นอนนึกเล่นมาก็หลายคืนละ เพ้อเจ้อหน่อยนะครับ
หรือเป็นเพียงการระเบิดของพลุชนิดหนึ่ง ซึ่งใครก็ไม่รู้เป็คนจุดใว้ อำนาจการระเบิดเพียงพอให้เกิดสะเก็ดไฟ
นับล้านๆดวงขึ้น กระจัดกระจายออกไปทั่วทิศทาง โดยที่มีสะเก็ดที่ไม่ลุกเป็นไฟกระเด็นออกมาล้อมรอบสะเก็ดไฟ(ดาวเคราะห์)
โดยดวงอาทิตย์แต่ละดวงก็คือสะเก็ดไฟเป็นล้านๆดวงนั่นเอง... หลายดวงจุดลุกเป็นไฟส่องสว่างนานหลายล้านปี แล้วก็ดับไป
หลายดวงเพิ่งจะลุกเป็นไฟ และหลายดวงกำลังจะมอดดับ
ช่วงเวลาเพียงพลุระเบิดนั้นเอง เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่ากาลเวลาในอีกมิติหนึ่ง
ถ้ามองรัศมีการระเบิดพลุบ้านๆแบบที่เราจุด อาจจะเพียงไม่กี่ 10เมตร แต่มิติของพลุนั้น ดวงไฟแต่ละดวงอาจจะไกลจน
ไม่อาจจะจินตนาการได้ และแน่นอนมิตินั้นกาลเวลาก็คงจะยาวนานเหมือนกัน
กาลเวลาที่ยาวนานของการระเบิด,การกระจัดกระจาย,การเกิดและดับของดวงไฟต่างๆ มันนานเพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดที่ไม่ติดไฟ
หรืออะไรก็แล้วแต่ ถูกดึงดูดโดยลูกไฟที่อยู่ใกล้ กลายเป็นระบบสุริยะ ที่มีดาวเคราะห์คอยหมุนวนรอบดวงอาทิตย์
และเพราะก้อนสะเก็ดที่เรียกว่าโลก อยู่ห่างจากดวงอาิทิตย์"พอดี" โลกจึงเหมาะแก่สิ่งมีชีวิต เราจึงได้มาอยู่ ณ.ตรงนี้
"และแน่นอนผมเชื่อว่าสะเก็ดบริวารของลูกไฟดวงอื่นๆมันต้องมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่บังเอิญเกิดมาเหมือนเราแน่ๆ"
มานึกใน scale ที่ใหญ่ขึ้น ลำพังระบบสุริยะของเราเอง ยังไม่มีปัญญาจะออกไปสำรวจในอานาคตโดยง่าย ที่ไหนได้ มีลูกไฟ
แบบเดียวกับดวงอาทิตย์ของเราเป็นล้านๆลูก ที่กำลังส่องแสงอยู่ การที่เราจะออกไปสำรวจช่างเป็นระยะทางที่ไม่อาจจะฝันได้เลย
มอง scale ให้ใหญ่ขึ้นอีก ไอ้ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด เป็นเพียงการระเบิดของพลุในอีกมิติหนึ่ง ตูม....วาบ.....หาย แค่เนี๊ยะ!!!!!!
มอง scale ให้ใหญ่ขึ้นอีก มองไปที่สนามหญ้าที่มีกระบอกพลุลูกอื่นๆที่ยังไม่ได้จุดเป็นร้อย!!!!!!!!
(หลับตานึกถึงพลุจุดมังกรสุพรรณบุรีละกัน)
หรือ.... เอกภพเป็นเพียงอีกมิติของพลุนั้น และเราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในวัฏจักรของพลุนั้นเอง
............. นึกแล้วเหนื่อยนะครับ ข้องนอกนั่นมันจะมีอะไรอีก ...............
ปล.ผมหลับถึงตรงนี้ทุกทีครับ ^^
ขอบคุณที่อ่านครับ
หรือเอกภพนี้เป็นเพียง.....
หรือเป็นเพียงการระเบิดของพลุชนิดหนึ่ง ซึ่งใครก็ไม่รู้เป็คนจุดใว้ อำนาจการระเบิดเพียงพอให้เกิดสะเก็ดไฟ
นับล้านๆดวงขึ้น กระจัดกระจายออกไปทั่วทิศทาง โดยที่มีสะเก็ดที่ไม่ลุกเป็นไฟกระเด็นออกมาล้อมรอบสะเก็ดไฟ(ดาวเคราะห์)
โดยดวงอาทิตย์แต่ละดวงก็คือสะเก็ดไฟเป็นล้านๆดวงนั่นเอง... หลายดวงจุดลุกเป็นไฟส่องสว่างนานหลายล้านปี แล้วก็ดับไป
หลายดวงเพิ่งจะลุกเป็นไฟ และหลายดวงกำลังจะมอดดับ
ช่วงเวลาเพียงพลุระเบิดนั้นเอง เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่ากาลเวลาในอีกมิติหนึ่ง
ถ้ามองรัศมีการระเบิดพลุบ้านๆแบบที่เราจุด อาจจะเพียงไม่กี่ 10เมตร แต่มิติของพลุนั้น ดวงไฟแต่ละดวงอาจจะไกลจน
ไม่อาจจะจินตนาการได้ และแน่นอนมิตินั้นกาลเวลาก็คงจะยาวนานเหมือนกัน
กาลเวลาที่ยาวนานของการระเบิด,การกระจัดกระจาย,การเกิดและดับของดวงไฟต่างๆ มันนานเพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดที่ไม่ติดไฟ
หรืออะไรก็แล้วแต่ ถูกดึงดูดโดยลูกไฟที่อยู่ใกล้ กลายเป็นระบบสุริยะ ที่มีดาวเคราะห์คอยหมุนวนรอบดวงอาทิตย์
และเพราะก้อนสะเก็ดที่เรียกว่าโลก อยู่ห่างจากดวงอาิทิตย์"พอดี" โลกจึงเหมาะแก่สิ่งมีชีวิต เราจึงได้มาอยู่ ณ.ตรงนี้
"และแน่นอนผมเชื่อว่าสะเก็ดบริวารของลูกไฟดวงอื่นๆมันต้องมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่บังเอิญเกิดมาเหมือนเราแน่ๆ"
มานึกใน scale ที่ใหญ่ขึ้น ลำพังระบบสุริยะของเราเอง ยังไม่มีปัญญาจะออกไปสำรวจในอานาคตโดยง่าย ที่ไหนได้ มีลูกไฟ
แบบเดียวกับดวงอาทิตย์ของเราเป็นล้านๆลูก ที่กำลังส่องแสงอยู่ การที่เราจะออกไปสำรวจช่างเป็นระยะทางที่ไม่อาจจะฝันได้เลย
มอง scale ให้ใหญ่ขึ้นอีก ไอ้ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด เป็นเพียงการระเบิดของพลุในอีกมิติหนึ่ง ตูม....วาบ.....หาย แค่เนี๊ยะ!!!!!!
มอง scale ให้ใหญ่ขึ้นอีก มองไปที่สนามหญ้าที่มีกระบอกพลุลูกอื่นๆที่ยังไม่ได้จุดเป็นร้อย!!!!!!!!
(หลับตานึกถึงพลุจุดมังกรสุพรรณบุรีละกัน)
หรือ.... เอกภพเป็นเพียงอีกมิติของพลุนั้น และเราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในวัฏจักรของพลุนั้นเอง
............. นึกแล้วเหนื่อยนะครับ ข้องนอกนั่นมันจะมีอะไรอีก ...............
ปล.ผมหลับถึงตรงนี้ทุกทีครับ ^^
ขอบคุณที่อ่านครับ