว และเครื่องเทศบดรวมกันแล้วเอาไปทอด ลุงเรียกว่า วัลลาเปา
ชาต้มใหม่ ๆ
ได้แล้ว เข้มข้น หอมมัน แก้วละ 5 รูปี เนื่องจากราคาถูกมาก เพื่อน ๆ ก็มักจะเลี้ยงกัน แล้วก็เอาขนมขบเคี้ยวที่ตัวเองมี มาแบ่งกันกิน นั่งกันริมถนน บางทีก็มีวัวเดินผ่าน
บางวันไปถึงของทอดหมด ลุงก็รีบเอาใจ ทำให้ใหม่เลย เราก็ไปช่วยเค้าทำ เพื่อนช่วยหั่นหอม
เด็กในร้านผสมแป้ง
ตั้งกระทะเตรียมทอด
ทอดๆๆ ที่เห็นผู้หญิงข้าง ๆ กระทะนั่นเป็นเพื่อนที่ไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ภรรยาคนขาย
เพื่อนแอบสำรวจเครื่องปรุง มีชูรสด้วย ชูรสเม็ดโตมาก
ที่ทอดเสร็จแล้วไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะพอทอดเสร็จก็กินกันหมดเกลี้ยง ที่นี่เค้าจะกินกับพริกขี้หนูทอดด้วยค่ะเพื่อความแซ่บ
ค่ำ ๆ บางทีก็ออกไปกินข้าวข้างนอก ร้านนี้อยู่ปากซอยเลย เป็นร้านอาหารจีน อยู่ก่อนถึงร้านชา ไปถึงก็มืดแล้ว มีจุดตะเกียงที่หน้าร้าน และคนขายต้องทำอาหารในความมืด
คนขายหน้าตาโหดทีเดียว แต่พอคุยด้วยแล้วก็ตลกดี ให้มาคนเดียวก็ไม่กล้ามาค่ะ เพราะสภาพร้านค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกัน บวกกับคนขายหนวดเฟิ้ม ๆ แล้วด้วย
วันนี้อยากกินไข่เจียวกันมาก เลยขอเค้าเจียวเอง สื่อสารกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ พอรู้ว่าจะขอทำเอง เค้าหัวเราะกันใหญ่เลย ให้เพื่อนเป็นแม่ครัวค่ะ
ได้มาแล้ว ไข่เจียวที่ไม่ได้กินมานาน ในร้านมืดมากนะคะ เพราะอยู่ริมถนน ไฟทางไม่ค่อยจะมี
ซุปไก่ รสออกเปรี้ยวๆ เผ็ด ๆ
เครื่องปรุง ที่นี่ไม่มีจิ๊กโฉ่ว มีซีอิ๊วดำ และ พริก
ข้าวผัดแมนจูเลียน หน้าตาดีรสชาติใช้ได้ กินข้าวผัดกับไข่เจียวก็อร่อยแล้ว
อันนี้จำชื่อไม่ได้ เป็นผักบดทอดแล้วผัดกับซอสอีกที เผ็ด และ ไม่อร่อย
ราคาจำไม่ได้นะคะ ประมาณร้อยกว่ารูปี แต่ไปครั้งเดียว เพราะอาหารจีนที่นี่ลองมาหลายร้านแล้ว เผ็ดมาก เผ็ดโดด ๆ กินแล้วทรมานมากแล้วไม่อร่อยด้วยค่ะที่สำคัญชูรสเยอะมาก ๆ
ไปเดินตลาดกันต่อ วันนี้เพื่อน ๆ อยากไปซื้อผ้า ผ้าที่นี่ จะเป็นเหมือนชุดกึ่งสำเร็จรูป แบ่งเป็นเสื้อ กางเกง และ ผ้าพันคอ เสื้อตัวยาวเกือบเข่า กางเกงก็แล้วแต่เราเลือกทรง เป็นแบบพอง ๆ หรือขาลีบก็ได้ ขายเป็นชุด ชุดนึงราคาประมาณ 350-900 รูปี ที่โรงเรียนมีคนรับตัด คิดชุดละ 200 รูปี เพื่อน ๆ มีตัดชุดกันเอาไว้ใส่ที่โน่นแต่เราไม่ได้ตัดมาเพราะไม่รู้ว่ากลับมาแล้วจะเอาไปใส่ที่ไหน แต่ชอบไปช่วยเค้าเลือกผ้า
บรรยากาศหน้าร้านผ้า
เลือกผ้าแล้วก็เดินตลาด ที่นี่มีของทอดขายเยอะ โดยเฉพาะซาโมซ่า และ หอมทอด
ในตลาดมีโรงหนังด้วย เห็นคนเฝ้าแล้วใครจะกล้าเข้าไป
ตอนกลางคืนก็มีร้านของทอด ร้านนี้คนซื้อเยอะเลย
น่าร๊ากก
เวลาซื้อของเค้ายังใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออยู่นะคะ อันนี้ซื้อของทอดกลับไปกินที่ห้อง เป็นเจ้าในตลาดตอนกลางวัน
กินกันให้คอแตกไปเลย
มีซือ้ลูกนี่มาจากตลาดด้วยค่ะ ตอนแรกนึกว่าน้อยหน่า
ผ่าออกมาแล้วเป็นอย่างนี้ ใครบอกทีว่ามันลูกอะไร กินแล้วเหมือนมันยังดิบ ๆ บอกไม่ถูก ><
เราก็เลยเมินมัน ไปกินนูเทลล่ากับกล้วยหอมดีกว่า นูเทลล่าที่นั่นหายากมากค่ะ เราเดินทั่วตลาดเจอร้านเดียวที่ขาย ดีใจมาก
รีวิวริมทาง@อินเดีย ภาค 2 พาเที่ยวตลาดกินอาหาร street food ร้านเบเกอรี่ และขนมกรุบกริบของอินเดีย
http://ppantip.com/topic/30250030
ภาค 3
http://ppantip.com/topic/30256578
ภาค 2 มาแล้วค่ะ หลังจากกินอาหารเพื่อสุขภาพกันแล้ว วันนี้พาไปตลาดไปกิน street food และ ขนมกรุบกริบ กัน อาหารประเภทนี้ในโรงเรียนไม่มีให้กิน โดยเฉพาะของทอด และ ชา แต่มีขนมขบเคี้ยวประเภทแครกเกอร์หรือคุกกี้ขายค่ะ วันไหนเบื่อ ๆ ก็จะออกไปกินอะไรข้างนอกกัน หรือช่วงบ่าย ๆ ก็ที่ว่างแว๊บ ๆ ก็จะแอบออกไปกินจัย หรือชาใส่นมกันที่ริมถนน
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ว่าเป็นเมืองที่คนอินเดียเค้าชอบมาตากอากาศกัน เราเดินกันกี่ที ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้ามาตากอากาศอะไรกัน เพราะเป็นเมืองที่มีแต่ฝุ่น ทะเลหรือก็ไม่มี แถมอากาศก็ร้อนเปรี้ยง ความเจริญก็มีเท่าที่เห็นนี่แหละค่ะ ตลาดก็มีอยู่แห่งเดียว
เวลาเรียกตุ๊ก ๆ ก็ต้องงอนง้อกันราวกับเป็นแฟนกันเลยทีเดียว การสนทนามักเป็นดังนี้
"ไปตลาด"
"ตลาดเหรอ มากันตั้งห้าคน หกสิบ"
"โว้ย ก็เมื่อวานไปสี่สิบ จำไม่ได้เหรอไง"
"ไม่ได้ เมื่อวานสามคน วันนี้ห้าคนต้องหกสิบ"
"งั้นไม่ไป ชั้นเดินไปกันเองได้" ว่าแล้วก็จะสะบัดหน้าราวกับงอนแฟน เดินตุ๊บตั๊บ ๆ ไปกันอย่างงอน ๆ แต่สายตาจะแอบมอง ว่าเค้าตามมาง้อหรือไม่
ซักพักผู้ชายจะตามมาง้อ
"อ๊ะ ๆ สี่สิบก้อด๊ะ"
นั่ง ๆ อยู่บางทีก็มีคนกระโดดขึ้นมานั่งคู่คนขับ ขอติดรถไปด้วย
หรือถ้าช่วงการจราจรติดขัด เค้าก็จะส่งที่ทางรถไฟ ที่อยู่ตรงข้ามตลาด เราก็จะข้ามสะพานลอยไปลงตรงตลาดพอดี
ในรูปคือตลาด ถ่ายจากบนสะพานลอย
มีแผงขายของบนสะพานลอยเหมือนบ้านเรา
มีอนุสาวรีย์ด้วย
ร้านนี้ขายแป้งสด ๆ ออกจากเครื่อง
เข้าซอกเข้าซอย ไปเดินตลาดบ้าง ตรงนี้เราเรียกว่าปากคลองตลาด
สภาพเค้าเหมือนจริง ๆ
กินขนมมั๊ย
เลือกมาซักถุง เลย์รสนี้อร่อยมากเลยค่ะ ที่โน่นไม่มีแผ่นเรียบ มีแต่แผ่นหยัก
อันนี้กินไปเยอะแล้ว รสออกเปรี้ยวนิด ๆ กินได้เพลิน ๆ หมดถุงเลย
อันนี้ของโปรด เป็นคุกกี้ชอกโกแลตชิพ พอจะชดเชยชิพอฮอยได้อยู่บ้าง เพื่อน ๆ ก็ชอบกินค่ะ ขนมเค้าราคาไม่แพง ประมาณห่อละ 20 รูปี อย่างเลย์ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็ของเค้าถูกกว่าเพราะถุงใหญ่ 20 รูปีก็ประมาณ 11-12 บาท
เห็นเป็นของอินเดีย รสชาติและหน้าตาไม่แย่นะคะ อร่อยทีเดียว
มาเมืองแขกต้องกินถั่ว
ของโปรดอีกอัน รสชาติประมาณนิสชินบัตเตอร์โคโคนัทแต่ไม่มีรสมะพร้าว หวาน ๆ กรอบ ๆ เพื่อนญี่ปุ่นซื้อให้กินหนนึงแล้วก็ติดใจ
มีขนมกรุบกริบแล้วก็ต้องมีชา ที่นี่ชาใส่นมเรียกว่าจัย มีขายทั่วไป ในโรงเรียนก็มีขายถ้วยละ 10 รูปี แต่ว่าเค้าใส่คอฟฟี่เมท แล้วก็ไม่ค่อยอร่อย พวกเราก็เลยดั้นด้นออกไปที่หน้าปากซอย เพราะมันได้บรรยากาศอินเดี๊ย อินเดีย
ออกไปทีต้องบังแดดกันมิดชิดแบบนี้ มิน่า เค้าถึงเรียกว่า "อาบัง"
ถึงปากซอย แวะซื้อขนมไปกินกับชา
คนขายกำลังสูบแก๊สต้มชา ด้านซ้ายมือคือ "ส้วม"
ที่ร้านก็มีของว่างให้กินกับชาด้วย คุณลุงคนขายเห็นพวกเราแล้วยิ้มเลย ลุงขายชาแต่พอพูดอังกฤษได้ ชอบชวนคุย บางทีก็แถมขนมให้กิน
ขนมของเค้าก็จะมีหอมทอด เรียกว่า onion pokolar ไม่รู้สะกดยังไงนะคะ เขียนออกเสียงตามที่คุณลุงบอก
อันนี้ข้างนอกเหมือนซาลาเปาทอด ข้างในเป็นมันกับถั่ว และเครื่องเทศบดรวมกันแล้วเอาไปทอด ลุงเรียกว่า วัลลาเปา
ชาต้มใหม่ ๆ
ได้แล้ว เข้มข้น หอมมัน แก้วละ 5 รูปี เนื่องจากราคาถูกมาก เพื่อน ๆ ก็มักจะเลี้ยงกัน แล้วก็เอาขนมขบเคี้ยวที่ตัวเองมี มาแบ่งกันกิน นั่งกันริมถนน บางทีก็มีวัวเดินผ่าน
บางวันไปถึงของทอดหมด ลุงก็รีบเอาใจ ทำให้ใหม่เลย เราก็ไปช่วยเค้าทำ เพื่อนช่วยหั่นหอม
เด็กในร้านผสมแป้ง
ตั้งกระทะเตรียมทอด
ทอดๆๆ ที่เห็นผู้หญิงข้าง ๆ กระทะนั่นเป็นเพื่อนที่ไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ภรรยาคนขาย
เพื่อนแอบสำรวจเครื่องปรุง มีชูรสด้วย ชูรสเม็ดโตมาก
ที่ทอดเสร็จแล้วไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะพอทอดเสร็จก็กินกันหมดเกลี้ยง ที่นี่เค้าจะกินกับพริกขี้หนูทอดด้วยค่ะเพื่อความแซ่บ
ค่ำ ๆ บางทีก็ออกไปกินข้าวข้างนอก ร้านนี้อยู่ปากซอยเลย เป็นร้านอาหารจีน อยู่ก่อนถึงร้านชา ไปถึงก็มืดแล้ว มีจุดตะเกียงที่หน้าร้าน และคนขายต้องทำอาหารในความมืด
คนขายหน้าตาโหดทีเดียว แต่พอคุยด้วยแล้วก็ตลกดี ให้มาคนเดียวก็ไม่กล้ามาค่ะ เพราะสภาพร้านค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกัน บวกกับคนขายหนวดเฟิ้ม ๆ แล้วด้วย
วันนี้อยากกินไข่เจียวกันมาก เลยขอเค้าเจียวเอง สื่อสารกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ พอรู้ว่าจะขอทำเอง เค้าหัวเราะกันใหญ่เลย ให้เพื่อนเป็นแม่ครัวค่ะ
ได้มาแล้ว ไข่เจียวที่ไม่ได้กินมานาน ในร้านมืดมากนะคะ เพราะอยู่ริมถนน ไฟทางไม่ค่อยจะมี
ซุปไก่ รสออกเปรี้ยวๆ เผ็ด ๆ
เครื่องปรุง ที่นี่ไม่มีจิ๊กโฉ่ว มีซีอิ๊วดำ และ พริก
ข้าวผัดแมนจูเลียน หน้าตาดีรสชาติใช้ได้ กินข้าวผัดกับไข่เจียวก็อร่อยแล้ว
อันนี้จำชื่อไม่ได้ เป็นผักบดทอดแล้วผัดกับซอสอีกที เผ็ด และ ไม่อร่อย
ราคาจำไม่ได้นะคะ ประมาณร้อยกว่ารูปี แต่ไปครั้งเดียว เพราะอาหารจีนที่นี่ลองมาหลายร้านแล้ว เผ็ดมาก เผ็ดโดด ๆ กินแล้วทรมานมากแล้วไม่อร่อยด้วยค่ะที่สำคัญชูรสเยอะมาก ๆ
ไปเดินตลาดกันต่อ วันนี้เพื่อน ๆ อยากไปซื้อผ้า ผ้าที่นี่ จะเป็นเหมือนชุดกึ่งสำเร็จรูป แบ่งเป็นเสื้อ กางเกง และ ผ้าพันคอ เสื้อตัวยาวเกือบเข่า กางเกงก็แล้วแต่เราเลือกทรง เป็นแบบพอง ๆ หรือขาลีบก็ได้ ขายเป็นชุด ชุดนึงราคาประมาณ 350-900 รูปี ที่โรงเรียนมีคนรับตัด คิดชุดละ 200 รูปี เพื่อน ๆ มีตัดชุดกันเอาไว้ใส่ที่โน่นแต่เราไม่ได้ตัดมาเพราะไม่รู้ว่ากลับมาแล้วจะเอาไปใส่ที่ไหน แต่ชอบไปช่วยเค้าเลือกผ้า
บรรยากาศหน้าร้านผ้า
เลือกผ้าแล้วก็เดินตลาด ที่นี่มีของทอดขายเยอะ โดยเฉพาะซาโมซ่า และ หอมทอด
ในตลาดมีโรงหนังด้วย เห็นคนเฝ้าแล้วใครจะกล้าเข้าไป
ตอนกลางคืนก็มีร้านของทอด ร้านนี้คนซื้อเยอะเลย
น่าร๊ากก
เวลาซื้อของเค้ายังใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออยู่นะคะ อันนี้ซื้อของทอดกลับไปกินที่ห้อง เป็นเจ้าในตลาดตอนกลางวัน
กินกันให้คอแตกไปเลย
มีซือ้ลูกนี่มาจากตลาดด้วยค่ะ ตอนแรกนึกว่าน้อยหน่า
ผ่าออกมาแล้วเป็นอย่างนี้ ใครบอกทีว่ามันลูกอะไร กินแล้วเหมือนมันยังดิบ ๆ บอกไม่ถูก ><
เราก็เลยเมินมัน ไปกินนูเทลล่ากับกล้วยหอมดีกว่า นูเทลล่าที่นั่นหายากมากค่ะ เราเดินทั่วตลาดเจอร้านเดียวที่ขาย ดีใจมาก