JJNY : 5in1 คนเห็นควรยกเลิกอำนาจศาลรธน.│ม็อบบุกศาลากลางโคราช│“ไพศาล”ชี้ว้า! ยึดดินแดน│หุ้นไทยปิดลบ│ไทเปยกระดับเตือนภัย

‘ธำรงศักดิ์โพล’ เผย คน 48.03 % เห็นควรยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรค-ตัดสิทธินักการเมือง
https://prachatai.com/journal/2024/12/111648
 
 
9 ธ.ค. 2567 งานวิจัยส่วนบุคคลของ รองศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคนทั้งประเทศ จำนวน 4,679 คน เก็บแบบสอบถามระหว่าง 5-15 ตุลาคม 2567 โดยนักศึกษาปริญญาตรี-โท-เอก คณะรัฐศาสตร์ และปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต 193 คน เก็บแบบสอบถามใน 55 จังหวัด

1.ข้อคำถามว่า “ท่านคิดว่า ควรยกเลิกอำนาจยุบพรรคการเมืองและตัดสิทธินักการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่
 
ผลการวิจัยพบว่า (มี 4,664 คนตอบคำถามข้อนี้)                                                                                         
• ควรยกเลิก ร้อยละ 48.03 (2,240 คน)
• ไม่ควรยกเลิก ร้อยละ 20.8 (970 คน)
• ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 31.17 (1,454 คน)     
 
2.พิจารณาแยกเป็นรายภาค

คนที่เห็นว่าควรยกเลิกอำนาจยุบพรรคการเมืองและตัดสิทธินักการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ
• คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 52.4 จากคนกรุงเทพฯ ทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 50.2 จากคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคเหนือ ร้อยละ 48.5 จากคนภาคเหนือทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคกลาง ร้อยละ 46.9 จากคนภาคกลางทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคใต้ ร้อยละ 43.9 จากคนภาคใต้ทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม

เห็นว่าไม่ควรยกเลิก
• คนจากภาคใต้ ร้อยละ 23.8 จากคนภาคใต้ทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากกรุงเทพฯ ร้อยละ 22.3 จากคนกรุงเทพฯ ทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคกลาง ร้อยละ 20.5 จากคนภาคกลางทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคเหนือ ร้อยละ 19 จากคนภาคเหนือทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม
• คนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 16.5 จากคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมดที่ตอบแบบสอบถาม

3. พิจารณาผลสำรวจที่เกี่ยวเนื่อง

3.1 ผลสำรวจ ธำรงศักดิ์โพล ที่จัดเก็บเมื่อเมษายน 2566 ใน 57 จังหวัด จำนวน 4,588 คน
• เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ คสช. 2560 “เป็นเผด็จการ” ร้อยละ 56.80
• เห็นว่ามีความ “เป็นประชาธิปไตย” ร้อยละ 12.96
• ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 30.24

3.2 ผลสำรวจ ธำรงศักดิ์โพล ที่จัดเก็บเมื่อตุลาคม 2567 ใน 55 จังหวัด จำนวน 4,679 คน
• เห็นว่า ควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันปี 2560 ที่เกิดจากกระบวนการรัฐประหาร คสช. ร้อยละ 61.17
• ไม่ควรจัดทำฉบับใหม่ ร้อยละ 9.8
• ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 29.03

3.3 ผลสำรวจ ธำรงศักดิ์โพล ที่จัดเก็บเมื่อเมษายน 2567 ใน 47 จังหวัด จำนวน 4,290 คน
คำถามว่า ท่านเห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่
• เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ร้อยละ 10.86
• ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ร้อยละ 68.58
• ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 20.56
 
4. ประวัติศาลรัฐธรรมนูญฉบับย่อ

รัฐธรรมนูญไทยเริ่มต้นปี 2475 ด้วยการให้ที่ประชุมสภามีอำนาจในการพิจารณาตีความแห่งรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2489 ให้รัฐสภา (สส. และพฤฒสภา) ทรงไว้ซึ่งสิทธิเด็ดขาดในการตีความแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ให้มี  “คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ” มาจากการเลือกของที่ประชุมรัฐสภาที่มาจากเลือกตั้งโดยประชาชน รวม 15 คน วินิจฉัยตีความประเด็นปัญหารัฐธรรมนูญ และ “ให้ถือเป็นเด็ดขาดและให้ศาลปฏิบัติตามนั้น” (ม.86-89)
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มี “ศาลรัฐธรรมนูญ” เป็นองค์กรที่มาจากการสรรหาของวุฒิสภาที่มาจากเลือกตั้งแบบห้ามหาเสียง มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยตีความประเด็นปัญหารัฐธรรมนูญ ยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธินักการเมือง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ (ม.255-270) เป็นองค์กรที่มีอำนาจเหนือสถาบันทางการเมืองอื่นๆ
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 วุฒิสภามาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร คสช. 2557 ทั้งสิ้น
 
ข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม (ตุลาคม 2567)
 
 เพศ : หญิง 2,445 คน (52.26%) ชาย 2,042 คน (43.64%) เพศหลากหลาย 192 คน (4.10%)
 
อายุ : Gen Z (18-27 ปี) 2,368 คน (50.61%) Gen Y (28-44 ปี) 1,153 คน (24.64%) Gen X (45-59 ปี) 818 คน (17.48%) Gen Baby Boomer ขึ้นไป (60 ปีขึ้นไป) 340 คน (7.27%)
         
 การศึกษา : ประถมศึกษาหรือต่ำกว่า 416 คน (8.89%) มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 1,194 คน (25.52%) อนุปริญญาหรือเทียบเท่า 531 คน (11.35%) ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 2,315 คน (49.47%) สูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 223 คน (4.77%)
 
อาชีพ : นักเรียนนักศึกษา 1,978 คน (42.27%)  เกษตรกร 318 คน (6.80%)  พนักงานเอกชน 550 คน (11.75%) รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน 418 คน (8.93%) เจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ 601 คน (12.85%) ข้าราชการ/พนักงานของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ 441 คน (9.43%) พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 224 คน (4.79%) อื่นๆ 149 คน (3.18%)
 
รายได้ต่อเดือน : ไม่มีรายได้ 1,168 คน (24.96%) รายได้ไม่เกิน 10,000 บาท 1,034 คน (22.10%) รายได้ 10,001-20,000 บาท 1,229 คน (26.27%) รายได้ 20,001-30,000 บาท 627 คน (13.40%) รายได้ 30,001- 40,000 บาท 257 คน (5.49%) รายได้ 40,001 บาทขึ้นไป 364 คน (7.78%)
 
เขตที่อยู่อาศัย : อบต. 1037 คน (22.16%) เทศบาลตำบล 1316 คน (28.13%) เทศบาลเมือง 767 คน (16.39%) เทศบาลนคร 230 คน (4.91%) กรุงเทพมหานคร 1,229 คน (26.27%) เมืองพัทยา 100 คน (2.14%)



ม็อบคนรักษ์บ้านเกิด บุกศาลากลางโคราช จี้พ่อเมืองสั่งหยุดสร้างเหมืองโปแตซ
https://www.matichon.co.th/region/news_4945678

ม็อบคนรักษ์บ้านเกิด บุกศาลากลางโคราช จี้พ่อเมืองสั่งหยุดสร้างเหมืองโปแตซ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด อ.ด่านขุนทด และกลุ่มคัดค้านเหมืองแร่ อ.โนนไทย
 และ อ.โนนสูง กว่า 50 คน ซึ่งเป็นมวลชนคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตซ เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเหมืองโปแตซ ของ บริษัทไทยคาลิ จำกัด ต่อนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ได้รับอาชญาบัตรพิเศษในการสำรวจพื้นที่ พร้อมชูป้าย “คนโนนสูง โคราช ไม่เอาเหมืองโปแตซ” อีกทั้งยังส่งเสียงร้องตะโกน “กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดไม่เอาเหมืองแร่” “เหมืองแร่ออกไปๆๆ” เป็นต้น เป็นระยะๆ

แกนนำเปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่กำลังก่อสร้าง เปิดหน้าดิน แต่ชาวบ้านที่อยู่รอบพื้นที่ไม่เคยเข้าร่วมประชาคม แต่รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบุว่ามีการรับฟังความคิดเห็น ความเป็นจริงชาวบ้าน 4 ตำบลซึ่ง ถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่ไม่เคยทราบข้อมูล ซึ่งมีผู้ที่รับทราบเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น โปรดอย่ามองประชาชนเป็นศัตรู เรารวมตัวคัดค้านตามสิทธิตามกฎหมาย รักษาผลประโยชน์พื้นที่ทำกิน สิ่งแวดล้อมคุณภาพชีวิต ความสำคัญพอๆ กับภาครัฐพยายามรักษาตำแหน่งหน้าที่การงาน อาชีพและครอบครัวของตัวเอง

ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา จึงขอให้ผู้มีอำนาจสั่งยุติโครงการ” แกนนำกล่าว

ด้านนายชัยวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ยินดีรับเรื่องร้องเรียนนำไปศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เรื่องใดไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งมีการประสานงานร่วมกับพี่น้องประชาชน เจ้าของพื้นที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สิ่งใดที่เป็นประโยชน์และส่งผลกระทบโดยตรง ภาครัฐจะเร่งแก้ไขทันที หากฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ทำตามระเบียบจะมีหนังสือแจ้งคัดค้านการดำเนินโครงการ


 
“ไพศาล”ชี้ว้า! ยึดดินแดนไทยเกือบ 1 ไร่ พื้นที่ดอยคอม้า จ.แม่ฮ่องสอน ใช่ลีลาเดียวกับการยอมรับ “แดนอธิปไตย” ของเขมรในอ่าวไทย
https://siamrath.co.th/n/586295

“ไพศาล” ชี้ว้ายึดดินแดนไทยเกือบ 1 ไร่ พื้นที่ดอยคอม้า จ.แม่ฮ่องสอน ใช่ลีลาเดียวกับการยอมรับ “แดนอธิปไตย” ของเขมรในอ่าวไทย
 
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 67 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
 
ว้าไม่ใช่ พวกจีน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากจีนนะครับ อย่าไปหลงให้ฝรั่งหลอก
 
ว้าเป็นชนกลุ่มน้อย มีถิ่นฐานใกล้ชายแดนไทย ฝั่งตรงกันข้ามกับแม่ฮ่องสอนแบ่งออกเป็นหลายพวก คือพวกนิยมจีนก็มี พวกนิยมฝรั่งก็มี จีนปกป้องและยืนข้างรัฐบาลพม่า แต่ฝรั่งสนับสนุนชน
 
กลุ่มน้อย พวกที่เป็นศัตรูกับพม่า  ส่งเงินอาวุธและทหารรับจ้างไปช่วยเพื่อรบกับพม่า ว้ากลุ่มนี้เป็นพวกฝรั่ง ได้รับการสนับสนุนทั้งเงินอาวุธ และทหารรับจ้างจากฝรั่ง เพื่อทำสงครามกับพม่าซึ่งเป็นปรปักษ์กับผลประโยชน์ของจีน เมื่อมีกำลังกล้าแข็งขึ้นก็เข้ามายึดดินแดนประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในแนวหลังสนับสนุนพวกว้าในแนวหน้ารบกับพม่า
 
เมื่อมีอาวุธมากเข้ากำลังมากขึ้น ก็หวนมา ยึดดินแดนประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแนวหลัง ในการรบกับพม่า รัฐบาลไทยได้มีหนังสือประท้วงไปยังพม่าแล้ว แต่พม่าบอกว่าพวกนี้ไม่ใช่พวกพม่า แต่เป็นศัตรูกับรัฐบาลพม่า ก็หน้าแตกกันไป
 
ฝ่ายทหารในพื้นที่รู้ดีว่า ใครเป็นใคร ดังนั้นเขาจึงพยายามผลักดันและพร้อมที่จะผลักดันออกไป ซึ่งมีวิธีการได้หลายวิธีแต่ต้องฟังนโยบายจากฝ่ายการเมือง แต่เมื่อฝ่ายการเมืองบอกว่า ว้าไม่ได้มายึดดินแดนประเทศไทยก็จบกัน
 
 เพราะนี่อาจเป็นการยอมรับว่า พื้นที่เกือบ 1 ไร่ ที่ว้าเข้ามายึด ที่ดอยคอม้าของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลึกเข้ามาจากชายแดนไทย 200 เมตร เป็นดินแดนพม่าเป็นลีลาเดียวกันกับการยอมรับ แดนอธิปไตยของเขมรในอ่าวไทย นั่นแหละ

https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid035hjUvLENJ6GyjJ1nBZJHpd29MtdN6JA3gGD4AqYdtetrnNr2ANjFtthL2NG598JUl
 

 
หุ้นไทยปิดลบ 4.43 จุด วอลุ่ม 3.5 หมื่นล้าน รับแรงขายทำกำไรสลับเก็งกำไร DELTA จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ
https://siamrath.co.th/n/586281

หุ้นไทยปิดลบ 4.43 จุด วอลุ่ม 3.5 หมื่นล้าน รับแรงขายทำกำไรสลับเก็งกำไร DELTA จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ
 
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 SET ปิดที่ 1,447.53 จุด ลดลง 4.43 จุด (-0.31%) มูลค่าซื้อขาย 35,835.33 ล้านบาท  การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,441.99 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,450.41 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 149 หลักทรัพย์ ลดลง 313 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 198 หลักทรัพย์
 
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวอิงทางลง และมีมูลค่าซื้อขายไม่มาก สะท้อนแรงขายทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากวันพรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยหยุด 1 วันในวันรัฐธรรมนูญ ทำให้นักลงทุนไม่รีบเข้าตลาด ขณะที่หุ้นรายตัวอย่าง BH ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ราว 4% ที่ผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 3/67 แทบไม่โตจากปีก่อน หลังจากที่ตลาดคาดหวังและราคาขึ้นไป P/E 30 เท่า โดยหุ้น BH กดดัชนีลง 0.5 จุด แต่มีแรงซื้อ DELTA คาดหวังจะหลุดเกณฑ์ Cash Balance ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ และกลับมาเทรด 12 ธ.ค.นอกจากนี้ คาดว่าเม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow) ยังไม่ไหลออกไป เพราะเงินบาทวันนี้ยังแข็งค่าขึ้น มาที่ระดับ 33.80 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันที่ 11 ธ.ค.นี้
 
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 11 ธ.ค.น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ ให้แนวรับที่ 1,440 จุด แนวต้านที่ 1,455 จุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่