ถึงจะเลยเวลามานานโขแล้ว แต่ก็กลับมาเจอกับกระทู้ Spoil ราย 2 เดือนกระทู้นี้นะครับ
งวดนี้ช้ากว่าปกติชนิดแทบจะข้ามเดือนกันเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งกับไอ้โน่นไอ้นี่อยู่หลายเรื่อง แถมยังลืมเรื่องที่นิตยสาร Fellows จะปรับโฉมใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นนิตยสารรายเดือน Harta ในเดือนที่แล้ว ทำให้ Otoyomegatari ได้ออกตอนใหม่ในเดือนที่แล้ว ไม่ใช่ในอีก 2 เดือนอย่างทุกทีอีกด้วย ก็เลยช้าซะจนเลยช่วงใหม่มาไกลโขแล้วนี่แหละครับ
ว่าแล้วก็ไปชมเนื้อหา Spoil ตอนใหม่กันได้เลยครับ
ภาพเปิดตอนนี้กับคู่สามีภรรยาตัวอย่างประจำเรื่อง
เปิดตอนมาด้วยฉากยูซูฟ พี่เขยของคาร์ลุคกำลังวัดส่วนสูงให้ลูกๆ ของตัวเองอยู่ ระหว่างที่กำลังวัดส่วนสูงกันอยู่นั้นเอง คาร์ลุคก็เดินผ่านมาพอดี ยูซุฟหันมาเห็นเข้าก็เรียกคาร์ลุคให้มาลองวัดด้วยกันดู และผลก็คือความสูงของคาร์ลุคเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบคืบหนึ่ง สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาลูกๆ ของยูซุฟเป็นอย่างมากจนวิ่งไปตามคนในบ้านคนอื่นมาดูด้วยกัน กลายเป็นเรื่องตื่นเต้นน่ายินดีของบ้านไปเลยที่ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านเติบโตรวดเร็วถึงขนาดนี้ (คุณปู่ของคาร์ลุคยังคอมเมนต์เลยว่า โตเร็วแบบนี้เผลอๆ ซักวันจะสูงกว่าพ่อตัวเองแน่ เพราะถ้าดูตามสายตระกูลแล้ว ทั้งพ่อตลอดจนพวกลุงๆ น้าๆ คนอื่นของคาร์ลุคก็ตัวสูงด้วยกันทั้งนั้น)
ฉากวัดความสูงของคาร์ลุค
แต่คนที่ยินดีที่สุดในครออบครัวก็คืออามีร่านั่นเอง เพราะแทบจะทันทีที่ได้ยินคาร์ลุคบ่นว่าเสื้อตัวเก่าเริ่มจะคับแล้วนั้นเอง หญิงสาวก็กระวีกระวาดขนเอากองผ้าสวยๆ มากมายมาตั้งปึ้งลงตรงหน้าสามี แล้วออกปากถามด้วยสายตาปิ๊งปั๊งอย่างคาดหวังว่าอยากได้เสื้อสีไหน จะเย็บให้ทันทีเลย ทีท่ากระตือรือร้นของภรรยาทำเอาไอ้หนูคาร์ลุคถึงกับชะงักกึกไป ก่อนจะค่อยๆ รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า
"ชุดใหม่ที่จะตัดให้น่ะ...ไม่ต้องปักลายแล้วก็ได้นะ*"
*หมายเหตุ - ชุดที่เด็กในแถบนี้สวมโดยส่วนมากจะเป็นชุดปักลวดลายที่เชื่อว่าเป็นเครื่องรางป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้
ได้ยินสามีพูดดังนั้น อามีร่าก็ถึงกับหุบยิ้มทันควันด้วยความตกใจทันควัน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นลุกลี้ลุกลนด้วยความเป็นห่วงแล้วบอกว่า ถ้าไม่ปักลายเยอะๆ เป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันโรคภัยละก็ เกิดป่วยขึ้นมาแบบคราวนั้น (ในตอนที่ 5) อีกครั้งจะทำยังไง คาร์ลุคก็พยายามอธิบายว่าไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เขาเองก็อายุใกล้จะถึง 13 ไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้ว ขืนใส่เสื้อปักลายเครื่องรางไปตลอดมีหวังโดนหาว่าเป็นเด็กไปตลอดแน่ๆ
แต่อธิบายยังไง อามีร่าก็ไม่ยอมฟังเสียง ดึงดันจะปักลายเครื่องรางให้คาร์ลุคให้ได้ ทำเอาคาร์ลุคถึงกับมึนหัวตึ้บ ครั้นไปขอคำปรึกษาจากพ่อ ก็โดนพ่อกระทืบซ้ำเอาอีกว่า
"ที่เค้าเห็นเอ็งเป็นเด็กแบบนั้นมันก็เพราะท่าทางเอ็งมันดูพึ่งพาไม่ได้ในฐานะสามีไม่ใช่เรอ" แล้วย้ำว่าถึงจะอายุน้อยกว่าก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ ภรรยาจะได้วางใจหายห่วงเลิกทำแบบนี้ได้
คำสอนกึ่งด่าของพ่อทำเอาคาร์ลุคถึงกับหน้าเสียก้มหัวงุดไปเลย แม่ของคาร์ลุคต้องเข้ามาปรามพ่อไว้ เสียงคุยของสามแม่ลูกยังเรียกปู่ย่าที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาผสมโรงคุยด้วย สุดท้ายก็ตกลงกันว่าให้เรียกอามีร่ามาคุยเรื่องนี้ด้วยน่าจะเป็นการดีกว่า
แต่ลงเอยอามีร่าก็ยังกังวล กลัวว่าคาร์ลุคจะป่วยเป็นอะไรไปเหมือนเดิมอยู่ดี (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะคนสมัยนั้นคุณภาพชีวิตค่อนข้างน้อยป่วยกันง่าย บางทีแค่เป็นหวัดนิดเดียวก็ตายกันได้ง่ายๆ แล้ว) ทั้งๆ ที่ผู้ชายหลายคนในบ้านก็ช่วยพูดให้แล้ว...โดยเฉพาะยูซุฟที่ช่วยพูดให้จนหวิดมีปากเสียงกับเมียตัวเองที่เป็นพี่สาวคาร์ลุคเลย ทีท่าของอามีร่าทำเอาบรรดาคนในบ้านถึงกับกุมขมับเช่นกันด้วยไม่รู้จะพูดอย่างไรให้หญิงสาวเข้าใจและละความกังวลใจได้
สุดท้ายเมื่อไม่เห็นที่พึ่งที่ไหน ทั้งหมดก็พร้อมใจกันหันไปถามแม่ใหญ่ของบ้านซึ่งนั่งเป็นประธานอยู่ตรงหัวแถวว่าจะทำยังไงดี ทว่าแม่ใหญ่กลับบอกแค่สั้นๆ ง่ายๆ ว่า ปล่อยๆ ไปเถอะ สามีภรรยาก็เหมือนลิ้นกับฟัน ยังไงก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้ว ทำเอาคาร์ลุคกับอามีร่าได้แต่เหลือบตามองหน้ากันอย่างอึดอัดใจไปเลย มิหนำซ้ำวันรุ่งขึ้นยังไปได้ยินพวกผู้หญิงในหมู่บ้านจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องสามีคนโน้นญาติผู้ชายคนนี้ที่เพิ่งตายทั้งๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่นเข้าให้อีก
ที่สุดเมื่อไม่รู้จะไปหาทางระบายกับใคร อามีร่าก็หันไประบายเอากับปาริญา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในหมู่บ้านถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าด้วยนิสัยไม่ประสีประสากับเรื่องชีวิตคู่กับเรื่องความรัก เลยเผลอหลุดปากให้คำแนะนำแบบมั่วๆ (แต่ดันถูกเป๊ะเฉยเลย) ว่าขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่ะ ถ้าไปห่วงมากเกินไปกลับจะเป็นภาระให้เค้ากังวลมากกว่าจะดีใจนะ เพราะงั้นในฐานะภรรยาแล้วขืนไปสร้างภาระให้สามีมากเกินไปยังไงก็ไม่ดีแน่ อามีร่าก็ได้แต่พยักหน้ารับเซื่องๆ แม้จะรู้สึกว่าความกังวลยังไม่หายไปจากใจก็ตาม
ปาริญาผู้วงจรใสซื่อถึงกับลัดวงจรเมื่อโดนพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับสามีจนเผลอหลุดปากให้คำแนะนำมั่วๆ ซั่วๆ ออกไป
ลงท้ายเลยต้องมาจิตตกกอดหมอนเข้าบรรยากาศอึมครึมอยู่คนเดียวตามระเบียบ
แล้วก็ถึงเวลาเข้านอนกัน อามีร่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าไม่ยอมคุยด้วย คาร์ลุคถามอะไรไปก็ได้คำตอบมาแบบถามคำตอบคำ เรียกว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความอึดอัดจากความรู้สึกไม่มั่นคนของทั้งสองฝ่ายจริงๆ
ที่สุดหลังจากนิ่งเงียบกันไปได้พักหนึ่ง คาร์ลุคก็หันไปหาอามีร่า กางแขนออกกว้างแล้วเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ๆ ฝ่ายก็อามีร่างงไปเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียก แต่ก็ยอมลุกไปหาแต่โดยดีพร้อมกับถามว่ามีอะไรเหรอ
แล้วพริบตานั้นเอง คาร์ลุคก็โอบแขนรัดรอบเอวของอามีร่าไว้แน่น แล้วออกแรงยกตัวอามีร่าจนลอยพ้นพื้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาอามีร่าถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ อย่างตกใจที่อยู่ๆ ก็โดนจับตัวยกแบบนี้ แต่ครั้นมองเห็นสายตาของคาร์ลุคมองตรงมาอย่างจริงจังก็ชะงักค้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายยกตัวเองคาไว้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวางลงกับพื้นอย่างเบามือ
แล้วจากนั้น เด็กหนุ่มก็ทำในสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าจับตัวอามีร่ายกขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาสะบัดเสื้อนอนของตัวเองทิ้งไป เผยให้เห็นโครงร่างกายท่อนบนที่เริ่มขยายใหญ่มีกล้ามขึ้นเล็กน้อยจากการเติบโตและการทำงานอย่างผู้ชายที่โตแล้วมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
"ผมไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้นหรอกนะ อามีร่า!" เด็กหนุ่มว่าพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบที่แผงอกซึ่งเริ่มหนาใหญ่สมกับเป็นผู้ชายขึ้นบ้างแล้วนั้น
"ตัวก็สูงขึ้นตั้งเยอะ อายุก็ใกล้จะถึง 13 แล้วด้วย เรื่องกำลังผมแน่ใจว่าผมไม่แพ้อามีร่าแน่!"
ภาพสามีตัวน้อยแสดงความแมนให้ดูต่อหน้าทำเอาหญิงสาวถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นด้วยความตกใจ (และอาจจะด้วยความฟิน) จนตาค้าง ได้แต่นั่งฟังคาร์ลุคพูดต่อไป
"ถึงบางครั้งจะเป็นหวัด ถึงบางครั้งจะเป็นไข้บ้าง...จะยังไงก็เถอะ...ไอ้การมานั่งเป็นห่วงจนฟังดูเหมือนผมพึ่งพาอะไรไม่ได้แบบนี้...จะว่ายังไงดีล่ะ...ในฐานะผู้ชายแล้ว ผมไม่ชอบเลยนะ"
ว่าถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ก้มตัวลงกอดอามีร่าไว้แน่น แล้วกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่ายว่า
"ผมไม่เป็นไรหรอก จะไม่ตายแล้วทิ้งอามีร่าให้อยู่คนเดียวแน่" ว่าจบก็คลายมือออก จ้องตาภรรยาด้วยสายตาราวกับจะขอร้องแล้วบอกว่า
"เพราะงั้นจะเชื่อใจผมได้มั้ย?"
คำพูดตรงไปตรงมาของสามีตัวน้อยทำเอาอามีร่าถึงกับลำคอตีบตัน มองตาอีกฝ่ายด้วยสายตารู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าแล้วรับปากว่า จากนี้ไปเธอจะไม่เป็นห่วงคาร์ลุคเกินความจำเป็นอีกแล้ว ฝ่ายคาร์ลุคได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าโล่งอกและดีใจเป็นที่สุดที่อามีร่ายอมเข้าใจความรู้สึกของเขาเสียที
ตอนนั้นเองลมเย็นจากนอกบ้านก็พัดวูบผ่านหน้าต่างเข้ามาข้างใน ปะทะถูกตัวคาร์ลุคที่ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่เข้าอย่างจังจนเผลอหลุดเสียงจามออกมา อามีร่าเห็นคาร์ลุคจามดังนั้นก็ทำท่าจะลืมตัวแสดงอาการเป็นห่วงอีกครั้ง แต่แล้วก็นึกได้ถึงสัญญาที่ให้ไว้กับคาร์ลุคเมื่อกี้นี้ จึงรีบถอยกรูดออกมาพร้อมพูดอย่างข่มความรู้สึกเต็มที่ว่าไม่เป็นไร เธอไม่เป็นห่วงอะไรคาร์ลุคอีกแล้วล่ะ
คาร์ลุคได้แต่ส่งยิ้มปุเลี่ยนๆ ให้กับภรรยาผู้อายุมากกว่าตัวเองถึง 8 ปีเท่านั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วคู่สามีภรรยาต่างวัยก็กลับมาเข้าใจกันได้อีกครั้งด้วยประการฉะนี้แล (แถมยังได้ของขวัญเป็นเป็นคำชมจากวงน้ำชาของป้าๆ และสาวๆ ในหมู่บ้านถึงเรื่องของคาร์ลุคว่า "
โตขึ้น" "เป็นผู้ใหญ่ขึ้น" "ดูสมชายขึ้น" ทำเอาอามีร่าถึงกับแอบฟินตามภาพสุดท้ายของหน้านี้นั่นเลย

)
- จบตอนที่ 28 -
อ่านตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนคาร์ลุคเป็นเด็กกำลังเข้าวัยต่อต้านนิดๆ เลยแฮะ พยายามยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กแล้วแบบนี้ ซึ่งจริงๆ ถ้าจะนับตามมาตรฐานของคนแถบนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนั่นละนะ
ฟังแบบนี้แล้วอยากเห็นคาร์ลุคตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เลย
ว่าแล้วก็ติดตามตอนต่อไปที่จะลงใน Harta ฉบับเดือนเมษายนนะครับ (Harta เป็นนิตยสารรายเดือนก็จริง แต่เห็นว่าอ.โมริแกเขียนเรื่องนี้ควบกับเรื่อง Shirley Maid ด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ก็เลยต้องลงกันแบบเดือนเว้นเดือนแบบนี้แหละครับ ซึ่งก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกับตอนยังเป็น Fellows เลย...ต่างกันแค่อ.แกต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้นเอง)
อนึ่ง ท่านใดตาไวอาจสังเกตเห็นชื่อตอนที่อยู่ข้างๆ โลโก้เรื่องตรงมุมซ้ายในภาพแรกที่เลขตอนจะเป็น
"ตอนที่ 1" แทนที่จะเป็น
"ตอน 28" ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ อ่านตอนนี้ทีแรกเล่นเอางงนิดหน่อยแฮะ ไม่รู้ว่าอ.แกจงใจใส่ หรือว่าคนพิสูจน์อักษรเมากันแน่ ซึ่งคงต้องรอดูในตอนต่อไปกันละครับว่าจะแก้กลับเป็นตอนที่ 29 หรือจะขึ้นเป็นตอนที่ 2 ไปเลย
SPOILER!!! เจ้าสาวแห่งทางสายไหม ตอนที่ 28 - วัดส่วนสูง
งวดนี้ช้ากว่าปกติชนิดแทบจะข้ามเดือนกันเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งกับไอ้โน่นไอ้นี่อยู่หลายเรื่อง แถมยังลืมเรื่องที่นิตยสาร Fellows จะปรับโฉมใหม่พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นนิตยสารรายเดือน Harta ในเดือนที่แล้ว ทำให้ Otoyomegatari ได้ออกตอนใหม่ในเดือนที่แล้ว ไม่ใช่ในอีก 2 เดือนอย่างทุกทีอีกด้วย ก็เลยช้าซะจนเลยช่วงใหม่มาไกลโขแล้วนี่แหละครับ
ว่าแล้วก็ไปชมเนื้อหา Spoil ตอนใหม่กันได้เลยครับ
ภาพเปิดตอนนี้กับคู่สามีภรรยาตัวอย่างประจำเรื่อง
เปิดตอนมาด้วยฉากยูซูฟ พี่เขยของคาร์ลุคกำลังวัดส่วนสูงให้ลูกๆ ของตัวเองอยู่ ระหว่างที่กำลังวัดส่วนสูงกันอยู่นั้นเอง คาร์ลุคก็เดินผ่านมาพอดี ยูซุฟหันมาเห็นเข้าก็เรียกคาร์ลุคให้มาลองวัดด้วยกันดู และผลก็คือความสูงของคาร์ลุคเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบคืบหนึ่ง สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาลูกๆ ของยูซุฟเป็นอย่างมากจนวิ่งไปตามคนในบ้านคนอื่นมาดูด้วยกัน กลายเป็นเรื่องตื่นเต้นน่ายินดีของบ้านไปเลยที่ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านเติบโตรวดเร็วถึงขนาดนี้ (คุณปู่ของคาร์ลุคยังคอมเมนต์เลยว่า โตเร็วแบบนี้เผลอๆ ซักวันจะสูงกว่าพ่อตัวเองแน่ เพราะถ้าดูตามสายตระกูลแล้ว ทั้งพ่อตลอดจนพวกลุงๆ น้าๆ คนอื่นของคาร์ลุคก็ตัวสูงด้วยกันทั้งนั้น)
ฉากวัดความสูงของคาร์ลุค
แต่คนที่ยินดีที่สุดในครออบครัวก็คืออามีร่านั่นเอง เพราะแทบจะทันทีที่ได้ยินคาร์ลุคบ่นว่าเสื้อตัวเก่าเริ่มจะคับแล้วนั้นเอง หญิงสาวก็กระวีกระวาดขนเอากองผ้าสวยๆ มากมายมาตั้งปึ้งลงตรงหน้าสามี แล้วออกปากถามด้วยสายตาปิ๊งปั๊งอย่างคาดหวังว่าอยากได้เสื้อสีไหน จะเย็บให้ทันทีเลย ทีท่ากระตือรือร้นของภรรยาทำเอาไอ้หนูคาร์ลุคถึงกับชะงักกึกไป ก่อนจะค่อยๆ รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า "ชุดใหม่ที่จะตัดให้น่ะ...ไม่ต้องปักลายแล้วก็ได้นะ*"
*หมายเหตุ - ชุดที่เด็กในแถบนี้สวมโดยส่วนมากจะเป็นชุดปักลวดลายที่เชื่อว่าเป็นเครื่องรางป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้
ได้ยินสามีพูดดังนั้น อามีร่าก็ถึงกับหุบยิ้มทันควันด้วยความตกใจทันควัน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นลุกลี้ลุกลนด้วยความเป็นห่วงแล้วบอกว่า ถ้าไม่ปักลายเยอะๆ เป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันโรคภัยละก็ เกิดป่วยขึ้นมาแบบคราวนั้น (ในตอนที่ 5) อีกครั้งจะทำยังไง คาร์ลุคก็พยายามอธิบายว่าไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เขาเองก็อายุใกล้จะถึง 13 ไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้ว ขืนใส่เสื้อปักลายเครื่องรางไปตลอดมีหวังโดนหาว่าเป็นเด็กไปตลอดแน่ๆ
แต่อธิบายยังไง อามีร่าก็ไม่ยอมฟังเสียง ดึงดันจะปักลายเครื่องรางให้คาร์ลุคให้ได้ ทำเอาคาร์ลุคถึงกับมึนหัวตึ้บ ครั้นไปขอคำปรึกษาจากพ่อ ก็โดนพ่อกระทืบซ้ำเอาอีกว่า "ที่เค้าเห็นเอ็งเป็นเด็กแบบนั้นมันก็เพราะท่าทางเอ็งมันดูพึ่งพาไม่ได้ในฐานะสามีไม่ใช่เรอ" แล้วย้ำว่าถึงจะอายุน้อยกว่าก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ ภรรยาจะได้วางใจหายห่วงเลิกทำแบบนี้ได้
คำสอนกึ่งด่าของพ่อทำเอาคาร์ลุคถึงกับหน้าเสียก้มหัวงุดไปเลย แม่ของคาร์ลุคต้องเข้ามาปรามพ่อไว้ เสียงคุยของสามแม่ลูกยังเรียกปู่ย่าที่อยู่ใกล้ๆ ให้มาผสมโรงคุยด้วย สุดท้ายก็ตกลงกันว่าให้เรียกอามีร่ามาคุยเรื่องนี้ด้วยน่าจะเป็นการดีกว่า
แต่ลงเอยอามีร่าก็ยังกังวล กลัวว่าคาร์ลุคจะป่วยเป็นอะไรไปเหมือนเดิมอยู่ดี (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะคนสมัยนั้นคุณภาพชีวิตค่อนข้างน้อยป่วยกันง่าย บางทีแค่เป็นหวัดนิดเดียวก็ตายกันได้ง่ายๆ แล้ว) ทั้งๆ ที่ผู้ชายหลายคนในบ้านก็ช่วยพูดให้แล้ว...โดยเฉพาะยูซุฟที่ช่วยพูดให้จนหวิดมีปากเสียงกับเมียตัวเองที่เป็นพี่สาวคาร์ลุคเลย ทีท่าของอามีร่าทำเอาบรรดาคนในบ้านถึงกับกุมขมับเช่นกันด้วยไม่รู้จะพูดอย่างไรให้หญิงสาวเข้าใจและละความกังวลใจได้
สุดท้ายเมื่อไม่เห็นที่พึ่งที่ไหน ทั้งหมดก็พร้อมใจกันหันไปถามแม่ใหญ่ของบ้านซึ่งนั่งเป็นประธานอยู่ตรงหัวแถวว่าจะทำยังไงดี ทว่าแม่ใหญ่กลับบอกแค่สั้นๆ ง่ายๆ ว่า ปล่อยๆ ไปเถอะ สามีภรรยาก็เหมือนลิ้นกับฟัน ยังไงก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้ว ทำเอาคาร์ลุคกับอามีร่าได้แต่เหลือบตามองหน้ากันอย่างอึดอัดใจไปเลย มิหนำซ้ำวันรุ่งขึ้นยังไปได้ยินพวกผู้หญิงในหมู่บ้านจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องสามีคนโน้นญาติผู้ชายคนนี้ที่เพิ่งตายทั้งๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่นเข้าให้อีก
ที่สุดเมื่อไม่รู้จะไปหาทางระบายกับใคร อามีร่าก็หันไประบายเอากับปาริญา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในหมู่บ้านถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าด้วยนิสัยไม่ประสีประสากับเรื่องชีวิตคู่กับเรื่องความรัก เลยเผลอหลุดปากให้คำแนะนำแบบมั่วๆ (แต่ดันถูกเป๊ะเฉยเลย) ว่าขึ้นชื่อว่าผู้ชายน่ะ ถ้าไปห่วงมากเกินไปกลับจะเป็นภาระให้เค้ากังวลมากกว่าจะดีใจนะ เพราะงั้นในฐานะภรรยาแล้วขืนไปสร้างภาระให้สามีมากเกินไปยังไงก็ไม่ดีแน่ อามีร่าก็ได้แต่พยักหน้ารับเซื่องๆ แม้จะรู้สึกว่าความกังวลยังไม่หายไปจากใจก็ตาม
ปาริญาผู้วงจรใสซื่อถึงกับลัดวงจรเมื่อโดนพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับสามีจนเผลอหลุดปากให้คำแนะนำมั่วๆ ซั่วๆ ออกไป
ลงท้ายเลยต้องมาจิตตกกอดหมอนเข้าบรรยากาศอึมครึมอยู่คนเดียวตามระเบียบ
แล้วก็ถึงเวลาเข้านอนกัน อามีร่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าไม่ยอมคุยด้วย คาร์ลุคถามอะไรไปก็ได้คำตอบมาแบบถามคำตอบคำ เรียกว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่เต็มไปด้วยความอึดอัดจากความรู้สึกไม่มั่นคนของทั้งสองฝ่ายจริงๆ
ที่สุดหลังจากนิ่งเงียบกันไปได้พักหนึ่ง คาร์ลุคก็หันไปหาอามีร่า กางแขนออกกว้างแล้วเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ๆ ฝ่ายก็อามีร่างงไปเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียก แต่ก็ยอมลุกไปหาแต่โดยดีพร้อมกับถามว่ามีอะไรเหรอ
แล้วพริบตานั้นเอง คาร์ลุคก็โอบแขนรัดรอบเอวของอามีร่าไว้แน่น แล้วออกแรงยกตัวอามีร่าจนลอยพ้นพื้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาอามีร่าถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ อย่างตกใจที่อยู่ๆ ก็โดนจับตัวยกแบบนี้ แต่ครั้นมองเห็นสายตาของคาร์ลุคมองตรงมาอย่างจริงจังก็ชะงักค้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายยกตัวเองคาไว้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวางลงกับพื้นอย่างเบามือ
แล้วจากนั้น เด็กหนุ่มก็ทำในสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าจับตัวอามีร่ายกขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาสะบัดเสื้อนอนของตัวเองทิ้งไป เผยให้เห็นโครงร่างกายท่อนบนที่เริ่มขยายใหญ่มีกล้ามขึ้นเล็กน้อยจากการเติบโตและการทำงานอย่างผู้ชายที่โตแล้วมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
"ผมไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้นหรอกนะ อามีร่า!" เด็กหนุ่มว่าพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบที่แผงอกซึ่งเริ่มหนาใหญ่สมกับเป็นผู้ชายขึ้นบ้างแล้วนั้น "ตัวก็สูงขึ้นตั้งเยอะ อายุก็ใกล้จะถึง 13 แล้วด้วย เรื่องกำลังผมแน่ใจว่าผมไม่แพ้อามีร่าแน่!"
ภาพสามีตัวน้อยแสดงความแมนให้ดูต่อหน้าทำเอาหญิงสาวถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นด้วยความตกใจ (และอาจจะด้วยความฟิน) จนตาค้าง ได้แต่นั่งฟังคาร์ลุคพูดต่อไป
"ถึงบางครั้งจะเป็นหวัด ถึงบางครั้งจะเป็นไข้บ้าง...จะยังไงก็เถอะ...ไอ้การมานั่งเป็นห่วงจนฟังดูเหมือนผมพึ่งพาอะไรไม่ได้แบบนี้...จะว่ายังไงดีล่ะ...ในฐานะผู้ชายแล้ว ผมไม่ชอบเลยนะ"
ว่าถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ก้มตัวลงกอดอามีร่าไว้แน่น แล้วกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่ายว่า "ผมไม่เป็นไรหรอก จะไม่ตายแล้วทิ้งอามีร่าให้อยู่คนเดียวแน่" ว่าจบก็คลายมือออก จ้องตาภรรยาด้วยสายตาราวกับจะขอร้องแล้วบอกว่า "เพราะงั้นจะเชื่อใจผมได้มั้ย?"
คำพูดตรงไปตรงมาของสามีตัวน้อยทำเอาอามีร่าถึงกับลำคอตีบตัน มองตาอีกฝ่ายด้วยสายตารู้สึกผิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าแล้วรับปากว่า จากนี้ไปเธอจะไม่เป็นห่วงคาร์ลุคเกินความจำเป็นอีกแล้ว ฝ่ายคาร์ลุคได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าโล่งอกและดีใจเป็นที่สุดที่อามีร่ายอมเข้าใจความรู้สึกของเขาเสียที
ตอนนั้นเองลมเย็นจากนอกบ้านก็พัดวูบผ่านหน้าต่างเข้ามาข้างใน ปะทะถูกตัวคาร์ลุคที่ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่เข้าอย่างจังจนเผลอหลุดเสียงจามออกมา อามีร่าเห็นคาร์ลุคจามดังนั้นก็ทำท่าจะลืมตัวแสดงอาการเป็นห่วงอีกครั้ง แต่แล้วก็นึกได้ถึงสัญญาที่ให้ไว้กับคาร์ลุคเมื่อกี้นี้ จึงรีบถอยกรูดออกมาพร้อมพูดอย่างข่มความรู้สึกเต็มที่ว่าไม่เป็นไร เธอไม่เป็นห่วงอะไรคาร์ลุคอีกแล้วล่ะ
คาร์ลุคได้แต่ส่งยิ้มปุเลี่ยนๆ ให้กับภรรยาผู้อายุมากกว่าตัวเองถึง 8 ปีเท่านั้น
----------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วคู่สามีภรรยาต่างวัยก็กลับมาเข้าใจกันได้อีกครั้งด้วยประการฉะนี้แล (แถมยังได้ของขวัญเป็นเป็นคำชมจากวงน้ำชาของป้าๆ และสาวๆ ในหมู่บ้านถึงเรื่องของคาร์ลุคว่า "โตขึ้น" "เป็นผู้ใหญ่ขึ้น" "ดูสมชายขึ้น" ทำเอาอามีร่าถึงกับแอบฟินตามภาพสุดท้ายของหน้านี้นั่นเลย
- จบตอนที่ 28 -
อ่านตอนนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนคาร์ลุคเป็นเด็กกำลังเข้าวัยต่อต้านนิดๆ เลยแฮะ พยายามยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กแล้วแบบนี้ ซึ่งจริงๆ ถ้าจะนับตามมาตรฐานของคนแถบนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนั่นละนะ
ฟังแบบนี้แล้วอยากเห็นคาร์ลุคตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เลย
ว่าแล้วก็ติดตามตอนต่อไปที่จะลงใน Harta ฉบับเดือนเมษายนนะครับ (Harta เป็นนิตยสารรายเดือนก็จริง แต่เห็นว่าอ.โมริแกเขียนเรื่องนี้ควบกับเรื่อง Shirley Maid ด้วยอีกเรื่องหนึ่ง ก็เลยต้องลงกันแบบเดือนเว้นเดือนแบบนี้แหละครับ ซึ่งก็แทบไม่ได้ต่างอะไรกับตอนยังเป็น Fellows เลย...ต่างกันแค่อ.แกต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้นเอง)
อนึ่ง ท่านใดตาไวอาจสังเกตเห็นชื่อตอนที่อยู่ข้างๆ โลโก้เรื่องตรงมุมซ้ายในภาพแรกที่เลขตอนจะเป็น "ตอนที่ 1" แทนที่จะเป็น "ตอน 28" ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ อ่านตอนนี้ทีแรกเล่นเอางงนิดหน่อยแฮะ ไม่รู้ว่าอ.แกจงใจใส่ หรือว่าคนพิสูจน์อักษรเมากันแน่ ซึ่งคงต้องรอดูในตอนต่อไปกันละครับว่าจะแก้กลับเป็นตอนที่ 29 หรือจะขึ้นเป็นตอนที่ 2 ไปเลย