สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ก่ออิฐปิดกำแพงตรงที่เป็นฝั่งของเราไปเลยคับ ไม่งั้นก็หาอะไรมาปิด
หากเขามาถามก็บอกไปว่า เร็ว ๆ นี้ จะต่อเติมให้ติดกำแพงแบบเขาเหมือนกัน
แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้นก่อน เป็นการแก้ปัญหาเบื่้องต้น เพื่อเขาจะหันมาเจรจากับเราดีๆบ้าง
จะให้ดีแนะนำให้ฝั่งที่ปิดกระจกเขา เป็นลายที่มันดูน่ากลัว ๆ พวกยันต์ พวกอะไร เหมือนแปลกๆ จะดีมากเลย
เพื่อนผม เคยทำอยู่ ข้างบ้านเปลี่ยนท่าทีทันที 55
หากเขามาถามก็บอกไปว่า เร็ว ๆ นี้ จะต่อเติมให้ติดกำแพงแบบเขาเหมือนกัน
แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้นก่อน เป็นการแก้ปัญหาเบื่้องต้น เพื่อเขาจะหันมาเจรจากับเราดีๆบ้าง
จะให้ดีแนะนำให้ฝั่งที่ปิดกระจกเขา เป็นลายที่มันดูน่ากลัว ๆ พวกยันต์ พวกอะไร เหมือนแปลกๆ จะดีมากเลย
เพื่อนผม เคยทำอยู่ ข้างบ้านเปลี่ยนท่าทีทันที 55
ความคิดเห็นที่ 41
ทางฝั่งบ้าน จขกท ไม่ต้องก่อกำแพงก็น่าจะได้ครับ ให้ฉาบผนังเดิมของเขาเลยครับ แต่ฉาบให้หนาหน่อย เพื่อให้พอเป็นฐานรับน้ำหนักของแนวกั้นรางน้ำที่จะไหลเข้ามาฝั่ง จขกท
เฉพาะตรงส่วนที่เป็นหน้าต่างของเขาก็ใช้วิธีก่อแปฌนเหมือนแผงป้ายแล้วเอาหินหรือภาพผนังที่เป็นดินเผามาแปะ ผมว่าก็สวยดีนะ
มองในแง่ดีก็คือ ถ้าเพื่อนบ้านมันไม่ดีก็อย่าได้เห็นหน้ากันเลย เจอเพื่อนบ้านคนอื่นก็คุยมันส่งไปว่า โชคดีที่มีเพื่อบ้านจ้องจะเอาเปรียบเลยได้รั้วบ้านราคาถูก 555
ส่วนเนื้อกำแพง ถ้าเป็นบ้านโครงการ บ้านแต่ละหลังน่าจะมีสิทธิ์ในกำแพงคนละครึ่งอยู่แล้ว ถ้าเราฉาบทับแล้วมีปัญหาวันนี้ เราก็ขาดทุนน้อยหน่อยถ้าต้องรื้อถอน
ส่วนตัวมีข้อเสนอแนะเพิ่มตามหน่อยนึงครับ เผื่อเป็นแนวทาง
1.ควรทำเป็นหนังสือแจ้งให้บ้านนั้นเขาเข้าใจก่อนว่าเขากำลังทำผิด ภายในหนังสือก็ให้มีรายละเอียดกฎหมายการต่อเติมอาคาร แล้วสรุปด้วยว่าผลของมันจะทำให้เราเดือดร้อน ส่งติดต่อกันสักสามครั้ง เวลาไปส่งหนังสืออย่าไปคนเดียว ให้อีกคนถ่ายรูปตอนยื่นหนังสือไว้ได้ เอามือถือถ่ายเป็นคลิบไว้อีกคนยิ่งดี เก็บหลักฐานเยอะๆ ครับ ถ้าบ้านนั้นเขาจะว่าอะไรก็ตอบอย่างสงบด้วยรอยยิ้มว่า ก็แค่แจ้งให้รู้ วันหน้ามีปัญหากันจะได้ไม่มาอ้างว่าไม่รู้ ตรงนี้เลือกทะเลาเพียงคนเดียวครับ ถ้าลูกสาวร้ายก็คุย ยิ้มแย้มทักทายกับพ่อ ทนไปก่อนเผื่อเขาเปลี่ยนใจแก้ไขยังต้องอยู่บ้านใกล้กัน 555
2.แจ้ง อบต.ด้วย ทำเป็นหนังสือแจ้ง ระบุชื่อนายก อบต. หรือปลัด อบต. ลงในหนังสือเลย วันส่งหนังสือก็ไปยืนให้ถึงมือผู้รับ แล้วถ่ายรูปยืนหนังสือให้เห็นหน้าทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เคยอ่านข่าวมั๊ยครับ พวกที่ไปยื่นหนังสือร้องเรียนศาลในข่าวการเมืองอะไรทำนองเนี้ย 555 เขายื่นไม่ได้หวังว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ทันที แต่ยื่นเพื่อให้เกิดผลทางกระบวนการครับ ว่าผมร้องเรียนแล้วนะ อีกอย่าง ถ้ามีหลักฐานไว้มัดตัวเขาในวันหน้าที่แสดงถึงการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเขา เขาอาจจะกระตือรือร้นช่วยเราหน่อย ที่สำคัญเมื่อเราเข้าไปยื่นหนังสือตีหน้าใสซื่อเอาไว้ครับ อย่าไปใหญ่ใส่เขา พวกนี้เป็นโรคจิตบ้าอำนาจ ยอไปก่อนเผื่อช่วยเราได้ ถ้าไม่ได้ค่อยหันไปกัดทีหลัง //ฮ่าฮ่าฮ่า
3.ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนครับ (บันทึกประจำวันนะครับ ไม่ใช่แจ้งความ) ก่อนการส่งหนังสือครั้งแรกก็ได้ ถ้าคุณตำรวจถามเราว่าจะให้ทำอย่างไร ก็ทำหน้าใสตอบท่านไปว่า แล้วแต่จะกรุณาช่วยเหลือ
4.ถ้าส่งหนังสือทั้ง 2 ที่ครบ 3 ครั้งแล้วก็ไปแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้อีกครั้ง ทำตาใสซื่อเหมือนเดิม
5.การยื่นหนังสือแต่ละครั้งให้ห่างกันตามความเหมาะสม ดูพัฒนาการของงานก่อสร้างเป็นหลักนะครับ ถ้างานเสร็จเร็วเราก็ร้องถี่หน่อย //ฮ่าฮ่าฮ่า ร้องครั้งสุดท้ายคืองานเสร็จนั้นแหละ
6.ถ้าทุกอย่างไม่ได้รับการแก้ไข เมื่องานก่อสร้างของเขาสิ้นสุดแล้วเราค่อยก่อสร้างฝั่งบ้านเราตามที่เราออกแบบไว้ครับ เพราะดูจากหน้างานที่ถ่ายรูปมา เขาคงไม่เข้ามาฉาบผนังฝั่งเรา ตรงนี้ให้เรายื่นเรียกร้องค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการฉาบฝั่งเราให้สวยงาม เรื่องช่างก็คอยช่างฝั่งเขานั่นแหละ ขอเบอร์โทรไว้ได้เลย แต่อย่าเพิ่งบอกว่าเราจะก่อผนังบิด ให้เขาลงทุนทำหน้าต่างติดกระจก ฯลฯ ให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวเขาจะงอนไม่ได้จ่ายตังค์
7.หรือการดำเนินการอ่านๆ ที่ จขกท เห็นว่าเหมาะสม ถ้าเรามีหลักฐานเป็นเอกสารจะได้เปรียบกว่าครับ วันหน้ามีปัญหาทางกฎหมายกันเราสู้ได้สบายครับ
ปล. ผมไม่ใช่นักกฏหมาย แค่คิดว่าน่าจะทำอย่างนี้ครับ
เฉพาะตรงส่วนที่เป็นหน้าต่างของเขาก็ใช้วิธีก่อแปฌนเหมือนแผงป้ายแล้วเอาหินหรือภาพผนังที่เป็นดินเผามาแปะ ผมว่าก็สวยดีนะ
มองในแง่ดีก็คือ ถ้าเพื่อนบ้านมันไม่ดีก็อย่าได้เห็นหน้ากันเลย เจอเพื่อนบ้านคนอื่นก็คุยมันส่งไปว่า โชคดีที่มีเพื่อบ้านจ้องจะเอาเปรียบเลยได้รั้วบ้านราคาถูก 555
ส่วนเนื้อกำแพง ถ้าเป็นบ้านโครงการ บ้านแต่ละหลังน่าจะมีสิทธิ์ในกำแพงคนละครึ่งอยู่แล้ว ถ้าเราฉาบทับแล้วมีปัญหาวันนี้ เราก็ขาดทุนน้อยหน่อยถ้าต้องรื้อถอน
ส่วนตัวมีข้อเสนอแนะเพิ่มตามหน่อยนึงครับ เผื่อเป็นแนวทาง
1.ควรทำเป็นหนังสือแจ้งให้บ้านนั้นเขาเข้าใจก่อนว่าเขากำลังทำผิด ภายในหนังสือก็ให้มีรายละเอียดกฎหมายการต่อเติมอาคาร แล้วสรุปด้วยว่าผลของมันจะทำให้เราเดือดร้อน ส่งติดต่อกันสักสามครั้ง เวลาไปส่งหนังสืออย่าไปคนเดียว ให้อีกคนถ่ายรูปตอนยื่นหนังสือไว้ได้ เอามือถือถ่ายเป็นคลิบไว้อีกคนยิ่งดี เก็บหลักฐานเยอะๆ ครับ ถ้าบ้านนั้นเขาจะว่าอะไรก็ตอบอย่างสงบด้วยรอยยิ้มว่า ก็แค่แจ้งให้รู้ วันหน้ามีปัญหากันจะได้ไม่มาอ้างว่าไม่รู้ ตรงนี้เลือกทะเลาเพียงคนเดียวครับ ถ้าลูกสาวร้ายก็คุย ยิ้มแย้มทักทายกับพ่อ ทนไปก่อนเผื่อเขาเปลี่ยนใจแก้ไขยังต้องอยู่บ้านใกล้กัน 555
2.แจ้ง อบต.ด้วย ทำเป็นหนังสือแจ้ง ระบุชื่อนายก อบต. หรือปลัด อบต. ลงในหนังสือเลย วันส่งหนังสือก็ไปยืนให้ถึงมือผู้รับ แล้วถ่ายรูปยืนหนังสือให้เห็นหน้าทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เคยอ่านข่าวมั๊ยครับ พวกที่ไปยื่นหนังสือร้องเรียนศาลในข่าวการเมืองอะไรทำนองเนี้ย 555 เขายื่นไม่ได้หวังว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ทันที แต่ยื่นเพื่อให้เกิดผลทางกระบวนการครับ ว่าผมร้องเรียนแล้วนะ อีกอย่าง ถ้ามีหลักฐานไว้มัดตัวเขาในวันหน้าที่แสดงถึงการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเขา เขาอาจจะกระตือรือร้นช่วยเราหน่อย ที่สำคัญเมื่อเราเข้าไปยื่นหนังสือตีหน้าใสซื่อเอาไว้ครับ อย่าไปใหญ่ใส่เขา พวกนี้เป็นโรคจิตบ้าอำนาจ ยอไปก่อนเผื่อช่วยเราได้ ถ้าไม่ได้ค่อยหันไปกัดทีหลัง //ฮ่าฮ่าฮ่า
3.ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนครับ (บันทึกประจำวันนะครับ ไม่ใช่แจ้งความ) ก่อนการส่งหนังสือครั้งแรกก็ได้ ถ้าคุณตำรวจถามเราว่าจะให้ทำอย่างไร ก็ทำหน้าใสตอบท่านไปว่า แล้วแต่จะกรุณาช่วยเหลือ
4.ถ้าส่งหนังสือทั้ง 2 ที่ครบ 3 ครั้งแล้วก็ไปแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้อีกครั้ง ทำตาใสซื่อเหมือนเดิม
5.การยื่นหนังสือแต่ละครั้งให้ห่างกันตามความเหมาะสม ดูพัฒนาการของงานก่อสร้างเป็นหลักนะครับ ถ้างานเสร็จเร็วเราก็ร้องถี่หน่อย //ฮ่าฮ่าฮ่า ร้องครั้งสุดท้ายคืองานเสร็จนั้นแหละ
6.ถ้าทุกอย่างไม่ได้รับการแก้ไข เมื่องานก่อสร้างของเขาสิ้นสุดแล้วเราค่อยก่อสร้างฝั่งบ้านเราตามที่เราออกแบบไว้ครับ เพราะดูจากหน้างานที่ถ่ายรูปมา เขาคงไม่เข้ามาฉาบผนังฝั่งเรา ตรงนี้ให้เรายื่นเรียกร้องค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการฉาบฝั่งเราให้สวยงาม เรื่องช่างก็คอยช่างฝั่งเขานั่นแหละ ขอเบอร์โทรไว้ได้เลย แต่อย่าเพิ่งบอกว่าเราจะก่อผนังบิด ให้เขาลงทุนทำหน้าต่างติดกระจก ฯลฯ ให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวเขาจะงอนไม่ได้จ่ายตังค์
7.หรือการดำเนินการอ่านๆ ที่ จขกท เห็นว่าเหมาะสม ถ้าเรามีหลักฐานเป็นเอกสารจะได้เปรียบกว่าครับ วันหน้ามีปัญหาทางกฎหมายกันเราสู้ได้สบายครับ
ปล. ผมไม่ใช่นักกฏหมาย แค่คิดว่าน่าจะทำอย่างนี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
บ้านหลังแรก...กับปัญหาและน้ำตา เมื่อเจอเพื่อนบ้านเห็นแก่ตัว...ต่อเติมบ้านผิดกฏหมาย
จากที่เคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับบ้านหลังแรกกับการยื่นกู้
ตอนนี้ธนาคารอนุมัติแล้วค่ะ กำลังจะทำสัญญากันวันพุธหน้า
......แต่ปัญหาที่เกิดตอนนี้ กับเป็นเรื่องพิพาทกับเพื่อนบ้าน
จากรูปนะคะ...เป็นบริเวณหลังบ้านของหนู
หนูซื้อจากโครงการบ้านจัดสรร แบบที่ทำสัญญาแล้วค่อยสร้าง เป็นบ้านชั้นเดียวยกพื้นสูง เนื้อที่ 80 ตารางวา
เป็นโครงการหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เขตอบต.ศิลา
หนูทำสัญญากับโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน และทำการก่อสร้างมาเรื่อยๆ จนถึงบัดนี้
ช่วงที่บ้านกำลังก่อสร้าง บ้านสองชั้น...ที่อยู่ด้านหลังบ้านหนู ก็ได้ก่ออิฐขึ้น
เราก็ได้แต่คิดว่า “สงสัยเขาจะรังเกียจเรา ช่างเหอะ อยากก่อให้สูงขึ้นก็ช่าง”
แต่ในระหว่างที่เขาก่อ ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ไม่ได้ขออนุญาตเรา หรือทักทายอะไรกัน
มีแต่เพียงแม่ของหนูที่เคยเห็นเจ้าของบ้านกับลูกสาว
จนกระทั่ง...เดือนมกราคม การก่อสร้างต่อเติมของเขาดำเนินมาในจุดที่หนูรับไม่ได้
จากรูปค่ะ ....... กำแพงสูง ให้ช่างวัดแล้วประมาณ 2.7 เมตร (รับได้ ไม่ผิดกฎหมาย)
แต่มีประตูหน้าต่างสร้างบนกำแพง สองแห่ง
หนูเริ่มคุยกับเพื่อนที่เป็นสถาปนิก เพื่อนก็บอกว่า
“เฮ้ย...นี่ผิดกฎหมายชัดๆ กฎหมายระยะร่นอาคาร”
เพราะเขาสร้างติดกำแพงบ้านเรา และต่อเติมเป็นห้องครัว เป็นห้องทึบด้วย
ในใจตอนนั้น...ยอมรับว่าโมโหมาก อยากจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และเริ่มศึกษาข้อกฎหมาย
คุยกับเจ้าของโครงการ เธอก็บอกว่า “บ้านหลังนี้ซื้อแค่ที่ดิน เขาสร้างบ้านเอง โครงการคงช่วยอะไรไม่ได้”
ส่วนเจ้าของโครงการใหญ่ที่กรุงเทพ ก็ให้เราฟ้องอบต.เลย ถ้าโอนกรรมสิทธิ์เสร็จ
....................รู้สึกเหมือนโดนทิ้งให้สู้เองตามลำพังมาก
.................ในใจก็รอให้บ้านได้เป็นของเราก่อน อยากจะทำอะไรจะได้ทำได้เต็มที่
.................พอธนาคารอนุมัติ และนัดวันทำสัญญาแน่นอน จึ้งได้คุยกับพ่อเจ้าของบ้าน ที่มีปัญหา
คุณลุงก็เรียกลูกสาวมาให้คุยกับหนู ยอมรับเลยว่าน่ากลัวมาก อารมณ์ที่เราพูดดีๆ กับใครสักคน แต่อีกคนทำเหมือนจะกินหัวเราตลอดเวลาที่คุย
เธอบอกว่า
“เธอสร้างในที่ของเธอ และทำรางน้ำฝนขนาดใหญ่แถมยังอาปูนปิดอย่างดี ถ้าถล่มยินดีรับผิดชอบ
หนูถามถึงการขออนุญาตต่อเติมบ้าน เธอบอกว่าไม่ได้ขอ
อยากจะไปฟ้องอบต.ฟ้องตำรวจก็เชิญ
“ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนบ้านงี่เง้า...คิดว่าจะเป็นมิตรกันช่วยเหลือกัน เหมือนฝรั่งเขาทำ” อาป้านี่บอกหนู หนูได้แต่คิดในใจ ไม่ถงไม่ถามตรูเลย ว่าอยากเพื่อนบ้านแบบนี้รึเปล่า ซึ่งถ้าหนูงี่เง้าหนูคงไม่คิดหนักใจขนาดนี้หรอก คงปล่อยไปตามยะถากรรม แต่นี้...เหมือนถูกอาเปรียบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาทำผิดกฎหมาย แต่ช่วยเหลือและแก้ไขไม่ได้
.................ตอนแรกคิดว่าจะให้รังวัดเอกชนมาทำรังวัดที่ดิน เลยโทรคุย และทำให้รู้ว่า การขอเอกสารจากกรมที่ดิน ใช้เวลากว่า 22 วัน เพื่อขออนุญาตพื้นที่ข้างเคียงทั้งหมด ค่าใช้จ่ายของเอกชน หนึ่งหมื่นบ้าน
..................หมื่นนึงกับปัญหาบ้าๆ ทำไมต้องมาเสียค่าใช้จ่ายแบบนี้ด้วย T^T อารมณ์ของหนูตอนนั้น เลยโทรคุยกับจ้าของโครงการ ว่ารังวัดที่ดินของบ้าหนูเคยมีไหม เธอบอกว่ามี แต่หาไม่เจอ ไม่รู้อยู่ไหน เพราะสามีเธอตายไปแล้ว มีเฮียเท่านั้นที่รู้ (สามีเจ้าของโครงการตายตอนบ้านหนูขึ้นเสาเอก)
................รังวัดเดิมก็ไม่มีให้เปรียบเทียบ
จากปัญหาที่เล่ายืดยาวมาทั้งหมด
หนูเลยอยากสอบถามจากผู้มีประสบการณ์และความรู้ในเว็บนี้ค่ะว่า
หนูควรทำยังไงดี
1.อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดตามกฎหมาย ไม่อยากปล่อยให้คนเห็นแก่ตัวแบบนี้ลอยนวล
แต่ถ้าทำแบบนี้ หนูคงเสียทั้งเงินและสุขภาพจิตแน่ๆ ต้องมีปัญหาทั้งๆ ที่บ้านติดกัน ไม่รู้ว่าวันดีคืนดี เกิดชนะคดีมา แล้วศาลให้สั่งรื้อ เธอจะอาปืนมายิงหนูไหม เพราะ...ผู้หญิงคนนี้เป็นลมบ้าหมู ขณะพูดก็น่ากลัว และแสดงอาการน้ำลายไหล ถลึงตาใส่ ถ้าเคยชักบ่อยๆ น่าจะมีปัญหาทางสมอง เพราะคงขาดออกซิเจนบ่อย...................อันนี้หนูคิดแบบนี้จริงๆ นะคะ พยายามมองปัญหาในแง่ร้ายที่สุดแล้ว
2.ใช้สันติวิธี ไม่ต้องฟ้อง ไม่ต้องรังวัด เอาเงินหมื่นนึงมาก่อกำแพงในบ้านตัวเอง ให้สูงสามเมตรตามกฎหมาย ก่ออิฐปิดกระจกนั้นซะ เอาไม้ระแนงพาดให้สวย จะได้ไม่ต้อง...มีปัญหากัน
ช่วยหนูคิดทีค่ะ รบกวนด้วยนะคะ T___T