คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ผมคิดว่า จากการที่พระสงฆ์ได้ศึกษาพระอภิธรรมมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว แปลได้ว่า
1. เนื้อหาในพระอภิธรรม ไม่ขัดแย้งต่อ การปฏิบัติ ปริยัต ปริเวธ ไม่มีพระอรหันต์สักรูปหนึ่งออกมาห้ามการเรียนอภิธรรมโดยบอกว่าเป็นของปลอม "แสดงว่า พระอภิธรรม ถูกต้องตามหลักศาสนาทุกประการ"
2. เรื่องเป็นเนื้อหาของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ใช่ประเด็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้พระสงฆ์แตกแยกกันหรือทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย ทั้งที่ ถ้าไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าจริง ต้องเกิดการทะเลาะกันใหญ่โตแน่นอน ถึงขนาดแบ่งนิกายว่าไม่เรียนอภิธรรม พูดง่าย ๆ ศาสนาพุทธต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ
3. เรื่องอภิธรรมก็เห็นส่งเสริมกันให้ร่ำให้เรียน ถ้าผิดหลัก "ประสบการณ์ในการปฏิบัติ" ก็คงมี "สูญพันธ์" ไปนานแล้วครับ
ผมเลยมีแนวโน้มว่าใครก็ตามที่เขียนเนื้อหาขนาดพระอภิธรรมได้สอดคล้อง ไม่ขัดแย้งกัน อย่างน้อยต้องเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ขนาดตามดวงจิตได้ เป็นไปได้มากกว่า "ใครก็ไม่รู้ ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ภาวนา จะมาเขียนเรื่องละเอียดซับซ้อนขนาดนี้ได้"
ดังนั้นการกล่าวว่าพระอภิธรรมไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูด ก็ทำได้ แต่ขนาดไปด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ต่อผู้แต่ง (หรืออาจเป็นผู้สรุปคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแต่ง" เป็นเรื่องที่อันตรายน่ะครับ
ขอตอบนะครับ
1.อภิธรรมของฝ่ายมหายาน ได้รับความนิยมกว่า
2. นี่เป็นการแยกนิกาน ทำสงฆ์ แตกแยก เป็น 2 นิกายหรือไม่
3. คนแต่ง อถิธรรม ไม่ใช่พระอรหัน เป็นแค่เพียง เรียบเรียวคำแปลอรรถกถา กภาษา สิงหล เป็น บาลี ทั้งยัง ตัดบางส่วน
คือ เพิ่ม อรรถกถา อธิบาย อภิธรรม ปิฏก ที่ตนเรียบเรียงขึ้นเอง ( แต่งคำภิร์ อภิธรรมแล้ว ยังแต่งอรรถกถา อะบาย คำภีร์ ของตนเอง )โดยกล่าวว่า
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมบนสวรรค์ พระพุทธเจ้า คิด จะให้ตน ซึ่งขนาดนั้นยังไม่เกิด แต่งคำภีร์ กถา วัตถุให้ ซึ่งในความเป็นจริง ตนก็เพิ่งรวบรวมอรรถกถา
และแต่งเป็นปกรณ์ ไว้เสร็จสิ้น หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว หลาย ร้อยปี
ในคำกล่าวนี้ ผมขอแย้งด้วย พุทธวจนะนี้ สาวกจะสามารถเห็นเราได้ ณบัดนี้ เมื่อเราปริน้พพานแล้ว สาวกจะไม่ได้เห็นเราอีก พระธรรมวินัยนี้จักเป็นศาสดาของเธอ
ประโยคที่ 1. สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
ประโยคที่2. พระพุทธเจ้าให้เราเป็นคนแต่ง กถาวัตถุ ขณะที่ท่านแสดงธรรมบนสวรรค์ พรราที่ 7 ( คนแต่งอภิธรรมปิฏก )
พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก่อนหรือหลัง พรรษาที่ 7 พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว สาวก สามารถ ย้อนไปหพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ 7 ขณะ แสดงธรรมบนสวรรค์ได้ ?
ประโยตที่ 2. อีกที พระพุทธเจ้าทราบว่าเราจะเกิดมา จึงให้เราแต่งกถาวัตถุ เพื่อให้ ท่าน เทศบนสวรรค์พรรษาที่ 7 นั้น ( คนแต่งอภิธรรม )
ประโยคที่1. อีกที สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
คราวนี้อ้าง พระอนุรุทธ ที่มีตาทิพย์ เพ่งดู พระศาสดา เข้า นิพพาน โดยกล่าวว่า พระศาสดาปรินิพพาน แล้ว ( หมดสิ้นเชื้อที่จะนำไปเกิด ในภพใดๆแล้ว จากความจำ )
มาดูอีก ช๊อตหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสอภิธรรมปิฏก 7 คำภีร์ นี้บนสวรรค์พรรษาที่ 7 ( คำภีร์อื่นอีก 6 ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็กถาวัตถุ ตนเพิ่งแต่ง แล้วพระพุทธเจ้าซึ่งนิพพานไปแล้ว ในอดีต
จะย้อนเวลา มาหาตนในอนาคต เพิ้อนำเอา กถาวัตถุ ที่ตนเอง เพิ่งแต่งเสร็จ แล้วกลับไปพรรษาที่ 7 อีกครั้ง เพื่อแสดง กถา วัต๔ อันนั้น )
แล้วทรงกระทำพระพุทธมารดาให้เป็นประธานในเทวสมาคมนั้น
ตรัส พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ อันมีชื่อว่า
ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตมก และ ปัฏฐาน
ให้สมควรแก่ปัญญาบารมีของ
พระพุทธมารดาและหมู่ทวยเทพ
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง “สัตตปกรณาภิธรรม” (พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์) นั้น
สันดุสิตเทพบุตรพุทธมารดาก็บรรลุโสดาปัตติผล
สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกในพระพุทธศาสนา
กล่าวกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ณ เทวโลก ชั้นดาวดึงส์ ทั้งกลางคืนและกลางวัน
มิมีระหว่างว่างเว้น เป็นเวลาถึง ๓ เดือนเต็มตามเวลาโลกมนุษย์
ในระหว่างที่ทรงแสดง เมื่อถึงเวลาเสด็จบิณฑบาตเพื่อเสวยพระภัตตาหาร
และเวลาทรงพักผ่อนกลางวัน
พระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ โดย พระคันธสาราวงศ์ วัดท่ามะโอ
แต่มีหลักฐานว่า กถาวัตถุ ได้แต่งขึ้นภายหลัง
เล่ม ๓๗ กถาวัตถุ
คัมภีร์ที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ เรียบเรียงขึ้น เพื่อแก้ความเห็นผิดของนิกายต่างๆ ในพระพุทธศาสนาครั้งนั้น ซึ่งได้แตกแยกกันออกแล้วถึง ๑๘ นิกาย
เช่น ความเห็นว่า พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการเกิดได้ ทุกอย่างเกิดจากกรรม เป็นต้น
ประพันธ์เป็นคำปุจฉาวิสัชนา มีทั้งหมด ๒๑๙ กถา
แล้วยังมร อรรถกถา อธิบาย คำภีร์ ที่ตนเองได้แต่งขึ้นเองอีก ( คำภีร์ ทั้ง 2 ตนแต่งขึ้นเอง ) ว่าคำของตนเอง นับเป็นพุทธภาษิต เพราะแต่งตามคำภีร์ของพระพุทธเจ้า
ผมขอถามครับ 1. โกหก ผิดศีลหรือไม่ครับ ?
2. พระทธเจ้าตรัสไว้ว่า สาวกจะไม่ได้เห็น ศาสดาอีก ( พระนิพพานแล้ว ย่อมหมดเชื้อที่จะเกิดในภพใดๆแล้ว ) คุณเชื่อพระศาสดาหรือไม่
3. พระอรหัน สามารถไปพบพระศาสดในพรราที่ 7 ก่อนปรินิพพาน ในขณะทีตนเกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ได้ ด้วย
4. อรรถกถา ที่ตนแต่งขึ้น ยังบอกว่า พระพุทธเจ้าในอดีตทุกๆพระองค์ ต้องแสดงอภิธรรมปีฏก( ซี่งตนเพิ่งแต่งเสร็จนี่แหละ )นี้บนสวรรค์
ผมขอถามว่า โกหก ผิด ศีลหรือไม่ครับ
และคำภีร์ที่คนโกหก แต่งขึ้นน่าเชื่อถือ ขนาดไหนครับ
คุณเห็นคำภีร์ ที่คนผู้นี้แต่งขึ้น สำคัญกว่า พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า หรือไม่ครับ ?
และคนแต่งอภิธรรมปิฏกเป็นคนเช่นไร ?
1. เนื้อหาในพระอภิธรรม ไม่ขัดแย้งต่อ การปฏิบัติ ปริยัต ปริเวธ ไม่มีพระอรหันต์สักรูปหนึ่งออกมาห้ามการเรียนอภิธรรมโดยบอกว่าเป็นของปลอม "แสดงว่า พระอภิธรรม ถูกต้องตามหลักศาสนาทุกประการ"
2. เรื่องเป็นเนื้อหาของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ใช่ประเด็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้พระสงฆ์แตกแยกกันหรือทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย ทั้งที่ ถ้าไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าจริง ต้องเกิดการทะเลาะกันใหญ่โตแน่นอน ถึงขนาดแบ่งนิกายว่าไม่เรียนอภิธรรม พูดง่าย ๆ ศาสนาพุทธต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ
3. เรื่องอภิธรรมก็เห็นส่งเสริมกันให้ร่ำให้เรียน ถ้าผิดหลัก "ประสบการณ์ในการปฏิบัติ" ก็คงมี "สูญพันธ์" ไปนานแล้วครับ
ผมเลยมีแนวโน้มว่าใครก็ตามที่เขียนเนื้อหาขนาดพระอภิธรรมได้สอดคล้อง ไม่ขัดแย้งกัน อย่างน้อยต้องเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ขนาดตามดวงจิตได้ เป็นไปได้มากกว่า "ใครก็ไม่รู้ ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ภาวนา จะมาเขียนเรื่องละเอียดซับซ้อนขนาดนี้ได้"
ดังนั้นการกล่าวว่าพระอภิธรรมไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูด ก็ทำได้ แต่ขนาดไปด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ต่อผู้แต่ง (หรืออาจเป็นผู้สรุปคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแต่ง" เป็นเรื่องที่อันตรายน่ะครับ
ขอตอบนะครับ
1.อภิธรรมของฝ่ายมหายาน ได้รับความนิยมกว่า
2. นี่เป็นการแยกนิกาน ทำสงฆ์ แตกแยก เป็น 2 นิกายหรือไม่
3. คนแต่ง อถิธรรม ไม่ใช่พระอรหัน เป็นแค่เพียง เรียบเรียวคำแปลอรรถกถา กภาษา สิงหล เป็น บาลี ทั้งยัง ตัดบางส่วน
คือ เพิ่ม อรรถกถา อธิบาย อภิธรรม ปิฏก ที่ตนเรียบเรียงขึ้นเอง ( แต่งคำภิร์ อภิธรรมแล้ว ยังแต่งอรรถกถา อะบาย คำภีร์ ของตนเอง )โดยกล่าวว่า
เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมบนสวรรค์ พระพุทธเจ้า คิด จะให้ตน ซึ่งขนาดนั้นยังไม่เกิด แต่งคำภีร์ กถา วัตถุให้ ซึ่งในความเป็นจริง ตนก็เพิ่งรวบรวมอรรถกถา
และแต่งเป็นปกรณ์ ไว้เสร็จสิ้น หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว หลาย ร้อยปี
ในคำกล่าวนี้ ผมขอแย้งด้วย พุทธวจนะนี้ สาวกจะสามารถเห็นเราได้ ณบัดนี้ เมื่อเราปริน้พพานแล้ว สาวกจะไม่ได้เห็นเราอีก พระธรรมวินัยนี้จักเป็นศาสดาของเธอ
ประโยคที่ 1. สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
ประโยคที่2. พระพุทธเจ้าให้เราเป็นคนแต่ง กถาวัตถุ ขณะที่ท่านแสดงธรรมบนสวรรค์ พรราที่ 7 ( คนแต่งอภิธรรมปิฏก )
พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก่อนหรือหลัง พรรษาที่ 7 พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว สาวก สามารถ ย้อนไปหพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ 7 ขณะ แสดงธรรมบนสวรรค์ได้ ?
ประโยตที่ 2. อีกที พระพุทธเจ้าทราบว่าเราจะเกิดมา จึงให้เราแต่งกถาวัตถุ เพื่อให้ ท่าน เทศบนสวรรค์พรรษาที่ 7 นั้น ( คนแต่งอภิธรรม )
ประโยคที่1. อีกที สาวกจะไม่ได้เห็นศาสดาอีก ( พระพุทธเจ้า )
คราวนี้อ้าง พระอนุรุทธ ที่มีตาทิพย์ เพ่งดู พระศาสดา เข้า นิพพาน โดยกล่าวว่า พระศาสดาปรินิพพาน แล้ว ( หมดสิ้นเชื้อที่จะนำไปเกิด ในภพใดๆแล้ว จากความจำ )
มาดูอีก ช๊อตหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัสอภิธรรมปิฏก 7 คำภีร์ นี้บนสวรรค์พรรษาที่ 7 ( คำภีร์อื่นอีก 6 ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็กถาวัตถุ ตนเพิ่งแต่ง แล้วพระพุทธเจ้าซึ่งนิพพานไปแล้ว ในอดีต
จะย้อนเวลา มาหาตนในอนาคต เพิ้อนำเอา กถาวัตถุ ที่ตนเอง เพิ่งแต่งเสร็จ แล้วกลับไปพรรษาที่ 7 อีกครั้ง เพื่อแสดง กถา วัต๔ อันนั้น )
แล้วทรงกระทำพระพุทธมารดาให้เป็นประธานในเทวสมาคมนั้น
ตรัส พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ อันมีชื่อว่า
ธัมมสังคณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตมก และ ปัฏฐาน
ให้สมควรแก่ปัญญาบารมีของ
พระพุทธมารดาและหมู่ทวยเทพ
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง “สัตตปกรณาภิธรรม” (พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์) นั้น
สันดุสิตเทพบุตรพุทธมารดาก็บรรลุโสดาปัตติผล
สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกในพระพุทธศาสนา
กล่าวกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
ณ เทวโลก ชั้นดาวดึงส์ ทั้งกลางคืนและกลางวัน
มิมีระหว่างว่างเว้น เป็นเวลาถึง ๓ เดือนเต็มตามเวลาโลกมนุษย์
ในระหว่างที่ทรงแสดง เมื่อถึงเวลาเสด็จบิณฑบาตเพื่อเสวยพระภัตตาหาร
และเวลาทรงพักผ่อนกลางวัน
พระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์ โดย พระคันธสาราวงศ์ วัดท่ามะโอ
แต่มีหลักฐานว่า กถาวัตถุ ได้แต่งขึ้นภายหลัง
เล่ม ๓๗ กถาวัตถุ
คัมภีร์ที่พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานการสังคายนาครั้งที่ ๓ เรียบเรียงขึ้น เพื่อแก้ความเห็นผิดของนิกายต่างๆ ในพระพุทธศาสนาครั้งนั้น ซึ่งได้แตกแยกกันออกแล้วถึง ๑๘ นิกาย
เช่น ความเห็นว่า พระอรหันต์เสื่อมจากอรหัตตผลได้ เป็นพระอรหันต์พร้อมกับการเกิดได้ ทุกอย่างเกิดจากกรรม เป็นต้น
ประพันธ์เป็นคำปุจฉาวิสัชนา มีทั้งหมด ๒๑๙ กถา
แล้วยังมร อรรถกถา อธิบาย คำภีร์ ที่ตนเองได้แต่งขึ้นเองอีก ( คำภีร์ ทั้ง 2 ตนแต่งขึ้นเอง ) ว่าคำของตนเอง นับเป็นพุทธภาษิต เพราะแต่งตามคำภีร์ของพระพุทธเจ้า
ผมขอถามครับ 1. โกหก ผิดศีลหรือไม่ครับ ?
2. พระทธเจ้าตรัสไว้ว่า สาวกจะไม่ได้เห็น ศาสดาอีก ( พระนิพพานแล้ว ย่อมหมดเชื้อที่จะเกิดในภพใดๆแล้ว ) คุณเชื่อพระศาสดาหรือไม่
3. พระอรหัน สามารถไปพบพระศาสดในพรราที่ 7 ก่อนปรินิพพาน ในขณะทีตนเกิดมาหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ได้ ด้วย
4. อรรถกถา ที่ตนแต่งขึ้น ยังบอกว่า พระพุทธเจ้าในอดีตทุกๆพระองค์ ต้องแสดงอภิธรรมปีฏก( ซี่งตนเพิ่งแต่งเสร็จนี่แหละ )นี้บนสวรรค์
ผมขอถามว่า โกหก ผิด ศีลหรือไม่ครับ
และคำภีร์ที่คนโกหก แต่งขึ้นน่าเชื่อถือ ขนาดไหนครับ
คุณเห็นคำภีร์ ที่คนผู้นี้แต่งขึ้น สำคัญกว่า พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า หรือไม่ครับ ?
และคนแต่งอภิธรรมปิฏกเป็นคนเช่นไร ?
แสดงความคิดเห็น
ทำไมพระพุทธเจ้า ไม่ให้ อภิธรรม เป็นตัวแทน ศาสดา ถ้า อภิธรรมปิฏก มีอยู่จริง สมัยพุทธกาล ?
และถ้า อภิธรรมปิฏก มีอยู่แล้วริง สมัยพุทธกาล ทำไมท่านไม่ให้เป็นตัวแทน ของศาสดา ?
1. ไม่มีความสำคัญเท่าพระธรรมเทศนา ที่มาจากพระโอษฐ์ และกสมาธิของพระศาสดา
2. อภิธรรมปิฏก เป็นเพียงคำภีร์ ที่รวบรวมเอาอรรถกถา ทั้งหลายมาแต่งเพิ่มเติมไปภายหลัง ไม่ได้มีในสมัยพุทธกาล
3. เพราะพระพุทธเจ้า ทรงตรัส อนาคต 5 อย่างไว้แล้วเพื่อเตือนสาวก ที่เชื่อฟ้ง ใครไม่เชื่อท่าน ไปยกคนอื่นเป็นศาสดา ท่านก็ไม่ว่าอะไร
เพราะคนที่ไม่เชื่อท่าน ย่อมไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้าท่านอยู่แล้ว