สงครามอินโดจีน (๔)

กระทู้สนทนา
นิทานชาวสวน ๒๐ ก.พ.๕๖

ชุด สงครามอินโดจีน

๔.ประลองกำลัง


ในระหว่างที่ พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ขณะเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนนั้น ท่านได้เล่าต่อไปว่า

ขณะนั้นท่านมีตำแหน่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัด (ปัจจุบันเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด) พิษณุโลก พอเกิดเอะอะทางชายแดนระหว่างไทยกับอินโดจีน ทางราชการก็มีคำสั่งย้ายท่านจากพิษณุโลก ไปเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคายอันเป็นจังหวัดชายแดน ขณะนั้นทางกระทรวงกลาโหมยังมิได้บรรจุแม่ทัพนายกองคนสำคัญทางด้านนี้ ทางราชการจึงสั่งให้ท่านเป็นผู้รักษาเมืองหนองคายไปก่อน ไปอยู่ได้ ๓-๔ วัน ก็เกิดเรื่องทหารญวนฝรั่งเศสยิงนายจันทาคนไทย ความตึงเครียดก็เป็นเงาตามตัวขึ้นมาทันที

เรสิดังต์สุเปอริเยอร์แห่งแคว้นลาว ได้เชิญตัวท่านไปเวียงจันทน์และตัดพ้อว่า เรื่องคนขี้ยาคนเดียวถูกยิงตาย ท่านข้าหลวงหนองคายถือเอาเป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวแก่การเมืองระหว่างประเทศเชียวหรือ? ท่านตอบว่าลงขึ้นชื่อว่าชีวิตคนไทย ซึ่งท่านมีหน้าที่ปกครองอารักขาเขาแล้ว แม้หากเขาจะเป็นขี้ยาหรือ ต่ำช้าเพียงใด ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น เพราะเป็นชีวิตของเพื่อนร่วมชาติทั้งนั้น

เขาก็ต่อว่าเรื่องอื่นอีกต่อไปว่า ข้าหลวงหนองคายคนเก่านั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ผูกแพไม้ไผ่ซ่อนไว้ในลำห้วยใกล้เมืองหนองคาย มาก มีความประสงค์จะลำเลียงกำลังข้ามมาตีเวียงจันทน์หรือ? ท่านตอบเขาว่าผูกแพไว้เพื่องานแข่งเรือประจำปี ซึ่งเป็นประเพณีที่นี่ทำกันมาทุกปี ท่านเรสิดังต์ไม่น่าจะคิดมากไปถึงอย่างนั้นเลย แพไม้เล็ก ๆ เพื่อลำเลียงพลข้ามไปตีเวียงจันทน์ ถ้าหากจะคิดอย่างนั้นจริง ลำเลียงทหารเพียงกองร้อยเดียวแพก็จม แลแสดงตัวให้ฝรั่งเศสยิงเล่นตามสบาย

ต่อมาอีกไม่กี่วัน ฝูงบินแห่งกองทัพอากาศของเรา ไปบินว่อนอยู่ในแนวกลางแม่น้ำโขง แลเกิดการยิงกันขึ้นกับทหารฝรั่งเศส ที่มาขุดสนามเพลาะอยู่ที่ท่าเดื่อตรงข้ามกับจวนข้าหลวงหนองคาย พอยิงกันด้วยปืนกลฝ่ายละไม่กี่ชุด เรสิดังต์สุเปอริเยอร์ (ผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว) แล เรสิดังต์เวียงจันทน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์) ก็เชิญท่านไปเวียงจันทน์อีก

ครั้นไปถึงทำเนียบผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว ท่านผู้สำเร็จราชการแคว้นลาวก็สวมหน้ายักษ์ใส่ โดยตั้งกระทู้ถามว่ากองทัพอากาศไทยดูหมิ่นฝรั่งเศส ถึงกับใช้เครื่องบินปักหัวลงยิงสนามเพลาะฝรั่งเศสที่บ้านเดื่อดังนี้ หมายความว่ากระไร? พูดพลางก็หยิบหัวกระสุนปืนกลของไทยมาแบให้ดู แล้วถามว่าใช่หรือไม่ ท่านยิ้มแล้วตอบว่าใช่ ไม่ปฏิเสธ แต่ท่านผู้สำเร็จราชการอยู่ไกลที่เกิดเหตุถึง ๒๒ กิโลเมตร ส่วนที่เกิดเหตุจริง ๆ อยู่หน้าจวนเจ้าเมืองหนองคาย ท่านได้เห็นด้วยตาตนเองว่าฝูงเครื่องบินของเรา บินอยู่ตามแนวแม่น้ำโขงในเขตของเรา แต่ ป.ต.อ.จากสนามเพลาะของฝรั่งเศส ได้ยิงเครื่องบินก่อนนักบินไทยก็จำต้องป้องกันตนเองยิงเอาบ้าง จะมาโทษไทยฝ่ายเดียวกระไรได้ ตกลงว่าการโต้ถียงกันในขณะนั้น บรรยากาศทรามมาก ท่านจึงชิงลากลับ

เมื่อเกิดการรบราฆ่าฟันกันขึ้น เป็นทั้งเจ้าเมืองแลผู้บังคับการกองผสมของทหาร ซึ่งอยู่ที่เมืองหนองคายในขณะนั้น เพราะผู้บังคับการหรือผู้บังคับกองพันตัวจริง ยังไม่มีตัวส่งไป ก็ต้องใช้ข้าหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นทหารทั้งแท่งทำการไปพลางก่อน

วันหนึ่งที่จะมีการรบใหญ่ ท่านวางโทรศัพท์สนามไปยังบ้านเวียงคุก จวนถึงบ้าน ศรีเชียงใหม่ตรงข้ามเมืองเวียงจันทน์ ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าฝรั่งเศสกำลังขนทหารลงเรือรบ รูปร่างคล้ายเรือพระร่วงของเรา มีเสาสามเสา คงจะออกเรือในเร็ว ๆ นี้ ท่านจ้าจึงคิดว่าป้องกันแลเตรียมการไว้ก่อนดีกว่าประมาท จึงสั่งทหารทั้ง ๙ กองร้อยทั้ง ป.ต.อ.แลยุวชน ๒ กองร้อย รวมกำลังทั้งสิ้นเป็น ๑๑ กองร้อย กำหนดจุดกำหนดการให้ขุดสนามเพลาะรอรับเหตุการณ์ ห่างจากขอบตลิ่งแม่น้ำโขง ๑ เมตร เพราะถ้าชิดตลิ่งนักเกรงจะถูกกระสุนปืนจากเรือซึ่งอยู่ต่ำกว่าตลิ่งมาก ได้ขุดสนามเพลาะเป็นแนวไปตามรูปแม่น้ำ คล้ายพระจันทร์ครึ่งซีก แลออกคำสั่งห้ามเด็ดขาดมิให้กรมกองใด ทำการยิงโดยมิได้รับคำสั่งจากท่าน

ครั้นเมื่อเรือรบฝรั่งเศสแล่นมาถึงกึ่งกลางวงพระจันทร์ แห่งแนวสนามเพลาะ ก็เกิดยิงกันขึ้น ฝ่ายใดจะยิงก่อนยิงหลังเอาไว้เป็นหน้าที่พระเจ้าจะชี้แจง  เมื่อท่านเป็นผู้ ลงมือยิงนำ บรรดาทหารอีกสิบกองร้อยก็ยิงกันใหญ่ ช่างน่ารักน้ำใจคนไทยภาคอีสานเสียนี่กระไร มีปืนแก๊ปก็มายืนยิง มีปืนพกก็มายิง กระสุนตกน้ำป๋อมแป๋ม ห่างจากเรือข้าศึกมากมาย ปฏิกิริยาคล้าย ๆ กับยิงเพื่อให้หายแค้น ถึงไม่ถึงช่างหัวมัน

ขณะนั้นทางฝ่ายฝรั่งเศสในเรือก็ระดมยิงปืนกลขึ้นมาดังห่าฝน ทหารฝั่งท่าเดื่อก็ช่วยเรือรบเขาระดมยิงเรา ท่านมีกอไม้ไผ่แห้ง ๆ กองหนึ่งอยู่ข้างหน้า ใช้กล้องส่องทางไกลตรวจผลการยิงของเรา เห็นกระสุนถูกข้างเรือรบ หล่นน้ำป๋อมแป๋มยิงไม่เข้าเพราะเป็นเรือหุ้มเกราะ ปืนกลหนักก็ไม่สามารถจะยิงทะลุได้ ขท่านจึงสั่ง ป.ต.อ.ซึ่งมีอยู่ ๑ กองร้อยให้ใช้กระสุนเจาะเกราะยิงตามแนวระดับน้ำ ป.ต.อ.ลั่นตูม ๆ ไม่กี่นัด ส่องกล้องเห็นเป็นรูน้ำไหลเข้าเรือ ในเรือเกิดอลหม่าน จึงสั่งให้ยิงสะพานเรือ ถูกคนถือท้ายเซไป มีนายทหารผู้ใหญ่เข้าถือท้ายแทน แต่เรือรบลำนั้นเกิดแล่นไม่ได้แนวขนานกับฝั่งเสียแล้ว ท้ายเรือซึ่งไม่มีเกราะหันมาทางเมืองหนองคาย ท่านจึงสั่งผู้บังคับกองปืนกลหนัก เล็งท้ายเรือ ทุกกระบอกจึงกวาดไปจนตลอดลำ วาระสุดท้ายก็มาถึงเรือรบลำนั้น ทำให้ต้องเกยหัวเรือเข้าหาตลิ่งใกล้บ้านท่าเดื่อ

ครั้นเวลาราวเกือบ ๑๘.๐๐ น. ก็ได้รับวิทยุทางกรุงเทพ ฯ ความว่าอัครราชทูตฝรั่งเศสฟ้องว่า ท่านยิงเรือเมล์ของฝรั่งเศสผู้คนล้มตายทั้งลำ เหตุใดท่านจึงประพฤติอย่างนี้ แหละท่านจะแก้ตัวว่าอย่างไร? ลงนาม ป.พิบูลสงคราม

ขณะนั้นข้าหวงยังประจำอยู่ในแนวรบ จึงเขียนตอบให้เขาส่งวิทยุว่า เรือรบ ฝรั่งเศส ๓ เสา ลักษณะอย่างเรือพระร่วง หุ้มเกราะมาลอยลำยิงเมืองหนองคายก่อน ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้เป็นผู้รักษาเมืองหนองคายจึงสั่งยิงต่อสู้ หากจะเกิดความผิดใด ๆ ขอให้ลงโทษข้าพเจ้าผู้สั่งแต่ผู้เดียว คนอื่นไม่มีความผิด เขาปฏิบัติตามคำสั่งข้าพเจ้า

ขณะนั้นท่านเองก็ใจเต้นตึก ๆ เพราะมิทราบว่า ทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านจะว่ากระไร จะถูกยิงเป้าหรือไม่ แต่ต่อมาก็ได้รับตอบทางวิทยุว่าให้ยิงให้หมด จึงคลายอาการปวดท้องปวดสมองลง

หลังจากนั้น สงครามอินโดจีนก็เริ่มเปิดฉากขึ้น.

#########

วางเมื่อ ๒๐ ก.พ.๕๖ เวลา ๐๘.๓๕
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่