เรื่องเล่าจากอดีต
จังหวัดหนองคายกับสงครามอินโดจีน (๒)
พ.สมานคุรุกรรม
ในระหว่างที่ พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ขณะเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนนั้น ท่านได้เล่าต่อไปว่า
ขณะนั้นข้าพเจ้ามีตำแหน่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัด (ปัจจุบันเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด) พิษณุโลก พอเกิดเอะอะทางชายแดนระหว่างไทยกับอินโดจีน ทางราชการก็มีคำสั่งย้ายข้าพเจ้าจากพิษณุโลก ไปเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคายอันเป็นจังหวัดชายแดน ขณะนั้นทางกระทรวงกลาโหมยังมิได้บรรจุแม่ทัพนายกองคนสำคัญทางด้านนี้ ทางราชการจึงสั่งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รักษาเมืองหนองคายไปก่อน ข้าพเจ้าไปอยู่ได้ ๓-๔ วัน ก็เกิดเรื่องทหารญวนฝรั่งเศสยิงนายจันทาคนไทย ความตึงเครียดก็เป็นเงาตามตัวขึ้นมาทันที
เรสิดังต์สุเปอริเยอร์แห่งแคว้นลาว ได้เชิญตัวข้าพเจ้าไปเวียงจันทน์และตัดพ้อว่า เรื่องคนขี้ยาคนเดียวถูกยิงตาย ท่านข้าหลวงหนองคายถือเอาเป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวแก่การเมืองระหว่างประเทศเชียวหรือ? ข้าพเจ้าตอบว่าลงขึ้นชื่อว่าชีวิตคนไทย ซึ่งข้าพเจ้ามีหน้าที่ปกครองอารักขาเขาแล้ว แม้หากเขาจะเป็นขี้ยาหรือ ต่ำช้าเพียงใด ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น เพราะเป็นชีวิตเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้า
เขาก็ต่อว่าเรื่องอื่นอีกต่อไปว่า ข้าหลวงหนองคายคนเก่านั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ผูกแพไม้ไผ่ซ่อนไว้ในลำห้วยใกล้เมืองหนองคาย มาก มีความประสงค์จะลำเลียงกำลังข้ามมาตีเวียงจันทน์หรือ? ข้าพเจ้าตอบเขาว่าผูกแพไว้เพื่องานแข่งเรือประจำปี ซึ่งเป็นประเพณีที่นี่ทำกันมาทุกปี ท่านไม่น่าจะคิดมากไปถึงอย่างนั้นเลย แพไม้เล็ก ๆ เพื่อลำเลียงพลข้ามไปตีเวียงจันทน์ ถ้าหากจะคิดอย่างนั้นจริง ลำเลียงทหารเพียงกองร้อยเดียวแพก็จม แลแสดงตัวให้ฝรั่งเศสยิงเล่นตามสบาย
ต่อมาอีกไม่กี่วัน ฝูงบินแห่งกองทัพอากาศของเรา ไปบินว่อนอยู่ในแนวกลางแม่น้ำโขง แลเกิดการยิงกันขึ้นกับทหารฝรั่งเศส ที่มาขุดสนามเพลาะอยู่ที่ท่าเดื่อตรงข้ามกับจวนข้าหลวงหนองคาย พอยิงกันด้วยปืนกลฝ่ายละไม่กี่ชุด เรสิดังต์สุเปอริเยอร์ (ผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว) แล เรสิดังต์เวียงจันทน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์) ก็เชิญข้าพเจ้าไปเวียงจันทน์อีก
ครั้นไปถึงทำเนียบผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว ท่านผู้สำเร็จราชการแคว้นลาวก็สวมหน้ายักษ์ใส่ข้าพเจ้า โดยตั้งกระทู้ถามว่ากองทัพอากาศไทยดูหมิ่นฝรั่งเศส ถึงกับใช้เครื่องบินปักหัวลงยิงสนามเพลาะฝรั่งเศสที่บ้านเดื่อดังนี้ หมายความว่ากระไร? พูดพลางก็หยิบหัวกระสุนปืนกลของไทยมาแบให้ดู แล้วถามข้าพเจ้าว่าใช่หรือไม่ ข้าพเจ้ายิ้มแล้วตอบว่าใช่ ไม่ปฏิเสธ แต่ท่านผู้สำเร็จราชการอยู่ไกลที่เกิดเหตุถึง ๒๒ กิโลเมตร ส่วนที่เกิดเหตุจริง ๆ อยู่หน้าจวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาตนเองว่าฝูงเครื่องบินของเรา บินอยู่ตามแนวแม่น้ำโขงในเขตของเรา แต่ ป.ต.อ.จากสนามเพลาะของท่าน ได้ยิงเครื่องบินก่อนนักบินของข้าพเจ้าก็จำต้องป้องกันตนเองยิงเอาบ้าง ท่านจะมาโทษไทยฝ่ายเดียวกระไรได้ ตกลงว่าการโต้ถียงกันในขณะนั้น บรรยากาศทรามมาก ข้าพเจ้าจึงชิงลากลับ
เมื่อเกิดการรบราฆ่าฟันกันขึ้น ข้าพเจ้าก็เป็นทั้งเจ้าเมืองแลผู้บังคับการกองผสมของทหาร ซึ่งอยู่ที่เมืองหนองคายในขณะนั้น เพราะผู้บังคับการหรือผู้บังคับกองพันตัวจริง ยังไม่มีตัวส่งไป ก็ต้องใช้ข้าหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นทหารทั้งแท่งทำการไปพลางก่อน
วันหนึ่งที่จะมีการรบใหญ่ ข้าพเจ้าวางโทรศัพท์สนามไปยังบ้านเวียงคุก จวนถึงบ้าน ศรีเชียงใหม่ตรงข้ามเมืองเวียงจันทน์ ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าฝรั่งเศสกำลังขนทหารลงเรือรบ รูปร่างคล้ายเรือพระร่วงของเรา มีเสาสามเสา คงจะออกเรือในเร็ว ๆ นี้ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าป้องกันแลเตรียมการไว้ก่อนดีกว่าประมาท จึงสั่งทหารทั้ง ๙ กองร้อยทั้ง ป.ต.อ.แลยุวชน ๒ กองร้อย รวมกำลังทั้งสิ้นเป็น ๑๑ กองร้อย กำหนดจุดกำหนดการให้ขุดสนามเพลาะรอรับเหตุการณ์ ห่างจากขอบตลิ่งแม่น้ำโขง ๑ เมตร เพราะถ้าชิดตลิ่งนักเกรงจะถูกกระสุนปืนจากเรือซึ่งอยู่ต่ำกว่าตลิ่งมาก ได้ขุดสนามเพลาะเป็นแนวไปตามรูปแม่น้ำ คล้ายพระจันทร์ครึ่งซีก แลออกคำสั่งห้ามเด็ดขาดมิให้กรมกองใด ทำการยิงโดยมิได้รับคำสั่งจากข้าพเจ้า
ครั้นเมื่อเรือรบฝรั่งเศสแล่นมาถึงกึ่งกลางวงพระจันทร์ แห่งแนวสนามเพลาะ ก็เกิดยิงกันขึ้น ฝ่ายใดจะยิงก่อนยิงหลังเอาไว้เป็นหน้าที่พระเจ้าจะชี้แจง ข้าพเจ้าเห็นว่ายังไม่ควรนำมากล่าว เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ ลงมือยิงนำ บรรดาทหารอีกสิบกองร้อยก็ยิงกันใหญ่ ช่างน่ารักน้ำใจคนไทยภาคอีสานเสียนี่กระไร มีปืนแก๊ปก็มายืนยิง มีปืนพกก็มายิง กระสุนตกน้ำป๋อมแป๋ม ห่างจากเรือข้าศึกมากมาย ปฏิกิริยาคล้าย ๆ กับยิงเพื่อให้หายแค้น ถึงไม่ถึงช่างหัวมัน
ขณะนั้นทางฝ่ายฝรั่งเศสในเรือก็ระดมยิงปืนกลขึ้นมาดังห่าฝน ทหารฝั่งท่าเดื่อก็ช่วยเรือรบเขาระดมยิงเรา ข้าพเจ้ามีกอไม้ไผ่แห้ง ๆ กองหนึ่งอยู่ข้างหน้า ใช้กล้องส่องทางไกลตรวจผลการยิงของเรา เห็นกระสุนถูกข้างเรือรบ หล่นน้ำป๋อมแป๋มยิงไม่เข้าเพราะเป็นเรือหุ้มเกราะ ปืนกลหนักก็ไม่สามารถจะยิงทะลุได้ ข้าพเจ้าจึงสั่ง ป.ต.อ.ซึ่งมีอยู่ ๑ กองร้อยให้ใช้กระสุนเจาะเกราะยิงตามแนวระดับน้ำ ป.ต.อ.ลั่นตูม ๆ ไม่กี่นัด ส่องกล้องเห็นเป็นรูน้ำไหลเข้าเรือ ในเรือเกิดอลหม่าน ข้าพเจ้าสั่งให้ยิงสะพานเรือ ถูกคนถือท้ายเซไป มีนายทหารผู้ใหญ่เข้าถือท้ายแทน แต่เรือรบลำนั้นเกิดแล่นไม่ได้แนวขนานกับฝั่งเสียแล้ว ท้ายเรือซึ่งไม่มีเกราะหันมาทางเมืองหนองคาย ข้าพเจ้าจึงสั่งผู้บังคับกองปืนกลหนัก เล็งท้ายเรือ ทุกกระบอกจึงกวาดไปจนตลอดลำ วาระสุดท้ายก็มาถึงเรือรบลำนั้น ทำให้ต้องเกยหัวเรือเข้าหาตลิ่งใกล้บ้านท่าเดื่อ
ครั้นเวลาราวเกือบ ๑๘.๐๐ น. ข้าพเจ้าได้รับวิทยุทางกรุงเทพ ฯ ความว่าอัครราชทูตฝรั่งเศสฟ้องว่า ท่านยิงเรือเมล์ของฝรั่งเศสผู้คนล้มตายทั้งลำ เหตุใดท่านจึงประพฤติอย่างนี้ แหละท่านจะแก้ตัวว่าอย่างไร? ลงนาม ป.พิบูลสงคราม
ขณะนั้นข้าพเจ้ายังประจำอยู่ในแนวรบ จึงเขียนตอบให้เขาส่งวิทยุว่า เรือรบ ฝรั่งเศส ๓ เสา ลักษณะอย่างเรือพระร่วง หุ้มเกราะมาลอยลำยิงเมืองหนองคายก่อน ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้เป็นผู้รักษาเมืองหนองคายจึงสั่งยิงต่อสู้ หากจะเกิดความผิดใด ๆ ขอให้ลงโทษข้าพเจ้าผู้สั่งแต่ผู้เดียว คนอื่นไม่มีความผิด เขาปฏิบัติตามคำสั่งข้าพเจ้า
ขณะนั้นข้าพเจ้าใจเต้นตึก ๆ เพราะมิทราบว่า ทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านจะว่ากระไร จะถูกยิงเป้าหรือไม่ แต่ต่อมาก็ได้รับตอบทางวิทยุว่าให้ยิงให้หมด ข้าพเจ้าเลยคลายอาการปวดท้องปวดสมองลงได้.
#########
เมืองหนองคาย ฯ ๕ มี.ค.๖๑
จังหวัดหนองคายกับสงครามอินโดจีน (๒)
พ.สมานคุรุกรรม
ในระหว่างที่ พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ขณะเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนนั้น ท่านได้เล่าต่อไปว่า
ขณะนั้นข้าพเจ้ามีตำแหน่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัด (ปัจจุบันเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด) พิษณุโลก พอเกิดเอะอะทางชายแดนระหว่างไทยกับอินโดจีน ทางราชการก็มีคำสั่งย้ายข้าพเจ้าจากพิษณุโลก ไปเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคายอันเป็นจังหวัดชายแดน ขณะนั้นทางกระทรวงกลาโหมยังมิได้บรรจุแม่ทัพนายกองคนสำคัญทางด้านนี้ ทางราชการจึงสั่งให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รักษาเมืองหนองคายไปก่อน ข้าพเจ้าไปอยู่ได้ ๓-๔ วัน ก็เกิดเรื่องทหารญวนฝรั่งเศสยิงนายจันทาคนไทย ความตึงเครียดก็เป็นเงาตามตัวขึ้นมาทันที
เรสิดังต์สุเปอริเยอร์แห่งแคว้นลาว ได้เชิญตัวข้าพเจ้าไปเวียงจันทน์และตัดพ้อว่า เรื่องคนขี้ยาคนเดียวถูกยิงตาย ท่านข้าหลวงหนองคายถือเอาเป็นเรื่องสำคัญ เกี่ยวแก่การเมืองระหว่างประเทศเชียวหรือ? ข้าพเจ้าตอบว่าลงขึ้นชื่อว่าชีวิตคนไทย ซึ่งข้าพเจ้ามีหน้าที่ปกครองอารักขาเขาแล้ว แม้หากเขาจะเป็นขี้ยาหรือ ต่ำช้าเพียงใด ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น เพราะเป็นชีวิตเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้า
เขาก็ต่อว่าเรื่องอื่นอีกต่อไปว่า ข้าหลวงหนองคายคนเก่านั้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ผูกแพไม้ไผ่ซ่อนไว้ในลำห้วยใกล้เมืองหนองคาย มาก มีความประสงค์จะลำเลียงกำลังข้ามมาตีเวียงจันทน์หรือ? ข้าพเจ้าตอบเขาว่าผูกแพไว้เพื่องานแข่งเรือประจำปี ซึ่งเป็นประเพณีที่นี่ทำกันมาทุกปี ท่านไม่น่าจะคิดมากไปถึงอย่างนั้นเลย แพไม้เล็ก ๆ เพื่อลำเลียงพลข้ามไปตีเวียงจันทน์ ถ้าหากจะคิดอย่างนั้นจริง ลำเลียงทหารเพียงกองร้อยเดียวแพก็จม แลแสดงตัวให้ฝรั่งเศสยิงเล่นตามสบาย
ต่อมาอีกไม่กี่วัน ฝูงบินแห่งกองทัพอากาศของเรา ไปบินว่อนอยู่ในแนวกลางแม่น้ำโขง แลเกิดการยิงกันขึ้นกับทหารฝรั่งเศส ที่มาขุดสนามเพลาะอยู่ที่ท่าเดื่อตรงข้ามกับจวนข้าหลวงหนองคาย พอยิงกันด้วยปืนกลฝ่ายละไม่กี่ชุด เรสิดังต์สุเปอริเยอร์ (ผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว) แล เรสิดังต์เวียงจันทน์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์) ก็เชิญข้าพเจ้าไปเวียงจันทน์อีก
ครั้นไปถึงทำเนียบผู้สำเร็จราชการแคว้นลาว ท่านผู้สำเร็จราชการแคว้นลาวก็สวมหน้ายักษ์ใส่ข้าพเจ้า โดยตั้งกระทู้ถามว่ากองทัพอากาศไทยดูหมิ่นฝรั่งเศส ถึงกับใช้เครื่องบินปักหัวลงยิงสนามเพลาะฝรั่งเศสที่บ้านเดื่อดังนี้ หมายความว่ากระไร? พูดพลางก็หยิบหัวกระสุนปืนกลของไทยมาแบให้ดู แล้วถามข้าพเจ้าว่าใช่หรือไม่ ข้าพเจ้ายิ้มแล้วตอบว่าใช่ ไม่ปฏิเสธ แต่ท่านผู้สำเร็จราชการอยู่ไกลที่เกิดเหตุถึง ๒๒ กิโลเมตร ส่วนที่เกิดเหตุจริง ๆ อยู่หน้าจวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาตนเองว่าฝูงเครื่องบินของเรา บินอยู่ตามแนวแม่น้ำโขงในเขตของเรา แต่ ป.ต.อ.จากสนามเพลาะของท่าน ได้ยิงเครื่องบินก่อนนักบินของข้าพเจ้าก็จำต้องป้องกันตนเองยิงเอาบ้าง ท่านจะมาโทษไทยฝ่ายเดียวกระไรได้ ตกลงว่าการโต้ถียงกันในขณะนั้น บรรยากาศทรามมาก ข้าพเจ้าจึงชิงลากลับ
เมื่อเกิดการรบราฆ่าฟันกันขึ้น ข้าพเจ้าก็เป็นทั้งเจ้าเมืองแลผู้บังคับการกองผสมของทหาร ซึ่งอยู่ที่เมืองหนองคายในขณะนั้น เพราะผู้บังคับการหรือผู้บังคับกองพันตัวจริง ยังไม่มีตัวส่งไป ก็ต้องใช้ข้าหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นทหารทั้งแท่งทำการไปพลางก่อน
วันหนึ่งที่จะมีการรบใหญ่ ข้าพเจ้าวางโทรศัพท์สนามไปยังบ้านเวียงคุก จวนถึงบ้าน ศรีเชียงใหม่ตรงข้ามเมืองเวียงจันทน์ ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าฝรั่งเศสกำลังขนทหารลงเรือรบ รูปร่างคล้ายเรือพระร่วงของเรา มีเสาสามเสา คงจะออกเรือในเร็ว ๆ นี้ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าป้องกันแลเตรียมการไว้ก่อนดีกว่าประมาท จึงสั่งทหารทั้ง ๙ กองร้อยทั้ง ป.ต.อ.แลยุวชน ๒ กองร้อย รวมกำลังทั้งสิ้นเป็น ๑๑ กองร้อย กำหนดจุดกำหนดการให้ขุดสนามเพลาะรอรับเหตุการณ์ ห่างจากขอบตลิ่งแม่น้ำโขง ๑ เมตร เพราะถ้าชิดตลิ่งนักเกรงจะถูกกระสุนปืนจากเรือซึ่งอยู่ต่ำกว่าตลิ่งมาก ได้ขุดสนามเพลาะเป็นแนวไปตามรูปแม่น้ำ คล้ายพระจันทร์ครึ่งซีก แลออกคำสั่งห้ามเด็ดขาดมิให้กรมกองใด ทำการยิงโดยมิได้รับคำสั่งจากข้าพเจ้า
ครั้นเมื่อเรือรบฝรั่งเศสแล่นมาถึงกึ่งกลางวงพระจันทร์ แห่งแนวสนามเพลาะ ก็เกิดยิงกันขึ้น ฝ่ายใดจะยิงก่อนยิงหลังเอาไว้เป็นหน้าที่พระเจ้าจะชี้แจง ข้าพเจ้าเห็นว่ายังไม่ควรนำมากล่าว เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ ลงมือยิงนำ บรรดาทหารอีกสิบกองร้อยก็ยิงกันใหญ่ ช่างน่ารักน้ำใจคนไทยภาคอีสานเสียนี่กระไร มีปืนแก๊ปก็มายืนยิง มีปืนพกก็มายิง กระสุนตกน้ำป๋อมแป๋ม ห่างจากเรือข้าศึกมากมาย ปฏิกิริยาคล้าย ๆ กับยิงเพื่อให้หายแค้น ถึงไม่ถึงช่างหัวมัน
ขณะนั้นทางฝ่ายฝรั่งเศสในเรือก็ระดมยิงปืนกลขึ้นมาดังห่าฝน ทหารฝั่งท่าเดื่อก็ช่วยเรือรบเขาระดมยิงเรา ข้าพเจ้ามีกอไม้ไผ่แห้ง ๆ กองหนึ่งอยู่ข้างหน้า ใช้กล้องส่องทางไกลตรวจผลการยิงของเรา เห็นกระสุนถูกข้างเรือรบ หล่นน้ำป๋อมแป๋มยิงไม่เข้าเพราะเป็นเรือหุ้มเกราะ ปืนกลหนักก็ไม่สามารถจะยิงทะลุได้ ข้าพเจ้าจึงสั่ง ป.ต.อ.ซึ่งมีอยู่ ๑ กองร้อยให้ใช้กระสุนเจาะเกราะยิงตามแนวระดับน้ำ ป.ต.อ.ลั่นตูม ๆ ไม่กี่นัด ส่องกล้องเห็นเป็นรูน้ำไหลเข้าเรือ ในเรือเกิดอลหม่าน ข้าพเจ้าสั่งให้ยิงสะพานเรือ ถูกคนถือท้ายเซไป มีนายทหารผู้ใหญ่เข้าถือท้ายแทน แต่เรือรบลำนั้นเกิดแล่นไม่ได้แนวขนานกับฝั่งเสียแล้ว ท้ายเรือซึ่งไม่มีเกราะหันมาทางเมืองหนองคาย ข้าพเจ้าจึงสั่งผู้บังคับกองปืนกลหนัก เล็งท้ายเรือ ทุกกระบอกจึงกวาดไปจนตลอดลำ วาระสุดท้ายก็มาถึงเรือรบลำนั้น ทำให้ต้องเกยหัวเรือเข้าหาตลิ่งใกล้บ้านท่าเดื่อ
ครั้นเวลาราวเกือบ ๑๘.๐๐ น. ข้าพเจ้าได้รับวิทยุทางกรุงเทพ ฯ ความว่าอัครราชทูตฝรั่งเศสฟ้องว่า ท่านยิงเรือเมล์ของฝรั่งเศสผู้คนล้มตายทั้งลำ เหตุใดท่านจึงประพฤติอย่างนี้ แหละท่านจะแก้ตัวว่าอย่างไร? ลงนาม ป.พิบูลสงคราม
ขณะนั้นข้าพเจ้ายังประจำอยู่ในแนวรบ จึงเขียนตอบให้เขาส่งวิทยุว่า เรือรบ ฝรั่งเศส ๓ เสา ลักษณะอย่างเรือพระร่วง หุ้มเกราะมาลอยลำยิงเมืองหนองคายก่อน ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้เป็นผู้รักษาเมืองหนองคายจึงสั่งยิงต่อสู้ หากจะเกิดความผิดใด ๆ ขอให้ลงโทษข้าพเจ้าผู้สั่งแต่ผู้เดียว คนอื่นไม่มีความผิด เขาปฏิบัติตามคำสั่งข้าพเจ้า
ขณะนั้นข้าพเจ้าใจเต้นตึก ๆ เพราะมิทราบว่า ทางผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านจะว่ากระไร จะถูกยิงเป้าหรือไม่ แต่ต่อมาก็ได้รับตอบทางวิทยุว่าให้ยิงให้หมด ข้าพเจ้าเลยคลายอาการปวดท้องปวดสมองลงได้.
#########