ผู้บริหารพีพีซีฯรับทราบข้อหาฉ้อโกง 7 มี.ค. ดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อหาแยกรายคดี
ผู้บริหารพีพีซีฯ เตรียมเข้ารับทราบข้อหาฉ้อโกงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ วันที่ 7 มี.ค.นี้ ดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อหาแยกรายคดี
ล่าสุดมีผู้รับเหมาช่วงเข้าร้องทุกข์แล้ว 20 คดี
เมื่อวันนี้ (4 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล) และคดีฉ้อโกงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง วงเงิน 5,848 ล้านบาท ว่าล่าสุดดีเอสไอได้รับการติดต่อจาก
ผู้บริหารบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ว่ากรรมการผู้มีอำนาจของบริษัททั้ง 3 ราย ประกอบด้วยน
ายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล นายจาตุรงค์ อุดมสิทธิกุล และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ จะเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ เวลา 9.30 น. ส่วนคดีฮั้วประมูลคณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมสรุปสำนวนเพื่อเรียบเรียงเอกสารหลักฐานส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน ปปช. ภายในวันที่ 6 มี.ค.นี้
ด้านพ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เปิดเผยว่าภายหลังได้รับการติดต่อจากบริษัท พีซีซีฯ ดีเอสไอได้เตรียมพร้อมในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาแก่กรรมการบริษัท พีซีซีฯโดยคดีฉ้อโกงจะแยกกล่าวหาเป็นรายคดี ตามที่ผู้รับเหมาช่วงในฐานะผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดย
ขณะนี้มีผู้รับเหมาช่วงเข้าร้องทุกข์แล้ว 20 ราย จึงต้องแจ้งข้องกล่าวหารวม 20 กรรม โดยคดีฉ้อโกงมีอัตราโทษจำคุก
กรรมละ 3 ปี หลังจากนี้ดีเอสไอจะรอฟังผลการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ว่าจะมีมติต่อสัญญาขยายเวลาการก่อสร้างให้บริษัท พีซีซีฯ ตามที่ร้องขอหรือจะตัดสินใจยกเลิกสัญญาทันที หากมีมติให้ยกเลิกสัญญาดีเอสไอจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับบริษัท พีซีซีฯ ตามพ.รบ.ฮั้วประมูล เนื่องจาก
เป็นการประมูลที่เสนอราคาต่ำผิดปกติและผู้ชนะการประมูลไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับ
คดีฮั้วประมูลหลักฐานค่อนข้างชัดเจนถึงการเข้ามาล้วงลูก แทรกแซงของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้แยกการประมูลเป็นรายภาค ซึ่ง
ต่อมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้ดุลยพินิจอนุมัติให้ประมูลแบบแยกประมูล แล้วมีคำสั่งยกเลิกก่อนจะอนุมัติให้ประมูลแบบรวมสัญญาเดียว ซึ่ง
การกระทำดังกล่าวส่อให้เห็นถึงการใช้ดุลยพินิจกลับไปกลับมาโดยไม่อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย
ที่มา...เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/crime/188316
???????????????????????????????????
".......
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับคดีฮั้วประมูล
หลักฐานค่อนข้างชัดเจนถึงการเข้ามาล้วงลูก แทรกแซงของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้แยกการประมูลเป็นรายภาค ซึ่งต่อมา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้ดุลยพินิจอนุมัติให้ประมูลแบบแยกประมูล แล้วมีคำสั่งยกเลิกก่อนจะอนุมัติให้ประมูลแบบรวมสัญญาเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าว
ส่อให้เห็นถึงการใช้ดุลยพินิจกลับไปกลับมาโดยไม่อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย
งบไทยเข้มแข็ง
แล้วใครเข้มแข็งล่ะ....หุยฮา....
ผู้บริหารพีพีซีฯรับทราบข้อหาฉ้อโกง 7 มี.ค. ดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อหาแยกรายคดี...มันก็เป็นไปตามนั้นด้วยตัวของมันเอง อาเมน
ผู้บริหารพีพีซีฯ เตรียมเข้ารับทราบข้อหาฉ้อโกงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ วันที่ 7 มี.ค.นี้ ดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อหาแยกรายคดี ล่าสุดมีผู้รับเหมาช่วงเข้าร้องทุกข์แล้ว 20 คดี
เมื่อวันนี้ (4 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ(ฮั้วประมูล) และคดีฉ้อโกงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง วงเงิน 5,848 ล้านบาท ว่าล่าสุดดีเอสไอได้รับการติดต่อจากผู้บริหารบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ว่ากรรมการผู้มีอำนาจของบริษัททั้ง 3 ราย ประกอบด้วยนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล นายจาตุรงค์ อุดมสิทธิกุล และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ จะเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ เวลา 9.30 น. ส่วนคดีฮั้วประมูลคณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมสรุปสำนวนเพื่อเรียบเรียงเอกสารหลักฐานส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน ปปช. ภายในวันที่ 6 มี.ค.นี้
ด้านพ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เปิดเผยว่าภายหลังได้รับการติดต่อจากบริษัท พีซีซีฯ ดีเอสไอได้เตรียมพร้อมในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาแก่กรรมการบริษัท พีซีซีฯโดยคดีฉ้อโกงจะแยกกล่าวหาเป็นรายคดี ตามที่ผู้รับเหมาช่วงในฐานะผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยขณะนี้มีผู้รับเหมาช่วงเข้าร้องทุกข์แล้ว 20 ราย จึงต้องแจ้งข้องกล่าวหารวม 20 กรรม โดยคดีฉ้อโกงมีอัตราโทษจำคุก กรรมละ 3 ปี หลังจากนี้ดีเอสไอจะรอฟังผลการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ว่าจะมีมติต่อสัญญาขยายเวลาการก่อสร้างให้บริษัท พีซีซีฯ ตามที่ร้องขอหรือจะตัดสินใจยกเลิกสัญญาทันที หากมีมติให้ยกเลิกสัญญาดีเอสไอจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับบริษัท พีซีซีฯ ตามพ.รบ.ฮั้วประมูล เนื่องจากเป็นการประมูลที่เสนอราคาต่ำผิดปกติและผู้ชนะการประมูลไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับคดีฮั้วประมูลหลักฐานค่อนข้างชัดเจนถึงการเข้ามาล้วงลูก แทรกแซงของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้แยกการประมูลเป็นรายภาค ซึ่งต่อมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้ดุลยพินิจอนุมัติให้ประมูลแบบแยกประมูล แล้วมีคำสั่งยกเลิกก่อนจะอนุมัติให้ประมูลแบบรวมสัญญาเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่อให้เห็นถึงการใช้ดุลยพินิจกลับไปกลับมาโดยไม่อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย
ที่มา...เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/crime/188316
???????????????????????????????????
".......รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับคดีฮั้วประมูล
หลักฐานค่อนข้างชัดเจนถึงการเข้ามาล้วงลูก แทรกแซงของฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้แยกการประมูลเป็นรายภาค ซึ่งต่อมา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้ดุลยพินิจอนุมัติให้ประมูลแบบแยกประมูล แล้วมีคำสั่งยกเลิกก่อนจะอนุมัติให้ประมูลแบบรวมสัญญาเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าว
ส่อให้เห็นถึงการใช้ดุลยพินิจกลับไปกลับมาโดยไม่อยู่ในเกณฑ์ของกฎหมาย
งบไทยเข้มแข็ง
แล้วใครเข้มแข็งล่ะ....หุยฮา....