พอดีอ่านเจอข่าวเก่าแล้วสนใจ มีใครพอทราบบ้างมั๊ยครับว่าโปรเจค นี้เป็นอย่างไรบ้าง
วงใน เผย พิชญ์ โพธารามิก ตั้งธงในใจ อยากขาย JAS 6 บาทต่อหุ้นให้ กลุ่มชิน เหตุธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi นับวันทำเงินทำทองมหาศาล หลังจากเปิดฉากเจรจาไปหลายยก งานนี้กลุ่มชิน อยากได้จนตัวสั่น เพราะยังไร้ธุรกิจบริการบรอดแบนด์ ในอุ้มมือหากได้JAS มาครอบครอง ผลักดันให้ฐานลูกค้าพุ่งพรวดแถม กวาดรายได้นับหมื่นล้านบาททันที เซียนหุ้นธนชาต ปรับเป้าJAS เป็น 3.20 บาท รายแรก พร้อมประเมินหากการควบรวมเกิดขึ้น น่าจะเป็นการแลกหุ้นของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้นINTUCH (ผู้ถือหุ้นหลัก ADVANC) สัดส่วน 8-11% INTUCH จะลดแรงกดดันของADVANC ในเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด
นับวันธุรกิจบริการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ในเมืองไทย ขยายตัวต่อเนื่อง ยิ่งได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ โดยมีเป้าหมายพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ให้ครอบคลุมประชากร ไม่ต่ำกว่า80% ภายในปี 2558 และไม่ต่ำกว่า95%ภายในปี 2563 โดยมีคุณภาพบริการที่ได้มาตรฐานและมีอัตราค่าบริการที่เหมาะสม รวมทั้งให้มีบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงผ่านเคเบิลใยแก้วนำแสงในเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 Mbps ภายในปี 2563
ทั้งนี้ ยังขยายการให้บริการระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งของประเทศสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ที่มีคุณภาพในระดับเดียวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานของรัฐในส่วนกลาง เพื่อให้ประชาชนในทุกตำบลสามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่จะมีในระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอดเวลาภายในปี 2558 รวมทั้งสัดส่วนมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ภายในปี 2558...นับว่า ขุมทรัพย์ทองคำบรอดแบนด์ และ Wi-Fi เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้ผู้บริการธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ปีละหลายหมื่นล้านบาท
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ JAS 1 ในผู้เล่นรายใหญ่ ธุรกิจธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ของไทย ซึ่งปัจจุบัน มีลูกค้าใหญ่ คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) โดยมีส่วนสำคัญผลักดันให้รายได้ของJASปีนี้เติบโตมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มชิน ได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นใหญ่ (พิชญ์ โพธารามิก )บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือJAS ซึ่งถือว่า มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ตอนนี้เหลือเพียงกระบวนการตัดสินใจเรื่องของราคาหุ้นที่เสนอขายเท่านั้น
"เท่าที่ทราบ คุณพิชญ์ โพธารามิก อยากจะเสนอขายหุ้นJAS ที่ราคา 6 บาทต่อหุ้นให้กับกลุ่มชิน โดยการซื้ออาจให้INTUCH หรือ ADVANC เป็นฝั่งผู้เสนอซื้อ"แหล่งข่าวกล่าวและว่า แน่นอน ธุรกิจธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ตอนนี้เป็นดาวรุ่ง สร้างรายได้มหาศาล แถม ตอนนี้ มีฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะตามจังหวัดและที่สำคัญ JAS ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) ("TTTBB") ถือว่ามีศักยภาพเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการตัดกำลังคู่แข่งอย่าง DTAC ไปในตัว ถือว่า กลุ่มชินได้ 2 เด้ง เพราะปัจจุบันJAS อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจับมือให้บริการ Wi-Fi แก่ลูกค้าของ DTAC "แหล่งข่าวกล่าว
บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า ปัจจุบันเราจึงแนะนำ“ซื้อ” JAS เราชอบ JAS สำหรับเหตุผลหลักๆ 3 ประการ คือ ประการแรก เนื่องจากความต้องการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ที่เติบโต เราจึงคาดว่าอัตราการเติบโตของnorm. EPS เฉลี่ยต่อปีในช่วง 3 ปี (ปี 2012-14F) จะอยู่ที่ 13% ประการที่สองเนื่องจากราว 80% ของกำไรมาจากธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi JAS จึงกลายเป็นบริษัทที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่ต่ำลง ขณะที่มีฐานะการเงินที่ดีอีกด้วยประการที่สาม ยังคงให้ upside โดยซื้อขายที่ PE เพียง 9.9 เท่า เท่านั้น ซึ่งถูกเมื่อเทียบแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ขึ้นจาก 2.40บาท/หุ้น เป็น 3.20 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มกำไรในระยะยาวของเราขึ้นราว1-4% และปรับสมมติฐานเบต้าลงจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ 1.5 เท่า เป็น 1.2 เท่าเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างธุรกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
บริการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ยังคงอยู่ในช่วงการเติบโต และปัจจัยหลักผลักดันการเติบโต คือ 1) ความต้องการที่เปลี่ยนจาก narrow band ไปเป็นบรอดแบนด์ 2) อัตราการใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยมีเพียง 27% ณ สิ้นปี 2011 เทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วในภูมิภาคเอเชียที่ 80% และ 3) การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของประชาชนการเพิ่มขึ้นของรายได้ และเทคโนโลยีที่มีราคาถูกและเข้าถึงได้มากขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในเรื่องการแข่งขันจากเทคโนโลยี 3G แต่ไม่ใช่ลักษณะการทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ดังที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ 3G, บรอดแบนด์ และ Wi-Fi เป็นการให้บริการเสริมมากกว่าจะทดแทนกัน เพราะมีกลุ่มความต้องการ และราคาที่ต่างกัน
บทวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าจะมีการออกโปรโมชั่นทางการตลาดจำนวนมากจาก 3 ผู้ให้บริการบรอดแบนด์(TOT TRUE และ JAS) แต่ทั้งสามยังคงหลีกเลี่ยงการปรับลดราคา เนื่องจากยอดขายที่เติบโต และผลของ operating leverage (ค่าเสื่อมราคาคิดเป็นสัดส่วน 30%) จากutilization rate ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เราจึงคาดว่ากำไรของ JAS จะเติบโต 57%, 19%และ 18% ในปี 2012-14F นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำกำไร และฐานะการเงินที่ดีขึ้นอีกด้วย ROE ของ JAS คาดว่าจะอยู่เหนือระดับ 20% ในปี 2012 เป็นต้นไป และ JAS จะกลายเป็นบริษัทที่ปลอดหนี้ในปี 2015ศึกษาการทำ M&A
"JAS กำลังให้บริการ Wi-Fi แก่สมาชิกของ ADVANC และ JAS เป็นเจ้าของโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง เพื่อแข่งขันกับ TRUE ซึ่งทำธุรกิจแบบครบวงจร ADVANCจะต้องควบรวมกับ JAS หรือไม่? ในมุมมองของเรา คำตอบ คือ อาจจะ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากธุรกิจของ JAS เป็นส่วนเสริมมากกว่า และไม่ใหญ่พอที่จะดึงดูดความสนใจของ ADVANC ด้านของ JAS ทำไมครอบครัวผู้ก่อตั้งต้องการขายบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและมีอำนาจการควบคุม หากไม่ได้รับการเสนอราคาซื้อที่ดีมาก หากการควบรวมเกิดขึ้น น่าจะเป็นการแลกหุ้นของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้นINTUCH (ผู้ถือหุ้นหลัก ADVANC) สัดส่วน 8-11% INTUCH จะลดแรงกดดันของADVANC ในเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด"บทวิเคราะห์ระบุ
***ฟินันเซียฯดาวเด่นสื่อสาร DTAC-INTUCH-THCOM***
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้ม 1Q12 กำไรปกติส่วนใหญ่จะดีขึ้นทั้ง Q-Q, Y-Y แต่ DTAC จะลดลง Y-Y แต่เพิ่ม Q-Q และ TRUE ขาดทุนเพิ่มขึ้น Y-Y กำไรที่ดีขึ้นส่วนใหญ่จากธุรกิจมือถือ ADVANC จากรายได้บริการด้าน Data เพิ่มอัตราสูงต่อเนื่อง อัตราภาษีจ่ายลดลง 7% THCOM กำไรเพิ่มต่อเนื่อง Q-Q และดีขึ้นมากจากช่วงก่อน 3Q11 ที่ขาดทุน ซึ่งจะทำให้กำไรปกติของ INTUCH เพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรพิเศษสูง ขณะที่ SAMTEL จะรับรู้รายได้งานติดตั้งโครงข่าย 3G เพิ่มขึ้น Q-Q หลังผลกระทบน้ำท่วมใน 4Q11 และเพิ่มต่อเนื่อง Y-Y (รับรู้รายได้งาน 3G ใน 2Q11 - 2Q12)
คงน้ำหนัก Overweight เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มมือถือที่มีกระแสรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ และมีการเติบโตต่อเนื่อง และคาดการประมูล 3G บนคลื่น 2.1 GHz ในปลายปีนี้ (Conservative กว่าของกสทช.ที่คาดว่าจะเกิดภายใน 3Q12) เป็นโอกาสต่อผู้ประกอบการในด้านการเพิ่มรายได้ การลดต้นทุนดำเนินงานในระยะยาว จากเดิมจ่ายค่าสัมปทานในอัตรา 20% - 30% ของรายได้ เปลี่ยนเป็นค่าใบอนุญาต 7% - 8% และเพิ่มความมั่นคงของธุรกิจจากสัมปทานเดิมของแต่ละบริษัทที่จะหมดในช่วงเวลาต่างๆ กัน (ปี 2013 - 2018)
Top Picks: DTAC (เป้าหมาย 93 บาท), INTUCH (ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 64 บาท จากเดิม 63 บาท จากการปรับเป้าหมายของ THCOM), THCOM (เป้าหมาย 15.80 บาท)
***บรอดแบนด์TRUE เด่นสุด ฝัง HotSpot ทั้งในกรุงเทพฯ เเละ หัวเมืองตจว.
นักวิเคราะห์ หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่า การเเข่งขันในธุรกิจการสื่อสารด้วยระบบบรอดแบนด์ ในปัจุบันมีการให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านการกระจายสัญญาณเเบบ HotSpot ซึ่งTRUE มีจำนวนมากที่สุด ทั้งในกรุงเทพฯ เเละ จังหวัดใหญ่ ๆ ขณะที่ ADVANC มีการใช้เสากระจายสัญญาณของ JAS โดยให้บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (มหาชน) จำกัด หรือ 3BB ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS ส่วน DTAC มีจำนวน HotSpot น้อยที่สุด เนื่องจากเริ่มดำเนินการไปเพียงไม่นาน
ทั้งนี้ หากมองในเเง่ของการเติบโตในปี 2555 คาด ADVANC มีอัตราการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากมีมาร์เก็ตแชร์มือถืออันดับ 1 ส่งผลให้ผลการดำเนินเติบโต นอกจากนี้ รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง อาทิ รายได้จากการบริการ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัทพ์มือถือมากขึ้น
ขณะที่คาดว่า DTAC น่าทรงตัวในปีนี้ เนื่องจากอัตราส่วนแบ่งรายได้ทรงตัว ส่วนTRUE น่าจะยังมีผลขาดทุนในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าผบการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังขาดทุน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร คือ นโยบายของ คณะกรรมกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ว่าจะมีการเลื่อนการประมูล 3G ออกไป จากการประกาศใช้เเผนเเม่บทในกรอบเวลาเดิม ในไตรมาส3/2555 หรือไม่ เพราะหากเลื่อนออกไปก็จะส่งผลในทางลบต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ประกอบกับ ประกาศ ของ กสทช. ที่ประกาศข้อกำหนดไว้ว่าการถือหุ้น โดยคนต่างด้าว ในบริษัทฯ สื่อสารต้องมีสัดส่วนไม่เกิน 49% เเละกำหนดไว้ว่าผู้บริหารต้องไม่เป็นคนต่างด้าว เเละต้องไม่เป็นการถือหุ้นในลักลักษณะตัวเเทน(Nominy) ซึ่งการประกาศดังกล่าวถ้าเป็นลบก็จะส่งผลในต่อความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของหุ้นในกลุ่มนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เกียรตินาคิน กล่าวว่า กรณีมีบทวิเคราะห์ ของโบรกเกอร์เเห่งหนึ่ง ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า JAS จะให้บริการ Wi-Fi เเก่สมาชิกของ ADVANC ซึ่ง JAS เป็นเจ้าของเครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ ADVANC จะต้องควบรวมกับ JAS โดยการเข้าไปซื้อหุ้น JAS นั้น ซึ่งใช้วิธีการแลกหุ้น( SWAP) ของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้น INTUCH นั้น น่าจะเป็นผลดีกับ JAS มากกว่า เนื่องจากจะได้ประโยชน์ จากการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เข้าไปถือหุ้น ในบริษัทฯ ก็ไม่ได้เสียประโยชน์เเต่อย่างไร เพียงมีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงไป ขณะที่บริษัทฯ จะมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ส่วน ที่กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น หวังจะเข้าถึงธุรกิจบอรดเเบนด์ และ Wi-Fi ที่ JAS ทำอยู่ จะสร้างฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น เเละส่งผลต่อการ Synergy ของกลุ่มธุรกิจในทั้ง 2 บริษัทฯ
ข่าวเก่า เรื่อง ขาย JAS ให้กลุ่มชิน ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วครับ
วงใน เผย พิชญ์ โพธารามิก ตั้งธงในใจ อยากขาย JAS 6 บาทต่อหุ้นให้ กลุ่มชิน เหตุธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi นับวันทำเงินทำทองมหาศาล หลังจากเปิดฉากเจรจาไปหลายยก งานนี้กลุ่มชิน อยากได้จนตัวสั่น เพราะยังไร้ธุรกิจบริการบรอดแบนด์ ในอุ้มมือหากได้JAS มาครอบครอง ผลักดันให้ฐานลูกค้าพุ่งพรวดแถม กวาดรายได้นับหมื่นล้านบาททันที เซียนหุ้นธนชาต ปรับเป้าJAS เป็น 3.20 บาท รายแรก พร้อมประเมินหากการควบรวมเกิดขึ้น น่าจะเป็นการแลกหุ้นของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้นINTUCH (ผู้ถือหุ้นหลัก ADVANC) สัดส่วน 8-11% INTUCH จะลดแรงกดดันของADVANC ในเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด
นับวันธุรกิจบริการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ในเมืองไทย ขยายตัวต่อเนื่อง ยิ่งได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ โดยมีเป้าหมายพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ให้ครอบคลุมประชากร ไม่ต่ำกว่า80% ภายในปี 2558 และไม่ต่ำกว่า95%ภายในปี 2563 โดยมีคุณภาพบริการที่ได้มาตรฐานและมีอัตราค่าบริการที่เหมาะสม รวมทั้งให้มีบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงผ่านเคเบิลใยแก้วนำแสงในเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 Mbps ภายในปี 2563
ทั้งนี้ ยังขยายการให้บริการระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งของประเทศสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ที่มีคุณภาพในระดับเดียวกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานของรัฐในส่วนกลาง เพื่อให้ประชาชนในทุกตำบลสามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่จะมีในระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอดเวลาภายในปี 2558 รวมทั้งสัดส่วนมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ภายในปี 2558...นับว่า ขุมทรัพย์ทองคำบรอดแบนด์ และ Wi-Fi เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้ผู้บริการธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ปีละหลายหมื่นล้านบาท
บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ JAS 1 ในผู้เล่นรายใหญ่ ธุรกิจธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ของไทย ซึ่งปัจจุบัน มีลูกค้าใหญ่ คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) โดยมีส่วนสำคัญผลักดันให้รายได้ของJASปีนี้เติบโตมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มชิน ได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นใหญ่ (พิชญ์ โพธารามิก )บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือJAS ซึ่งถือว่า มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ตอนนี้เหลือเพียงกระบวนการตัดสินใจเรื่องของราคาหุ้นที่เสนอขายเท่านั้น
"เท่าที่ทราบ คุณพิชญ์ โพธารามิก อยากจะเสนอขายหุ้นJAS ที่ราคา 6 บาทต่อหุ้นให้กับกลุ่มชิน โดยการซื้ออาจให้INTUCH หรือ ADVANC เป็นฝั่งผู้เสนอซื้อ"แหล่งข่าวกล่าวและว่า แน่นอน ธุรกิจธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ตอนนี้เป็นดาวรุ่ง สร้างรายได้มหาศาล แถม ตอนนี้ มีฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะตามจังหวัดและที่สำคัญ JAS ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) ("TTTBB") ถือว่ามีศักยภาพเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการตัดกำลังคู่แข่งอย่าง DTAC ไปในตัว ถือว่า กลุ่มชินได้ 2 เด้ง เพราะปัจจุบันJAS อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อจับมือให้บริการ Wi-Fi แก่ลูกค้าของ DTAC "แหล่งข่าวกล่าว
บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่า ปัจจุบันเราจึงแนะนำ“ซื้อ” JAS เราชอบ JAS สำหรับเหตุผลหลักๆ 3 ประการ คือ ประการแรก เนื่องจากความต้องการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ที่เติบโต เราจึงคาดว่าอัตราการเติบโตของnorm. EPS เฉลี่ยต่อปีในช่วง 3 ปี (ปี 2012-14F) จะอยู่ที่ 13% ประการที่สองเนื่องจากราว 80% ของกำไรมาจากธุรกิจบรอดแบนด์ และ Wi-Fi JAS จึงกลายเป็นบริษัทที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความเสี่ยงที่ต่ำลง ขณะที่มีฐานะการเงินที่ดีอีกด้วยประการที่สาม ยังคงให้ upside โดยซื้อขายที่ PE เพียง 9.9 เท่า เท่านั้น ซึ่งถูกเมื่อเทียบแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ขึ้นจาก 2.40บาท/หุ้น เป็น 3.20 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มกำไรในระยะยาวของเราขึ้นราว1-4% และปรับสมมติฐานเบต้าลงจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่ 1.5 เท่า เป็น 1.2 เท่าเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างธุรกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
บริการบรอดแบนด์ และ Wi-Fi ยังคงอยู่ในช่วงการเติบโต และปัจจัยหลักผลักดันการเติบโต คือ 1) ความต้องการที่เปลี่ยนจาก narrow band ไปเป็นบรอดแบนด์ 2) อัตราการใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยมีเพียง 27% ณ สิ้นปี 2011 เทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วในภูมิภาคเอเชียที่ 80% และ 3) การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของประชาชนการเพิ่มขึ้นของรายได้ และเทคโนโลยีที่มีราคาถูกและเข้าถึงได้มากขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในเรื่องการแข่งขันจากเทคโนโลยี 3G แต่ไม่ใช่ลักษณะการทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ดังที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ 3G, บรอดแบนด์ และ Wi-Fi เป็นการให้บริการเสริมมากกว่าจะทดแทนกัน เพราะมีกลุ่มความต้องการ และราคาที่ต่างกัน
บทวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าจะมีการออกโปรโมชั่นทางการตลาดจำนวนมากจาก 3 ผู้ให้บริการบรอดแบนด์(TOT TRUE และ JAS) แต่ทั้งสามยังคงหลีกเลี่ยงการปรับลดราคา เนื่องจากยอดขายที่เติบโต และผลของ operating leverage (ค่าเสื่อมราคาคิดเป็นสัดส่วน 30%) จากutilization rate ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เราจึงคาดว่ากำไรของ JAS จะเติบโต 57%, 19%และ 18% ในปี 2012-14F นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำกำไร และฐานะการเงินที่ดีขึ้นอีกด้วย ROE ของ JAS คาดว่าจะอยู่เหนือระดับ 20% ในปี 2012 เป็นต้นไป และ JAS จะกลายเป็นบริษัทที่ปลอดหนี้ในปี 2015ศึกษาการทำ M&A
"JAS กำลังให้บริการ Wi-Fi แก่สมาชิกของ ADVANC และ JAS เป็นเจ้าของโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง เพื่อแข่งขันกับ TRUE ซึ่งทำธุรกิจแบบครบวงจร ADVANCจะต้องควบรวมกับ JAS หรือไม่? ในมุมมองของเรา คำตอบ คือ อาจจะ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ เนื่องจากธุรกิจของ JAS เป็นส่วนเสริมมากกว่า และไม่ใหญ่พอที่จะดึงดูดความสนใจของ ADVANC ด้านของ JAS ทำไมครอบครัวผู้ก่อตั้งต้องการขายบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและมีอำนาจการควบคุม หากไม่ได้รับการเสนอราคาซื้อที่ดีมาก หากการควบรวมเกิดขึ้น น่าจะเป็นการแลกหุ้นของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้นINTUCH (ผู้ถือหุ้นหลัก ADVANC) สัดส่วน 8-11% INTUCH จะลดแรงกดดันของADVANC ในเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด"บทวิเคราะห์ระบุ
***ฟินันเซียฯดาวเด่นสื่อสาร DTAC-INTUCH-THCOM***
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้ม 1Q12 กำไรปกติส่วนใหญ่จะดีขึ้นทั้ง Q-Q, Y-Y แต่ DTAC จะลดลง Y-Y แต่เพิ่ม Q-Q และ TRUE ขาดทุนเพิ่มขึ้น Y-Y กำไรที่ดีขึ้นส่วนใหญ่จากธุรกิจมือถือ ADVANC จากรายได้บริการด้าน Data เพิ่มอัตราสูงต่อเนื่อง อัตราภาษีจ่ายลดลง 7% THCOM กำไรเพิ่มต่อเนื่อง Q-Q และดีขึ้นมากจากช่วงก่อน 3Q11 ที่ขาดทุน ซึ่งจะทำให้กำไรปกติของ INTUCH เพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรพิเศษสูง ขณะที่ SAMTEL จะรับรู้รายได้งานติดตั้งโครงข่าย 3G เพิ่มขึ้น Q-Q หลังผลกระทบน้ำท่วมใน 4Q11 และเพิ่มต่อเนื่อง Y-Y (รับรู้รายได้งาน 3G ใน 2Q11 - 2Q12)
คงน้ำหนัก Overweight เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มมือถือที่มีกระแสรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ และมีการเติบโตต่อเนื่อง และคาดการประมูล 3G บนคลื่น 2.1 GHz ในปลายปีนี้ (Conservative กว่าของกสทช.ที่คาดว่าจะเกิดภายใน 3Q12) เป็นโอกาสต่อผู้ประกอบการในด้านการเพิ่มรายได้ การลดต้นทุนดำเนินงานในระยะยาว จากเดิมจ่ายค่าสัมปทานในอัตรา 20% - 30% ของรายได้ เปลี่ยนเป็นค่าใบอนุญาต 7% - 8% และเพิ่มความมั่นคงของธุรกิจจากสัมปทานเดิมของแต่ละบริษัทที่จะหมดในช่วงเวลาต่างๆ กัน (ปี 2013 - 2018)
Top Picks: DTAC (เป้าหมาย 93 บาท), INTUCH (ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 64 บาท จากเดิม 63 บาท จากการปรับเป้าหมายของ THCOM), THCOM (เป้าหมาย 15.80 บาท)
***บรอดแบนด์TRUE เด่นสุด ฝัง HotSpot ทั้งในกรุงเทพฯ เเละ หัวเมืองตจว.
นักวิเคราะห์ หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่า การเเข่งขันในธุรกิจการสื่อสารด้วยระบบบรอดแบนด์ ในปัจุบันมีการให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านการกระจายสัญญาณเเบบ HotSpot ซึ่งTRUE มีจำนวนมากที่สุด ทั้งในกรุงเทพฯ เเละ จังหวัดใหญ่ ๆ ขณะที่ ADVANC มีการใช้เสากระจายสัญญาณของ JAS โดยให้บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (มหาชน) จำกัด หรือ 3BB ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS ส่วน DTAC มีจำนวน HotSpot น้อยที่สุด เนื่องจากเริ่มดำเนินการไปเพียงไม่นาน
ทั้งนี้ หากมองในเเง่ของการเติบโตในปี 2555 คาด ADVANC มีอัตราการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากมีมาร์เก็ตแชร์มือถืออันดับ 1 ส่งผลให้ผลการดำเนินเติบโต นอกจากนี้ รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง อาทิ รายได้จากการบริการ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัทพ์มือถือมากขึ้น
ขณะที่คาดว่า DTAC น่าทรงตัวในปีนี้ เนื่องจากอัตราส่วนแบ่งรายได้ทรงตัว ส่วนTRUE น่าจะยังมีผลขาดทุนในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าผบการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังขาดทุน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร คือ นโยบายของ คณะกรรมกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ว่าจะมีการเลื่อนการประมูล 3G ออกไป จากการประกาศใช้เเผนเเม่บทในกรอบเวลาเดิม ในไตรมาส3/2555 หรือไม่ เพราะหากเลื่อนออกไปก็จะส่งผลในทางลบต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ประกอบกับ ประกาศ ของ กสทช. ที่ประกาศข้อกำหนดไว้ว่าการถือหุ้น โดยคนต่างด้าว ในบริษัทฯ สื่อสารต้องมีสัดส่วนไม่เกิน 49% เเละกำหนดไว้ว่าผู้บริหารต้องไม่เป็นคนต่างด้าว เเละต้องไม่เป็นการถือหุ้นในลักลักษณะตัวเเทน(Nominy) ซึ่งการประกาศดังกล่าวถ้าเป็นลบก็จะส่งผลในต่อความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของหุ้นในกลุ่มนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เกียรตินาคิน กล่าวว่า กรณีมีบทวิเคราะห์ ของโบรกเกอร์เเห่งหนึ่ง ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า JAS จะให้บริการ Wi-Fi เเก่สมาชิกของ ADVANC ซึ่ง JAS เป็นเจ้าของเครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ ADVANC จะต้องควบรวมกับ JAS โดยการเข้าไปซื้อหุ้น JAS นั้น ซึ่งใช้วิธีการแลกหุ้น( SWAP) ของผู้ถือหุ้น JAS ไปถือหุ้น INTUCH นั้น น่าจะเป็นผลดีกับ JAS มากกว่า เนื่องจากจะได้ประโยชน์ จากการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เข้าไปถือหุ้น ในบริษัทฯ ก็ไม่ได้เสียประโยชน์เเต่อย่างไร เพียงมีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงไป ขณะที่บริษัทฯ จะมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ส่วน ที่กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น หวังจะเข้าถึงธุรกิจบอรดเเบนด์ และ Wi-Fi ที่ JAS ทำอยู่ จะสร้างฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น เเละส่งผลต่อการ Synergy ของกลุ่มธุรกิจในทั้ง 2 บริษัทฯ