ฉบับที่แล้วกล่าวถึงหลายคนมุ่งมั่นทำงานหาเงินเพื่อที่จะทำเงินได้มากๆโดยหวังว่าวันหนึ่งได้เงินมามากพอแล้ว เงินเหล่านั้นจะทำให้เรามี”ความสุข” แต่แท้จริงความสุขที่ใช้เงินซื้อหามาเหล่านั้นกลับเป็นแค่ความสุขเพียงชั่วคราวและสุดท้ายชีวิตของเราก็กลับไปมีความทุกข์เช่นเดิมต่อไป จะเห็นว่าวัตถุสิ่งของไม่ได้ทำให้เรามี”ความสุขที่แท้จริง”ได้ แล้วอะไรจะทำให้มีความสุขได้จริงๆ
มีการวิจัยจำนวนมากในปัจจุบันที่มุ่งเน้นถึงการค้นหาว่าความสุขของผู้คนจริงๆแล้วอยู่ที่ปัจจัยอะไรบ้าง นักวิจัยเหล่านี้เรียกผลงานของพวกเขาว่าเป็น”เศรษฐศาตร์แห่งความสุข” (Happiness Economics) ผลงานเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ตามมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ จากการสำรวจพบว่าผู้คนมักให้ความสำคัญกับเงินเป็นประเด็นหลักในการทำแบบสอบถาม แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดโดยให้มูลค่าของปัจจัยอื่นๆนอกเหนือจากเงินจะพบว่ามีสิ่งอื่นๆที่ถ้าขาดหายไปจะทำให้”ความสุข”ของผู้คนลดลงมากกว่ามูลค่าของเงิน
จะขออธิบายปัจจัยต่างๆเหล่านั้นตามลำดับดังนี้
ปัจจัยแรกคือสุขภาพ ผู้คนมักไม่ค่อยคิดถึงสุขภาพมากมักเพราะปัจจุบันเรายังมีสุขภาพที่ดี ทำให้เรานึกไม่ออกว่าถ้าเราเกิดป่วยหรือสุขภาพไม่ดีขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงเราเห็นผู้คนจำนวนมากเกิดป่วยขึ้นมาอย่างกระทันหันหรือไม่ได้ตั้งตัวจำนวนมาก หลายคนทำงานมุ่งมั่นหาเงินด้วยความเคร่งเครียดก่อนที่จะค้นพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งร้ายโดยไม่รู้ตัวมาก่อน หรือหลายคนคิดว่าความโชคร้ายเช่นนั้นคงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตนเองซึ่งเป็นการคิดเข้าข้างตนเองมากกว่าที่จะเป็นความจริง นักเศรษฐศาตร์แห่งความสุขทำการวิจัยโดยให้ผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์ตอบแบบสอบถามว่าสมมุติให้คะแนนความสุขระดับหนึ่งถึงสิบ ถ้าเกิดสุขภาพไม่ดีขึ้นมา (ลดลงหนึ่งในห้าหรือ 20 เปอร์เซนต์) ความสุขจะลดลงไปเท่าไหร่ พบว่าผลเฉลี่ยของความสุขจะลดลงไป 6 จาก 10 เหลือความสุขแค่ 4 คะแนน ขณะที่แบบสอบถามถามว่าถ้ารายได้ลดลงไปหนึ่งในสามหรือลดลง 33 เปอร์เซนต์ ความสุขจะลดลงไปเท่าไหร่ ผลจากการสำรวจพบว่าความสุขลดลงไป 2 ระดับยังเหลือความสุข 8 คะแนน แสดงให้เห็นว่าถ้ามีการวัดความสำคัญของปัจจัยต่างๆแล้ว สุขภาพสำคัญกว่าเงินสำหรับคนส่วนใหญ่แต่เรามักมองไม่เห็นความสำคัญ
ทุกคนทราบว่าการรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ทั้งๆที่การออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นแค่ทำต่อเนื่องวันละครึ่งชั่วโมงทุกๆวันก็เพียงพอ หลายคนซื้อเครื่องออกกำลังกายอย่างลู่วิ่งหรือจักรยานออกกำลังกายไว้ที่บ้าน แต่เวลาผ่านไปเครื่องมือออกกำลังกายเหล่านั้นกลับกลายเป็นที่ตากผ้าหรือแขวนผ้าเช็ดตัวไปอย่างน่าเสียดาย การอ้างว่าไม่มีเวลานั้นเป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้นเองเพราะถ้าเราคิดว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญ เราจะให้เวลากับสิ่งนั้นก่อนเสมอ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ออกกำลังกายนั้นเพราะคิดว่าไม่ใช้เรื่องเร่งด่วน การที่เราดำเนินกิจกรรมไปโดยไม่ได้ออกกำลังนั้นไม่ได้เป็นเรื่องขอขาดบาดตาย เพราะเรายังคงมีชีวิตอยู่ตามปกติไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจากการขาดการออกกำลังจะค่อยๆสะสมขึ้นเรื่อยๆจนรักษาได้ยากอย่างความอ้วนหรือไขมันในเลือดเป็นต้น
หรืออย่างเรื่องการพักผ่อน หลายคนนอนไม่หลับทั้งๆที่อยากจะนอนให้หลับทั้งนี้อาจเกิดจากความเครียดในหน้าที่การงานโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่มักเกิดจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับทำให้หลับได้ไม่สนิท หรืออาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไปเช่น ชา กาแฟหรือน้ำอัดลม การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ลดลง โอกาสที่จะเจ็บป่วยทั้งจากเชื้อโรคเช่นโรคหวัดหรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันเช่นมะเร็งมีมากขึ้นตามลำดับ
จะเห็นว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ บางครั้งสำคัญมากกว่าเงินที่มีแต่เรามักมองข้ามไปโดยมุ่งมั่นหาเงินและละเลยเรื่องสุขภาพ จนวันหนึ่งเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเงินเหล่านั้นก็ถูกนำไปรักษาตนเองจ่ายให้กับโรงพยาบาล เสียทั้งเงินและเวลา บางครั้งหลายคนอาจไม่ได้ใช้เงินเหล่านั้นอีกเลยก็เป็นไปได้เพราะทำงานหาเงินจนป่วยและเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรเหมือนตัวอย่างที่เห็นจำนวนมากในสังคมปัจุบัน สำหรับนักลงทุนการมีสุขภาพที่ดีจะช่วยยังไม่ต้องเสียเงินไปจ่ายเป็นค่าหมอและค่ารักษาพยาบาลและเงินลงทุนที่มียังงอกเงยตามระยะเวลาที่มากขึ้นตามสุขภาพที่ดีอีกด้วย
by คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ
แหล่งที่มา ThaiVi Click
ความสุข คือ อะไร ?
ฉบับที่แล้วกล่าวถึงหลายคนมุ่งมั่นทำงานหาเงินเพื่อที่จะทำเงินได้มากๆโดยหวังว่าวันหนึ่งได้เงินมามากพอแล้ว เงินเหล่านั้นจะทำให้เรามี”ความสุข” แต่แท้จริงความสุขที่ใช้เงินซื้อหามาเหล่านั้นกลับเป็นแค่ความสุขเพียงชั่วคราวและสุดท้ายชีวิตของเราก็กลับไปมีความทุกข์เช่นเดิมต่อไป จะเห็นว่าวัตถุสิ่งของไม่ได้ทำให้เรามี”ความสุขที่แท้จริง”ได้ แล้วอะไรจะทำให้มีความสุขได้จริงๆ
มีการวิจัยจำนวนมากในปัจจุบันที่มุ่งเน้นถึงการค้นหาว่าความสุขของผู้คนจริงๆแล้วอยู่ที่ปัจจัยอะไรบ้าง นักวิจัยเหล่านี้เรียกผลงานของพวกเขาว่าเป็น”เศรษฐศาตร์แห่งความสุข” (Happiness Economics) ผลงานเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ตามมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ จากการสำรวจพบว่าผู้คนมักให้ความสำคัญกับเงินเป็นประเด็นหลักในการทำแบบสอบถาม แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดโดยให้มูลค่าของปัจจัยอื่นๆนอกเหนือจากเงินจะพบว่ามีสิ่งอื่นๆที่ถ้าขาดหายไปจะทำให้”ความสุข”ของผู้คนลดลงมากกว่ามูลค่าของเงิน
จะขออธิบายปัจจัยต่างๆเหล่านั้นตามลำดับดังนี้
ปัจจัยแรกคือสุขภาพ ผู้คนมักไม่ค่อยคิดถึงสุขภาพมากมักเพราะปัจจุบันเรายังมีสุขภาพที่ดี ทำให้เรานึกไม่ออกว่าถ้าเราเกิดป่วยหรือสุขภาพไม่ดีขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงเราเห็นผู้คนจำนวนมากเกิดป่วยขึ้นมาอย่างกระทันหันหรือไม่ได้ตั้งตัวจำนวนมาก หลายคนทำงานมุ่งมั่นหาเงินด้วยความเคร่งเครียดก่อนที่จะค้นพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งร้ายโดยไม่รู้ตัวมาก่อน หรือหลายคนคิดว่าความโชคร้ายเช่นนั้นคงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตนเองซึ่งเป็นการคิดเข้าข้างตนเองมากกว่าที่จะเป็นความจริง นักเศรษฐศาตร์แห่งความสุขทำการวิจัยโดยให้ผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์ตอบแบบสอบถามว่าสมมุติให้คะแนนความสุขระดับหนึ่งถึงสิบ ถ้าเกิดสุขภาพไม่ดีขึ้นมา (ลดลงหนึ่งในห้าหรือ 20 เปอร์เซนต์) ความสุขจะลดลงไปเท่าไหร่ พบว่าผลเฉลี่ยของความสุขจะลดลงไป 6 จาก 10 เหลือความสุขแค่ 4 คะแนน ขณะที่แบบสอบถามถามว่าถ้ารายได้ลดลงไปหนึ่งในสามหรือลดลง 33 เปอร์เซนต์ ความสุขจะลดลงไปเท่าไหร่ ผลจากการสำรวจพบว่าความสุขลดลงไป 2 ระดับยังเหลือความสุข 8 คะแนน แสดงให้เห็นว่าถ้ามีการวัดความสำคัญของปัจจัยต่างๆแล้ว สุขภาพสำคัญกว่าเงินสำหรับคนส่วนใหญ่แต่เรามักมองไม่เห็นความสำคัญ
ทุกคนทราบว่าการรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ทั้งๆที่การออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นแค่ทำต่อเนื่องวันละครึ่งชั่วโมงทุกๆวันก็เพียงพอ หลายคนซื้อเครื่องออกกำลังกายอย่างลู่วิ่งหรือจักรยานออกกำลังกายไว้ที่บ้าน แต่เวลาผ่านไปเครื่องมือออกกำลังกายเหล่านั้นกลับกลายเป็นที่ตากผ้าหรือแขวนผ้าเช็ดตัวไปอย่างน่าเสียดาย การอ้างว่าไม่มีเวลานั้นเป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้นเองเพราะถ้าเราคิดว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นสิ่งสำคัญ เราจะให้เวลากับสิ่งนั้นก่อนเสมอ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ออกกำลังกายนั้นเพราะคิดว่าไม่ใช้เรื่องเร่งด่วน การที่เราดำเนินกิจกรรมไปโดยไม่ได้ออกกำลังนั้นไม่ได้เป็นเรื่องขอขาดบาดตาย เพราะเรายังคงมีชีวิตอยู่ตามปกติไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจากการขาดการออกกำลังจะค่อยๆสะสมขึ้นเรื่อยๆจนรักษาได้ยากอย่างความอ้วนหรือไขมันในเลือดเป็นต้น
หรืออย่างเรื่องการพักผ่อน หลายคนนอนไม่หลับทั้งๆที่อยากจะนอนให้หลับทั้งนี้อาจเกิดจากความเครียดในหน้าที่การงานโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่มักเกิดจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับทำให้หลับได้ไม่สนิท หรืออาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไปเช่น ชา กาแฟหรือน้ำอัดลม การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ลดลง โอกาสที่จะเจ็บป่วยทั้งจากเชื้อโรคเช่นโรคหวัดหรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันเช่นมะเร็งมีมากขึ้นตามลำดับ
จะเห็นว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ บางครั้งสำคัญมากกว่าเงินที่มีแต่เรามักมองข้ามไปโดยมุ่งมั่นหาเงินและละเลยเรื่องสุขภาพ จนวันหนึ่งเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเงินเหล่านั้นก็ถูกนำไปรักษาตนเองจ่ายให้กับโรงพยาบาล เสียทั้งเงินและเวลา บางครั้งหลายคนอาจไม่ได้ใช้เงินเหล่านั้นอีกเลยก็เป็นไปได้เพราะทำงานหาเงินจนป่วยและเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรเหมือนตัวอย่างที่เห็นจำนวนมากในสังคมปัจุบัน สำหรับนักลงทุนการมีสุขภาพที่ดีจะช่วยยังไม่ต้องเสียเงินไปจ่ายเป็นค่าหมอและค่ารักษาพยาบาลและเงินลงทุนที่มียังงอกเงยตามระยะเวลาที่มากขึ้นตามสุขภาพที่ดีอีกด้วย
by คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ
แหล่งที่มา ThaiVi Click