>>> เมื่อคนขยันกับคนขยัน สองคน โคจร มาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น >>>



คนขยันกับคนขยันมาเจอกันยังไงล่ะคะ
ก็เลยทำงานกันแบบกู่ไม่กลับเลย...

>>> นายกปูเราก็รู้อยู่แล้วว่า เธอเป็นคนขยันและมีความรับผิดชอบอย่างไร
พูดน้อยแต่ทำค่ะ คิดดูสิคะ หาเสียงแค่ 45 วัน เท่านั้นเอง ตอนนั้นยังใหม่ๆ เคอะเขินอยู่เลย
จะพูดอะไรแต่ละที ก็ดูเขินอาย..เราต้องคอยลุ้นตั้งนาน ตอนนี้เจนเวที และเก่งขึ้นมากๆ แล้ว นายกของเรา

>>> คุณพงศพัศ เคยได้ยินลูกน้องที่ทำงานกับท่านบอกว่าท่านมาทำงานแต่เช้าทุกวัน ขยันพบปะกับประชาชน
โดยหน้าที่ของท่านอยู่แล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น เรามักจะเห็นคุณพงศพัศไปที่เกิดเหตุก่อนแล้ว และก็เป็นคน
มีลักษณะเปิด ที่จะรับฟังปัญหาทุกข์ร้อน และคอยช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นคนติดดินและเป็นกันเองมากๆ

>>> เมื่อ สองคนนี้โคโจรมาพบกัน อะไรจะเกิดขึ้นคะ
ขนาดยังไม่ได้ทำงาน แค่หาเสียง ไปพบปะประชาชน รับฟังปัญหา บอกกล่าวนโยบาย
ยังทำงานจนเหมือนเครื่องจักรขนาดนี้ ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ นี่จะขยันทำงานขนาดไหน

>>> สมมุตินะคะ สมมุติว่า เราคนกทมทุกคน เป็นนายจ้าง เรามีเงินเป็นหลายร้อยล้าน
เราจะจ้าง ผู้จัดการสักคนมาบริหารกรุงเทพมหานคร มาใช้จ่ายเงินของเราทุกเม็ดทุกสตางค์
อย่างคุ้มค่า..เราจะมอบความไว้วางใจไว้ที่คนแบบไหนคะ

...คนแอ๊กทีพ ขยัน กระฉับกระเฉง
กระตือรือล้นที่จะทำงาน แถมมีทีมทำงานที่มีผลงานไว้ใจได้ มีนายกรัฐมนตรีของเราการันตีความสามารถ

คิดแบบนี้ค่ะ เราเลือกผู้ว่าฯ กทม. มารับใช้พี่น้องกทม. นะคะ
เราคิดว่าเขาจะทำให้อนาคตลูกหลานสุขสบายไหม ห่างไกลจากยาเสพติดได้ไหม
จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมื่องที่น่าอยู่ได้ไหม

ไม่ได้เลือกผู้ว่าฯ มาเป็นเจ้าคนนายคน คอยชี้นิ้วสั่งการ
หรือผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
หรือเลือกมาเป็นไม้กันหมา
เลือกเพื่อไม่ให้กรุงเทพเป็นเมืองขึ้น
อะไรที่เขาว่ากัน โจมตีกัน ไร้สาระทั้งนั้นค่ะ

แต่ให้เราดูและตัดสินใจด้วยตัวเองว่า คนผู้นั้น จะสามารถบริหารบ้านเมือง
หรือกรุงเทพมหานครให้มีความเจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่
เพื่อผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ และเพื่ออนาคตของลูกหลานเราเองในวันข้างหน้าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่