ข้าฯจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บหรอกนะเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีความพยายามอาศัยสื่อฯที่เอ็งจะผลัดจับผลูได้มารายการหนึ่ง จากการเลือกข้างของเอ็ง แล้วทำการยุยงใส่ร้าย โดยไม่อินังขังขอบกับความแตกแยกของบ้านเมือง
ข้าฯไม่อยากพูดเรื่องที่ความเป็นอาจารย์ของเอ็ง แล้วใช้เฟสของเอ็งในการโพสรูปดูถูกเหยียบหยามนายกฯที่เป็นสุภาพสตรีของเอ็งหรอกนะ เพราะมันเกี่ยวกับจิตสำนึกของคนเป็นอาจารย์ ถ้ามีจิตสำนึกเพียงน้อยนิด เอ็งควรจะรู้ว่ามันควรหรือไม่อย่างไร ไม่ใช่รอให้คนด่ากันตรึม แล้วก็กระมิดกระเมี้ยนลบรูปไปซะในตอนนั้น
ข้าฯก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เอ็งพยายามจะดิสเครดิตท่านนายกฯเรื่องเหยียบฐานพระบรมธาตุเจดีย์ เพราะเอ็งได้ประจานความเสร่อของเอ็งตั้งแต่วันนั้นแล้ว ข้าฯจึงป่วยการที่จะมาเท้าความอีก
แต่ที่ข้าฯจะมาเขียนในวันนี้ กลับเป็นเรื่องที่เอ็งโพสในเฟส แม้จะใช้คำว่าจุดยืนของเอ็ง แต่ในฐานะของความเป็นอาจารย์ของเอ็ง จะมาให้ข้อมูลผิดๆ ข้าฯเห็นว่ามันไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นจุดยืนที่เต็มไปด้วยความบิดเบือน จนอาจทำให้ลูกศิษย์ลูกหาของเอ็งเข้าใจผิดก็ได้นะเจิมศักดิ์
เอาล่ะ เพื่อความเป็นธรรมสำหรับเอ็ง เราลองมาถกกันในประเด็นที่คิดเห็นต่างระหว่างอาจารย์อย่างเอ็งกับคนรากหญ้าที่เอ็งดูถูกเสมอว่า ไม่มีคุณภาพดูสักตั้งก็แล้วกันนะเว้ยเจิมศักดิ์ เอ็งเฟสมาทั้งหมด 6 ข้อ ข้าฯก็จะถกกับเอ็งทั้ง 6 ข้อนี่แหละ แล้วดูว่าอาจารย์อย่างเอ็งกับรากหญ้าอย่างข้าฯ ใครจะมีเหตุผลกว่ากัน ใครรักประเทศชาติกว่ากัน
ข้อ 1 ที่เอ็งเฟส “เปรียบเทียบ พรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุนการเผาบ้านเผาเมือง ปลุกระดมให้คนออกมากระทำผิด สร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหาย กับอีกพรรคการเมืองที่พยายามห้ามการเผาบ้านเผาเมือง ประคับประคองสถานการณ์ ระดมสรรพกำลังช่วยกันดับไฟ (ถูกพวกเผาบ้านเผาเมืองยิงสกัดด้วยซ้ำ) แถมช่วยล้างบ้านล้างเมือง ทำความสะอาดกองเถ้าถ่าน กอบกู้กรุงเทพฯ ... คิดง่ายๆ แค่นี้ จะเลือกใคร”
เอ็งเปรียบเทียบอะไรของเอ็ง ในเมื่อข้อมูลที่เอ็งนำมานั้น มันเป็นข้อมูลที่บิดเบือนอย่างเห็นได้ชัด เพราะเอ็งจะกล่าวหาเขาว่า “เผาบ้านเผาเมือง” เอ็งต้องรู้จักลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังเสียก่อน ข้าฯถามเอ็งเหอะ ถ้าไม่มี “ฆ่า”ในวันนั้น จะมี “การเผา”หรือ ในเมื่อการชุมนุมในวันนั้น ชุมนุมกันหลายเดือน ก็ไม่มีทีท่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น จนกระทั่ง “การฆ่า”เกิดขึ้น “การเผา”จึงตามมา อีกทั้งยังมีคดีเผา “ห้าง”ยังมีหลายอย่างที่มีปมน่าสงสัยอยู่ว่า ใครกันแน่ที่ “เผา” ดังนั้นเอ็งจะนำเหตุการณ์นี้ แล้วก็มาโยงกับผู้ว่าฯ มันให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครแล้วหรือฟ่ะ เอ็งมองไม่เห็นคนตาย แต่กลับมองเห็นแต่ควันไฟ เอ็งมองไม่เห็นคราบเลือด แต่กลับมองเห็นแต่การชำระล้าง นั่นเป็นเพราะอะไรหือ เอ็งรู้ตัวเองบ้างหรือเปล่าฟ่ะ เจิมศักดิ์
ข้าฯจะบอกให้ เอ็งน่ะถูกความเกลียดชังจนบดบังความเป็นอาจารย์ของเอ็งจนหมดสิ้น เอ็งถูกความเกลียดชังจนทำลายจิตวิญญาณของความเป็นอาจารย์จนหมดสิ้น เอ็งถูกความเกลียดชัง จนละเลยต่อชีวีตคนบริสุทธิ์ที่สูญสิ้นไปกับความพยายามรักษาฐานอำนาจของตัวเอง เฮ้อ เจิมศักดิ์ เอ็งอายอาจารย์คนนี้หรือเปล่า ขนาดถูกลูกศิษย์ลวงไปแทงจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะความเป็นอาจารย์ ยังออกปากให้อภัยเพื่ออนาคตของลูกศิษย์ แล้วเอ็งล่ะ จะจงเกลียดจงชังคนเสื้อแดงไปถึงไหนกันเหอ เจิมศักดิ์ หรือจะต้องให้คนเสื้อแดงตายหมดทั้งแผ่นดินจึงจะสาสมใจเอ็ง
2 เอ็งเฟสต่อ “พรรคการเมือง ที่พยายามยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่างๆ นำโดยนักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาล ทุจริตโกงบ้านกินเมือง ซึ่งมีทั้งกองกำลังติดอาวุธ พรรคการเมือง และมีมวลชน กับอีกพรรคการเมืองที่สนับสนุนกระบวนการรัฐสภา ระบบยุติธรรม ไม่ขอล้างผิดให้ตัวเอง พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติ... จะเลือกใคร”
พรรคการเมืองไหนกันหว่าที่ยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่างๆ เอ็งอย่าพูดขาวเป็นดำ พูดผิดให้เป็นถูกเลยฟ่ะ ทุเรศกับเอ็งจริงๆว่ะ พรรคที่ได้อำนาจจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น อย่างนี้เอ็งเรียกว่า “ยึดอำนาจ” ส่วนพรรคคนดีของเอ็ง ต้องใช้ทั้งกองทัพและรัฐธรรมนูญเผด็จการจนได้สู่อำนาจ แต่ประชาชนไม่ยอมรับ แล้วก็ใช้อำนาจที่มีอยู่ ทำการรักษาอำนาจไว้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคนร่วมแผ่นดิน แบบนั้นหรือฟ่ะเป็นรัฐบาลที่สนับสนุนกระบวนการรัฐสภาที่เอ็งว่า ถุด...
แล้วเอ็งยังพยายามยกหางเรื่องสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรมปกติ โธ่เอ๊ย เอ็งนี่ไม่น่าจะเป็นอาจารย์เลย แต่เหมาะที่จะเป็นสาวกประชาธิปัตย์จริ๊งจริง กระบวนการที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารจัดการกับรัฐบาลทักษิณ เอ็งว่าเป็นกระบวนการปกติ? ความยุติธรรมที่มาจากกระบวนการตามรัฐธรรมนูญเผด็จการ เอ็งว่ากระบวนการปกติ?
เอ็งอย่าบอกนะว่า เอ็งไม่เคยเห็นคลิปความพยายามช่วยเหลือไม่ให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งถูกยุบเป็นกระบวนการปกติ
เอ็งอย่าบอกนะว่า การเลื่อนฟ้องแกนนำพันธมิตรฯเป็นครั้งที่ 18 นั้น เป็นกระบวนการตามปกติ
ดังนั้นที่ข้าฯจะบอกเอ็งก็คือ ที่ประชาชนส่วนใหญ่นั้นเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น ก็เพราะกลัวความปกติของกระบวนการยุติธรรม จนทำให้อีกฝ่ายไม่มีผิดจะให้ล้างต่างหากเล่า เจิมศักดิ์เอ๊ย ทำเป็นไขสือไปได้
3 ที่เอ็งบอกว่า “พรรคการเมือง ที่ครั้งน้ำท่วม อ้างว่าเอาอยู่ ไม่บอกความจริงของสถานการณ์แก่ประชาชน แต่กลับนำน้ำทะลักผ่ากลางเมือง เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ด้านซ้ายและขวากรุงเทพ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของตนเอง แถมเอาการเมืองมาหาเสียงกับของบริจาค เปรียบเทียบกับพรรคการเมืองที่มีผู้ว่า กทม. ที่สนับสนุนให้คนกรุงออกมาปกป้องน้ำท่วมและเร่งระบายน้ำ เดินตากแดดหน้าดำ ร่วมทุกข์กับชาวบ้าน และช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม เดือดร้อน...จะเลือกใคร”
นั่นเอ็งก็มั่วอีก อ้อ ไม่ใช่มั่ว แต่เป็นการใส่ร้ายกันชัดๆ เพราะถ้าเป็นความจริงอย่างที่เอ็งพูด วันนี้เอ็งคงไม่ต้องหาเรื่องมาปรักปรำเขาแบบนี้หรอก ว่าไหมเจิมศักดิ์ เพราะสิ่งที่คนกรุงเทพได้เห็นนั่นคือ ความพยายามขัดแข้งขัดขากันต่างหาก นโยบายรัฐจะทำอย่าง แต่ผู้ว่าฯกลับให้ฟังผมคนเดียว ตอนเดือดร้อน ผู้ว่าฯก็ให้รอก่อน เพราะเป็นเวลาพักผ่อน ถุงทรายอุดท่อระบายน้ำ เดี๋ยวก็เป็นการใส่ร้าย เดี๋ยวก็เป็นเทคนิคการระบายน้ำ เอ็งคิดว่าคนกรุงเทพโง่สิท่า จึงได้พยายามบิดเบือนในสิ่งที่เขาได้ประสบด้วยตัวเองมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นที่เอ็งจะหลอกได้ก็คงหลอกได้แต่พวกที่อย่างไรเสียก็จะเลือกเท่านั้นเองแหละเฟ้ย เข้าใจไหม เจิมศักดิ์ ว่าทำไมคนกรุงเทพเขาจึงอยากได้ผู้ว่าฯไร้รอยต่อ?
แล้วก็มาข้อ 4 ของเอ็ง “พรรคการเมือง ที่ได้ชื่อว่ามีเถ้าแก่ใหญ่คอยบัญชาอยู่เบื้องหลัง ส่งหุ่นเชิดมาเป็นนายกฯ คุมผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เกิดความระแวงว่าจะส่งหุ่นเชิดมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้เป็นรัฐตำรวจโดยสมบูรณ์แบบ เปรียบกับผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ที่เป็นอิสระ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก มุ่งทำงานบริหารส่วนท้องถิ่นของ กทม.อย่างเป็นอิสระ มีผลงานไม่ขี้เหร่ เพียงแต่ไม่ใช่คนขี้คุย... จะเลือกใคร”
ข้าฯล่ะเซ็งกับเอ็งเหลือเกิน ข้าฯว่าเจ้าเสรีแย่แล้วนะ เอ็งยังแย่กว่าเสียอีก เพราะเอ็งหลับหูหลับตาโพส โดยคิดเหมือนกับพรรคของเอ็งคิดไม่มีผิด นั่นคือคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใคร ป๊าดโธ่เอ๊ย หุ่นเชิดตัวแรกเป็นใคร เอ็งทำเป็นลืมไปได้ เอ็งเคยเห็นการ์ตูนล้อการเมืองสมัยนั้นหรือเปล่า รูปพิน็อคคีโอที่มีเชือกชักอยู่ข้างบนน่ะ เอ็งคงรู้สินะว่าเขาหมายถึงใคร แล้วหมายถึงอะไร
หรือจะเป็นคำพูดของท่านชุมพล ขออนุญาตที่ต้องเอ่ยนาม ที่บอกว่า ถ้าไม่มีอำนาจพิเศษที่ยากปฏิเสธ คงไม่ร่วมกับพรรคคนดีของเอ็ง นั่นคงบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เพียงแต่เอ็งเลือกที่จะปิดหูปิดตาตัวเองต่างหากเล่า
ส่วนที่เอ็งอวยโดยไม่ลืมหูลืมตานั้น ข้าฯว่าถ้ามีผลงานโดยที่ไม่ใช่คนขี้คุย งั้นเอ็งทำไมไม่คุยแทนล่ะว้า ยกผลงานมาแสดงกันมาเป็นข้อๆ เพื่อให้คนกรุงเทพรับทราบถึงผลงาน ดีกว่าที่เอ็งจะมาใส่ร้ายด้วยข้อหาอะไรต่อมิอะไรให้คนสมเพชล่ะเจิมศักดิ์ หรือความจริงแล้วที่พวกเอ็งทะเล่อทะล่าออกมาสร้างวาทกรรมบิดเบือน เป็นเพราะไม่มีผลงานจะอวดมากกว่ามั้งเจิมศักดิ์
(5) เปรียบเทียบผู้สมัครที่มีประวัติเคยขโมยวิทยุที่สหรัฐอเมริกา ทำตัวเป็นนายหน้าม้าใช้ชักจูงนักข่าวหญิง พยายามจะนำไปสังเวยนาย เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องเซ่นนาย ลองเทียบดับคนที่พูดไม่เก่ง คุยโวไม่เป็น ไม่มีวาทศิลป์ ไม่เชี่ยวชาญงานประชาสัมพันธ์สร้างภาพ แต่เคยพิสูจน์ตัวเองในยามวิกฤติน้าสิ่วหน้าขวาน เคยเอาตัวเองเป็นตัวประกันผู้ร้ายที่ยึดสถานทูตพม่า... จะเลือกใคร
ทุเรศจริงๆสำหรับข้อนี้ เอ็งทำตัวไม่ต่างกับเจ้าปลาบู่ชนเขื่อน หรือไม่ก็เจ้าวัชระจริงๆนะวุ้ยเจิมศักดิ์ ข้อนี้ข้อเดียวก็ทำให้เกียรติของเอ็ง ถ้าจะพอมีอยู่บ้าง สูญสิ้นไปหมดกับข้อกล่าวหานี้ เอ็งจะชักแม่น้ำทั้ง 5 มาก็ไม่อาจลบล้างความเป็นจริงที่ว่า คุณพงศพัศมีคุณสมบัติครบถ้วนในการสมัครผู้ว่าฯ นั่นหมายถึงอะไรเอ็งรู้ไหม มันหมายถึงความพยายามใส่ไคล้ เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองได้รับการเลือกตั้ง นี่ต่างหากเล่าเจิมศักดิ์ เป็นสิ่งที่คนกรุงเทพต้องตระหนักต่างหากครับว่า เราต้องการนักบริหารหรือต้องการผู้ว่าฯที่จะทำด้วยวิธีไหนก็ได้ เพื่อให้ได้ตำแหน่งมา
สำหรับคุณสุขุมพันธ์ที่เคยเอาตัวเองเป็นตัวประกันผู้ร้ายที่ยึดสถานทูตนั้น ข้าฯก็ชื่นชม ข้าฯก็นับถือเฉกเช่นเดียวกับหลายๆคนที่รู้เรื่อง เพียงแต่เอ็งจะนำมาเปรียบเทียบกับการเลือกผู้ว่าฯนั้นคงไม่ได้หรอกนะเจิมศักดิ์ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็นความต้องการให้กรุงเทพก้าวหน้าในอีก 4 ปีต่อจากนี้ไป ไม่ใช่เลือกเพื่อรอให้ไปเป็นตัวประกันเสียที่ไหนกันเล่า เอ็งเข้าใจไหมเนี่ย
ส่วนเรื่องพูดไม่เก่ง คุยโวไม่เป็น ไม่มีวาทศิลป์และไม่เชี่ยวชาญงานประชาสัมพันธ์นั้น เอ็งกำลังหลอกใครอยู่เหอ มีแต่พวกปัญญาอ่อนสิจะเชื่อเอ็ง ก็พรรค ปชป.แต่ละคนล้วนแต่ขึ้นชื่อในเรื่อง “ดีแต่พูด”กันทั้งนั้น ถ้ามีดีพอที่จะอวด คงไม่ต้องใช้มุกเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเผาบ้านเผาเมืองหรือเรื่องของคุณทักษิณหรอกเว้ย จริงไหมวะเจิมศักดิ์
(6) คนที่เรียนจบทางอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยเดียวกับทักษิณ และมาเป็นตำรวจแบบที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส บอกว่าไม่เคยจับโจร เป็นตำรวจประชาสัมพันธ์ เอาแต่ออกทีวี แถลงข่าว จัดอีเว้นท์ สร้างภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เคยเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ร่วมฝ่าฟันวิกฤติ ทั้งจากการเผากรุง ทั้งจากน้ำท่วมกรุง ทำงานให้คนกรุงเทพฯ มาตลอดเวลา 4 ปี ... คิดง่ายๆ บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้ จะเลือกใคร
ทั้งหมด ผมได้คำตอบชัดเจนว่า เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้สมัครเบอร์ 16 เป็นผู้ว่าฯ กทม. ครับ
สำหรับข้อนี้ก็เช่นกันว้อยเจิมศักดิ์ สมองเอ็งคิดได้แค่นี้จริงๆหรือฟ่ะ เป็นตำรวจมันต้องจับโจรอย่างเดียวหรือไง มันมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละส่วนก็ทำตามหน้าที่ที่ได้มอบหมาย และคุณพงศพัศก็ได้ทำตามหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วไง แค่นี้เอ็งก็เห็นเป็นข้อด้อยงั้นสิ สำหรับเรื่องประชาสัมพันธ์ เรื่องแถลงข่าว เรื่องจัดอีเว้นท์ สร้างภาพ เอ็งว่าทำกันอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ
สุดท้ายที่ข้าฯอยากบอกเอ็งว่า หยุดเถิดว้า พวกเอ็งทำให้ประเทศวุ่นวายมาหลายปีแล้วไม่รู้หรือ หน้ากากที่พวกเอ็งสวมใส่อยู่ มันถลอกปอกเปิกกันหมดแล้ววุ้ย ยิ่งนานวัน ชื่อเสียงที่สั่งสมมายิ่งเสื่อมลงเรื่อยๆ วาทกรรมที่พวกเอ็งพยายามยัดเยียดให้คนคล้อยตาม มันเริ่มไม่เป็นผลแล้วว่ะ เพราะคนส่วนใหญ่เขาเห็นธาตุแท้ของพวกเอ็งจนหมดสิ้น ดังนั้นพวกเอ็งจึงถูกสั่งสอนให้เป็นบทเรียนตอนเลือกตั้งใหญ่ และคนกรุงเทพก็กำลังจะลงโทษพวกเอ็งในวันที่ 3 นี้ ถ้าพวกเอ็งยังไม่ยอมหยุด อย่าหวังเลยว่า จะมีโอกาสกลับมามีอำนาจโดยผ่านทางช่องทางการเลือกตั้ง เพราะที่พวกเอ็งกำลังสู้อยู่นั้น มันเป็นพลังของประชาชนนะโว้ยเจิมศักดิ์
วันนี้ก็มาถึงคิวของเอ็งเสียที เจ้าเจิมศักดิ์
ข้าฯไม่อยากพูดเรื่องที่ความเป็นอาจารย์ของเอ็ง แล้วใช้เฟสของเอ็งในการโพสรูปดูถูกเหยียบหยามนายกฯที่เป็นสุภาพสตรีของเอ็งหรอกนะ เพราะมันเกี่ยวกับจิตสำนึกของคนเป็นอาจารย์ ถ้ามีจิตสำนึกเพียงน้อยนิด เอ็งควรจะรู้ว่ามันควรหรือไม่อย่างไร ไม่ใช่รอให้คนด่ากันตรึม แล้วก็กระมิดกระเมี้ยนลบรูปไปซะในตอนนั้น
ข้าฯก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เอ็งพยายามจะดิสเครดิตท่านนายกฯเรื่องเหยียบฐานพระบรมธาตุเจดีย์ เพราะเอ็งได้ประจานความเสร่อของเอ็งตั้งแต่วันนั้นแล้ว ข้าฯจึงป่วยการที่จะมาเท้าความอีก
แต่ที่ข้าฯจะมาเขียนในวันนี้ กลับเป็นเรื่องที่เอ็งโพสในเฟส แม้จะใช้คำว่าจุดยืนของเอ็ง แต่ในฐานะของความเป็นอาจารย์ของเอ็ง จะมาให้ข้อมูลผิดๆ ข้าฯเห็นว่ามันไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นจุดยืนที่เต็มไปด้วยความบิดเบือน จนอาจทำให้ลูกศิษย์ลูกหาของเอ็งเข้าใจผิดก็ได้นะเจิมศักดิ์
เอาล่ะ เพื่อความเป็นธรรมสำหรับเอ็ง เราลองมาถกกันในประเด็นที่คิดเห็นต่างระหว่างอาจารย์อย่างเอ็งกับคนรากหญ้าที่เอ็งดูถูกเสมอว่า ไม่มีคุณภาพดูสักตั้งก็แล้วกันนะเว้ยเจิมศักดิ์ เอ็งเฟสมาทั้งหมด 6 ข้อ ข้าฯก็จะถกกับเอ็งทั้ง 6 ข้อนี่แหละ แล้วดูว่าอาจารย์อย่างเอ็งกับรากหญ้าอย่างข้าฯ ใครจะมีเหตุผลกว่ากัน ใครรักประเทศชาติกว่ากัน
ข้อ 1 ที่เอ็งเฟส “เปรียบเทียบ พรรคการเมืองหนึ่งสนับสนุนการเผาบ้านเผาเมือง ปลุกระดมให้คนออกมากระทำผิด สร้างความเดือดร้อน สร้างความเสียหาย กับอีกพรรคการเมืองที่พยายามห้ามการเผาบ้านเผาเมือง ประคับประคองสถานการณ์ ระดมสรรพกำลังช่วยกันดับไฟ (ถูกพวกเผาบ้านเผาเมืองยิงสกัดด้วยซ้ำ) แถมช่วยล้างบ้านล้างเมือง ทำความสะอาดกองเถ้าถ่าน กอบกู้กรุงเทพฯ ... คิดง่ายๆ แค่นี้ จะเลือกใคร”
เอ็งเปรียบเทียบอะไรของเอ็ง ในเมื่อข้อมูลที่เอ็งนำมานั้น มันเป็นข้อมูลที่บิดเบือนอย่างเห็นได้ชัด เพราะเอ็งจะกล่าวหาเขาว่า “เผาบ้านเผาเมือง” เอ็งต้องรู้จักลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังเสียก่อน ข้าฯถามเอ็งเหอะ ถ้าไม่มี “ฆ่า”ในวันนั้น จะมี “การเผา”หรือ ในเมื่อการชุมนุมในวันนั้น ชุมนุมกันหลายเดือน ก็ไม่มีทีท่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น จนกระทั่ง “การฆ่า”เกิดขึ้น “การเผา”จึงตามมา อีกทั้งยังมีคดีเผา “ห้าง”ยังมีหลายอย่างที่มีปมน่าสงสัยอยู่ว่า ใครกันแน่ที่ “เผา” ดังนั้นเอ็งจะนำเหตุการณ์นี้ แล้วก็มาโยงกับผู้ว่าฯ มันให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครแล้วหรือฟ่ะ เอ็งมองไม่เห็นคนตาย แต่กลับมองเห็นแต่ควันไฟ เอ็งมองไม่เห็นคราบเลือด แต่กลับมองเห็นแต่การชำระล้าง นั่นเป็นเพราะอะไรหือ เอ็งรู้ตัวเองบ้างหรือเปล่าฟ่ะ เจิมศักดิ์
ข้าฯจะบอกให้ เอ็งน่ะถูกความเกลียดชังจนบดบังความเป็นอาจารย์ของเอ็งจนหมดสิ้น เอ็งถูกความเกลียดชังจนทำลายจิตวิญญาณของความเป็นอาจารย์จนหมดสิ้น เอ็งถูกความเกลียดชัง จนละเลยต่อชีวีตคนบริสุทธิ์ที่สูญสิ้นไปกับความพยายามรักษาฐานอำนาจของตัวเอง เฮ้อ เจิมศักดิ์ เอ็งอายอาจารย์คนนี้หรือเปล่า ขนาดถูกลูกศิษย์ลวงไปแทงจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะความเป็นอาจารย์ ยังออกปากให้อภัยเพื่ออนาคตของลูกศิษย์ แล้วเอ็งล่ะ จะจงเกลียดจงชังคนเสื้อแดงไปถึงไหนกันเหอ เจิมศักดิ์ หรือจะต้องให้คนเสื้อแดงตายหมดทั้งแผ่นดินจึงจะสาสมใจเอ็ง
2 เอ็งเฟสต่อ “พรรคการเมือง ที่พยายามยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่างๆ นำโดยนักโทษหลบหนีคำพิพากษาของศาล ทุจริตโกงบ้านกินเมือง ซึ่งมีทั้งกองกำลังติดอาวุธ พรรคการเมือง และมีมวลชน กับอีกพรรคการเมืองที่สนับสนุนกระบวนการรัฐสภา ระบบยุติธรรม ไม่ขอล้างผิดให้ตัวเอง พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรมปกติ... จะเลือกใคร”
พรรคการเมืองไหนกันหว่าที่ยึดอำนาจรัฐด้วยวิธีการต่างๆ เอ็งอย่าพูดขาวเป็นดำ พูดผิดให้เป็นถูกเลยฟ่ะ ทุเรศกับเอ็งจริงๆว่ะ พรรคที่ได้อำนาจจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น อย่างนี้เอ็งเรียกว่า “ยึดอำนาจ” ส่วนพรรคคนดีของเอ็ง ต้องใช้ทั้งกองทัพและรัฐธรรมนูญเผด็จการจนได้สู่อำนาจ แต่ประชาชนไม่ยอมรับ แล้วก็ใช้อำนาจที่มีอยู่ ทำการรักษาอำนาจไว้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตคนร่วมแผ่นดิน แบบนั้นหรือฟ่ะเป็นรัฐบาลที่สนับสนุนกระบวนการรัฐสภาที่เอ็งว่า ถุด...
แล้วเอ็งยังพยายามยกหางเรื่องสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรมปกติ โธ่เอ๊ย เอ็งนี่ไม่น่าจะเป็นอาจารย์เลย แต่เหมาะที่จะเป็นสาวกประชาธิปัตย์จริ๊งจริง กระบวนการที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารจัดการกับรัฐบาลทักษิณ เอ็งว่าเป็นกระบวนการปกติ? ความยุติธรรมที่มาจากกระบวนการตามรัฐธรรมนูญเผด็จการ เอ็งว่ากระบวนการปกติ?
เอ็งอย่าบอกนะว่า เอ็งไม่เคยเห็นคลิปความพยายามช่วยเหลือไม่ให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งถูกยุบเป็นกระบวนการปกติ
เอ็งอย่าบอกนะว่า การเลื่อนฟ้องแกนนำพันธมิตรฯเป็นครั้งที่ 18 นั้น เป็นกระบวนการตามปกติ
ดังนั้นที่ข้าฯจะบอกเอ็งก็คือ ที่ประชาชนส่วนใหญ่นั้นเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น ก็เพราะกลัวความปกติของกระบวนการยุติธรรม จนทำให้อีกฝ่ายไม่มีผิดจะให้ล้างต่างหากเล่า เจิมศักดิ์เอ๊ย ทำเป็นไขสือไปได้
3 ที่เอ็งบอกว่า “พรรคการเมือง ที่ครั้งน้ำท่วม อ้างว่าเอาอยู่ ไม่บอกความจริงของสถานการณ์แก่ประชาชน แต่กลับนำน้ำทะลักผ่ากลางเมือง เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ด้านซ้ายและขวากรุงเทพ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของตนเอง แถมเอาการเมืองมาหาเสียงกับของบริจาค เปรียบเทียบกับพรรคการเมืองที่มีผู้ว่า กทม. ที่สนับสนุนให้คนกรุงออกมาปกป้องน้ำท่วมและเร่งระบายน้ำ เดินตากแดดหน้าดำ ร่วมทุกข์กับชาวบ้าน และช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม เดือดร้อน...จะเลือกใคร”
นั่นเอ็งก็มั่วอีก อ้อ ไม่ใช่มั่ว แต่เป็นการใส่ร้ายกันชัดๆ เพราะถ้าเป็นความจริงอย่างที่เอ็งพูด วันนี้เอ็งคงไม่ต้องหาเรื่องมาปรักปรำเขาแบบนี้หรอก ว่าไหมเจิมศักดิ์ เพราะสิ่งที่คนกรุงเทพได้เห็นนั่นคือ ความพยายามขัดแข้งขัดขากันต่างหาก นโยบายรัฐจะทำอย่าง แต่ผู้ว่าฯกลับให้ฟังผมคนเดียว ตอนเดือดร้อน ผู้ว่าฯก็ให้รอก่อน เพราะเป็นเวลาพักผ่อน ถุงทรายอุดท่อระบายน้ำ เดี๋ยวก็เป็นการใส่ร้าย เดี๋ยวก็เป็นเทคนิคการระบายน้ำ เอ็งคิดว่าคนกรุงเทพโง่สิท่า จึงได้พยายามบิดเบือนในสิ่งที่เขาได้ประสบด้วยตัวเองมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นที่เอ็งจะหลอกได้ก็คงหลอกได้แต่พวกที่อย่างไรเสียก็จะเลือกเท่านั้นเองแหละเฟ้ย เข้าใจไหม เจิมศักดิ์ ว่าทำไมคนกรุงเทพเขาจึงอยากได้ผู้ว่าฯไร้รอยต่อ?
แล้วก็มาข้อ 4 ของเอ็ง “พรรคการเมือง ที่ได้ชื่อว่ามีเถ้าแก่ใหญ่คอยบัญชาอยู่เบื้องหลัง ส่งหุ่นเชิดมาเป็นนายกฯ คุมผู้ว่าราชการทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เกิดความระแวงว่าจะส่งหุ่นเชิดมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้เป็นรัฐตำรวจโดยสมบูรณ์แบบ เปรียบกับผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ที่เป็นอิสระ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก มุ่งทำงานบริหารส่วนท้องถิ่นของ กทม.อย่างเป็นอิสระ มีผลงานไม่ขี้เหร่ เพียงแต่ไม่ใช่คนขี้คุย... จะเลือกใคร”
ข้าฯล่ะเซ็งกับเอ็งเหลือเกิน ข้าฯว่าเจ้าเสรีแย่แล้วนะ เอ็งยังแย่กว่าเสียอีก เพราะเอ็งหลับหูหลับตาโพส โดยคิดเหมือนกับพรรคของเอ็งคิดไม่มีผิด นั่นคือคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใคร ป๊าดโธ่เอ๊ย หุ่นเชิดตัวแรกเป็นใคร เอ็งทำเป็นลืมไปได้ เอ็งเคยเห็นการ์ตูนล้อการเมืองสมัยนั้นหรือเปล่า รูปพิน็อคคีโอที่มีเชือกชักอยู่ข้างบนน่ะ เอ็งคงรู้สินะว่าเขาหมายถึงใคร แล้วหมายถึงอะไร
หรือจะเป็นคำพูดของท่านชุมพล ขออนุญาตที่ต้องเอ่ยนาม ที่บอกว่า ถ้าไม่มีอำนาจพิเศษที่ยากปฏิเสธ คงไม่ร่วมกับพรรคคนดีของเอ็ง นั่นคงบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เพียงแต่เอ็งเลือกที่จะปิดหูปิดตาตัวเองต่างหากเล่า
ส่วนที่เอ็งอวยโดยไม่ลืมหูลืมตานั้น ข้าฯว่าถ้ามีผลงานโดยที่ไม่ใช่คนขี้คุย งั้นเอ็งทำไมไม่คุยแทนล่ะว้า ยกผลงานมาแสดงกันมาเป็นข้อๆ เพื่อให้คนกรุงเทพรับทราบถึงผลงาน ดีกว่าที่เอ็งจะมาใส่ร้ายด้วยข้อหาอะไรต่อมิอะไรให้คนสมเพชล่ะเจิมศักดิ์ หรือความจริงแล้วที่พวกเอ็งทะเล่อทะล่าออกมาสร้างวาทกรรมบิดเบือน เป็นเพราะไม่มีผลงานจะอวดมากกว่ามั้งเจิมศักดิ์
(5) เปรียบเทียบผู้สมัครที่มีประวัติเคยขโมยวิทยุที่สหรัฐอเมริกา ทำตัวเป็นนายหน้าม้าใช้ชักจูงนักข่าวหญิง พยายามจะนำไปสังเวยนาย เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องเซ่นนาย ลองเทียบดับคนที่พูดไม่เก่ง คุยโวไม่เป็น ไม่มีวาทศิลป์ ไม่เชี่ยวชาญงานประชาสัมพันธ์สร้างภาพ แต่เคยพิสูจน์ตัวเองในยามวิกฤติน้าสิ่วหน้าขวาน เคยเอาตัวเองเป็นตัวประกันผู้ร้ายที่ยึดสถานทูตพม่า... จะเลือกใคร
ทุเรศจริงๆสำหรับข้อนี้ เอ็งทำตัวไม่ต่างกับเจ้าปลาบู่ชนเขื่อน หรือไม่ก็เจ้าวัชระจริงๆนะวุ้ยเจิมศักดิ์ ข้อนี้ข้อเดียวก็ทำให้เกียรติของเอ็ง ถ้าจะพอมีอยู่บ้าง สูญสิ้นไปหมดกับข้อกล่าวหานี้ เอ็งจะชักแม่น้ำทั้ง 5 มาก็ไม่อาจลบล้างความเป็นจริงที่ว่า คุณพงศพัศมีคุณสมบัติครบถ้วนในการสมัครผู้ว่าฯ นั่นหมายถึงอะไรเอ็งรู้ไหม มันหมายถึงความพยายามใส่ไคล้ เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองได้รับการเลือกตั้ง นี่ต่างหากเล่าเจิมศักดิ์ เป็นสิ่งที่คนกรุงเทพต้องตระหนักต่างหากครับว่า เราต้องการนักบริหารหรือต้องการผู้ว่าฯที่จะทำด้วยวิธีไหนก็ได้ เพื่อให้ได้ตำแหน่งมา
สำหรับคุณสุขุมพันธ์ที่เคยเอาตัวเองเป็นตัวประกันผู้ร้ายที่ยึดสถานทูตนั้น ข้าฯก็ชื่นชม ข้าฯก็นับถือเฉกเช่นเดียวกับหลายๆคนที่รู้เรื่อง เพียงแต่เอ็งจะนำมาเปรียบเทียบกับการเลือกผู้ว่าฯนั้นคงไม่ได้หรอกนะเจิมศักดิ์ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็นความต้องการให้กรุงเทพก้าวหน้าในอีก 4 ปีต่อจากนี้ไป ไม่ใช่เลือกเพื่อรอให้ไปเป็นตัวประกันเสียที่ไหนกันเล่า เอ็งเข้าใจไหมเนี่ย
ส่วนเรื่องพูดไม่เก่ง คุยโวไม่เป็น ไม่มีวาทศิลป์และไม่เชี่ยวชาญงานประชาสัมพันธ์นั้น เอ็งกำลังหลอกใครอยู่เหอ มีแต่พวกปัญญาอ่อนสิจะเชื่อเอ็ง ก็พรรค ปชป.แต่ละคนล้วนแต่ขึ้นชื่อในเรื่อง “ดีแต่พูด”กันทั้งนั้น ถ้ามีดีพอที่จะอวด คงไม่ต้องใช้มุกเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเผาบ้านเผาเมืองหรือเรื่องของคุณทักษิณหรอกเว้ย จริงไหมวะเจิมศักดิ์
(6) คนที่เรียนจบทางอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยเดียวกับทักษิณ และมาเป็นตำรวจแบบที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส บอกว่าไม่เคยจับโจร เป็นตำรวจประชาสัมพันธ์ เอาแต่ออกทีวี แถลงข่าว จัดอีเว้นท์ สร้างภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เคยเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ร่วมฝ่าฟันวิกฤติ ทั้งจากการเผากรุง ทั้งจากน้ำท่วมกรุง ทำงานให้คนกรุงเทพฯ มาตลอดเวลา 4 ปี ... คิดง่ายๆ บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้ จะเลือกใคร
ทั้งหมด ผมได้คำตอบชัดเจนว่า เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้สมัครเบอร์ 16 เป็นผู้ว่าฯ กทม. ครับ
สำหรับข้อนี้ก็เช่นกันว้อยเจิมศักดิ์ สมองเอ็งคิดได้แค่นี้จริงๆหรือฟ่ะ เป็นตำรวจมันต้องจับโจรอย่างเดียวหรือไง มันมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละส่วนก็ทำตามหน้าที่ที่ได้มอบหมาย และคุณพงศพัศก็ได้ทำตามหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วไง แค่นี้เอ็งก็เห็นเป็นข้อด้อยงั้นสิ สำหรับเรื่องประชาสัมพันธ์ เรื่องแถลงข่าว เรื่องจัดอีเว้นท์ สร้างภาพ เอ็งว่าทำกันอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ
สุดท้ายที่ข้าฯอยากบอกเอ็งว่า หยุดเถิดว้า พวกเอ็งทำให้ประเทศวุ่นวายมาหลายปีแล้วไม่รู้หรือ หน้ากากที่พวกเอ็งสวมใส่อยู่ มันถลอกปอกเปิกกันหมดแล้ววุ้ย ยิ่งนานวัน ชื่อเสียงที่สั่งสมมายิ่งเสื่อมลงเรื่อยๆ วาทกรรมที่พวกเอ็งพยายามยัดเยียดให้คนคล้อยตาม มันเริ่มไม่เป็นผลแล้วว่ะ เพราะคนส่วนใหญ่เขาเห็นธาตุแท้ของพวกเอ็งจนหมดสิ้น ดังนั้นพวกเอ็งจึงถูกสั่งสอนให้เป็นบทเรียนตอนเลือกตั้งใหญ่ และคนกรุงเทพก็กำลังจะลงโทษพวกเอ็งในวันที่ 3 นี้ ถ้าพวกเอ็งยังไม่ยอมหยุด อย่าหวังเลยว่า จะมีโอกาสกลับมามีอำนาจโดยผ่านทางช่องทางการเลือกตั้ง เพราะที่พวกเอ็งกำลังสู้อยู่นั้น มันเป็นพลังของประชาชนนะโว้ยเจิมศักดิ์