นิทานชาวสวน ๑๙ ก.พ.๕๖
สงครามอินโดจีน
๓.ริมฝั่งโขง
ก่อนที่กองทัพบกไทยจะยกพลข้ามแม่น้ำโขง ไปทำสงครามกับฝรั่งเศสนั้น ก็มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกัน ที่จังหวัดหนองคายก่อน พอหอมปากหอมคอ มีเรื่องเล่าว่า
พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ อดีตนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ได้ประกอบวีรกรรมไว้ ในคราวนี้อีกครั้งหนึ่ง
โดยเมื่อ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกคำสั่งแต่งตั้ง พันตรี ขุนไสวแสนยากร นายทหารสื่อสาร ไปเป็นปลัดจังหวัดหนองคาย เมื่อ ๑๓ ตุลาคม.๒๔๘๓ และในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ พันเอก หลวงเสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมรถไฟ และเป็นหัวหน้าเหล่าทหารสื่อสาร ด้วย ได้เดินทางไปตรวจราชการกรมรถไฟ จนถึงสถานีขอนแก่นและเดินทางต่อไปโดยทางรถยนต์ จนถึงจังหวัดหนองคาย
เมื่อไปถึงจังหวัดหนองคาย พันตรี ขุนไสวแสนยากร ได้นำไปพบข้าหลวงประจำจังหวัด พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ได้สนทนาหารือและเชิญคุณหลวงเสรีเริงฤทธิ์พบปะกับราษฎร ตลอดจนไปดูการจัดเรือชล่าสี่ลำผูกเป็นแพ และทดสอบน้ำหนักบรรทุก โดยจัดคนลงไปเข้าแถวจำนวนมากบนแพนั้น แพดังกล่าวนี้ท่านข้าหลวงประจำจังหวัดจัดเตรียมไว้หลายแพ
ในคืนนั้น เวลาดึกมาก มีเสียงดังกึกก็องเป็นเสียงคนจำนวนมาก โห่ร้องมาจากริมแม่น้ำโขง ก็ตกใจคิดว่าพวกฝรั่งเศสบุกข้ามโขงขึ้นฝั่งหนองคาย แต่เมื่อฟังไปเป็นเสียงไชโยซ้ำ ๆ กันเป็นระยะ ๆ ต่อมาจึงได้ทราบความจริง ว่า มีทหารญวนและลาวฝรั่งเศส ได้หนีข้ามฟากมาฝั่งไทย ทั้งนายทหารนายสิบและพลทหาร ๓๖ คน พร้อมด้วยอาวุธกระสุน และครอบครัวจำนวนหนึ่งด้วย
ซึ่ง พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ซึ่งมีนามเดิมว่า เมี้ยน ได้เล่ารายละเอียดว่า
ท่านได้ติดต่อกับนายดาบบิ๋นผู้บังคับกองร้อยที่นครเวียงจันทน์ ที่จะร่วมมือกับไทยในการรบ นายดาบบิ๋นบอกว่าถ้าหากได้ยินภายในเมืองเวียงจันทน์ ยิงกันสนั่นหวั่นไหวเมื่อใด ให้ฝ่ายเรายกเข้าตีทีเดียว ท่านเห็นว่าอันกลศึกนั้นลึกซึ้ง จะเชื่ออะไรอย่างตื้น ๆ หายังควรแก่ผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ โรงเรียนนายทหารมาตั้ง ๙ ปีนั้นไม่ เพราะฉวยหากว่าเขายิงหลอก ๆ ให้เราได้ยินเพื่อลวงเรา พอเราข้ามแม่น้ำโขงกว้าง ๔-๕ เท่าของแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก็จะยิงเราเล่นอย่างยิงนกเป็ดน้ำ เพราะแม่น้ำกว้างตลิ่งสูง
ท่านจึงได้ขอให้ส่งทหารญวน ๑ กองร้อย พร้อมด้วยครอบครัวแลอาวุธ มาให้เรายึดเป็นประกันว่าจะไม่ทรยศต่อเรา หากถ้าทรยศเราจะประหารชีวิตพวกที่มาเป็นหลักค้ำประกันเสียให้หมด ด้วยความซื่อสัตย์ เขาจึงยอมเอาชีวิตเป็นประกัน ซึ่งคนไทยน้อยคนที่จะทราบเรื่องนี้ เพราะเป็นความลับ พอทหารญวนข้ามมา ก็ได้ส่งมากรุงเทพ ฯ มาเดินแถวอวดตามถนน จนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า รัฐมนตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์ไปตรวจราชการชายแดน ทหารญวนข้ามมาสวามิภักดิ์
วันที่ท่านจะข้ามไปรับทหารญวนนั้น เผอิญคุณหลวงเสรีท่านพาข้าราชการรถไฟ และนายทหารสื่อสารไปเยี่ยมหนองคาย ท่านบอกกับคุณหลวงเสรี ฯ ว่ามีธุระสำคัญจะไม่ได้นอนบ้าน คุณหลวงเสรี ฯ ก็ซักถามอย่างวิสาสะว่าจะไปไหน ท่านเรียนว่าบอกไม่ได้ สปายฝรั่งเศสเต็มเมือง หลวงเสรี ฯ ก็เอ็ดว่าอั๊วเป็นรัฐมนตรียังบอกไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ยืนยันว่าบอกไม่ได้ อันตายมันรอบข้าง แต่ให้ท่านรัฐมนตรีคอยดู ว่าหากย่ำรุ่งผมไม่กลับก็ให้จำหน่ายทะเบียนว่าตายได้
หลวงเสรี ฯ ก็ถาม ขุนไสว ฯ ว่าเมี้ยนมันไปไหน ขุนไสวว่าไม่รู้ เพราะข้าหลวงท่านไม่บอกใครเลย แม้แต่กำลังตำรวจที่นำไปกับตัวท่านทั้งหมด ก็ไม่รู้ความประสงค์ของท่าน เพราะท่านใช้คำว่าตามข้าพเจ้า ขุนไสวเล่าว่าหลวงเสรีนอนไม่ใคร่หลับ คอยเวลาย่ำรุ่ง ว่า ข้าหลวงจะได้กลับมาหรือหาไม่
ครั้นเวลาตี ๒ (แปดทุ่ม) ข้าหลวงพร้อมด้วยราษฎรผู้กล้าหาญสมัครยอมตาย ได้ข้ามฟากไปหาดดอนแก้วด้วยเรือชะล่า ๗-๘ ลำ ซึ่งให้จมไว้ในที่ลับ มีครูใหญ่โรงเรียนบ้านกองนา อำเภอท่าบ่อเป็นหัวแรงสำคัญ ได้ข้ามฟากด้วยเรือชะล่า ขณะนั้นไฟแสงเดือนสว่างจ้าหน้าเมืองเวียงจันทน์ แต่เราก็ไปทั้ง ๆ สว่างอย่างนั้น ข้าพเจ้าสั่งผู้พายเรือว่าหากมีเหตุกลางแม่น้ำ ให้โดดลงน้ำเกาะแคมเรือกระเดือดมาถึงฝั่งเราให้จงได้
พอรับทหารญวนแลครอบครัวทั้งอาวุธต่าง ๆ ลงเรือ ถอยมาถึงกลางแม่น้ำ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ฝั่งเวียงจันทน์ดังสนั่น ซึ่งท่านคิดว่าท่าจะเกิดเรื่องแน่ ครั้นเพียงครู่เดียวเสียงนั้นก็เงียบไป เราก็มาถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ ก็บรรทุกรถยนต์กะบะมาเป็นคัน ๆ พอจะเข้าเมืองหนองคาย ฝ่ายตำรวจแลทหารเมืองหนองคายเกิดชุลมุน เพราะไม่รู้ว่าแถวทหารญวนอันเป็นข้าศึกเข้ามาได้อย่างไร ท่านเจ้าเมืองต้องวิ่งออกหน้าแถวทหารญวนตะโกนลั่นว่า ไม่ใช่ข้าศึก ข้าหลวงนำมาเอง จึงไม่เกิดการต่อสู้กันขึ้น
เสียงเครื่องยนต์ที่ว่าดังลั่นตอนเรามาถึงกลางแม่น้ำนั้น วันรุ่งขึ้นสายลับของเรามารายงานว่า ฝรั่งเศสชื่อตีแซร์เป็นหัวหน้าตำรวจลับ เกิดสงสัยตรงหาดดอนแก้ว จึงขี่มอร์เตอร์ไซค์ควบมา เผอิญเทวดาช่วยเรา รถตีแซร์เกิดไปชนรากไม้รถถลาไปหลายวา หน้ามองสิเออร์ตีแซร์หมดไปทั้งแถบ ต้องนอนหยอดน้ำอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน หากเขาไม่มีเหตุเอ๊กสิเด็นต์ น่ากลัวว่าเราจะได้กลับบ้านหรือไม่ ไม่แน่
ต่อมาท่านได้วิทยุรายงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด และท่านได้รับวิทยุตอบเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ ดังนี้
พ.ต.หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ทหารญวนได้มาถึงกรุงเทพ ฯ เรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีและชมเชยที่ท่าน และข้าราชการในจังหวัดนี้ ตลอดจนประชาชน ได้แสดงความรักชาติอย่างสูงสุด และปฏิบัติราชการได้ผลดียิ่ง เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตัวท่าน ที่ได้เป็นผู้อำนวยการในเรื่องอันเกี่ยวแก่ทหารญวนนี้ ตั้งแต่ต้นมาโดยเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อการเหน็ดเหนื่อยประการใด หวังมอบตนให้เป็นชาติพลีแต่อย่างเดียว ขอจงมีความสวัสดีมีชัยตลอดไปทั่วกัน
เรื่องของ พ.ต.หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้..
#########
นิทานชาวสวน ๑๙ ก.พ.๕๖
สงครามอินโดจีน
๓.ริมฝั่งโขง
ก่อนที่กองทัพบกไทยจะยกพลข้ามแม่น้ำโขง ไปทำสงครามกับฝรั่งเศสนั้น ก็มีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกัน ที่จังหวัดหนองคายก่อน พอหอมปากหอมคอ มีเรื่องเล่าว่า
พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ อดีตนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ได้ประกอบวีรกรรมไว้ ในคราวนี้อีกครั้งหนึ่ง
โดยเมื่อ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกคำสั่งแต่งตั้ง พันตรี ขุนไสวแสนยากร นายทหารสื่อสาร ไปเป็นปลัดจังหวัดหนองคาย เมื่อ ๑๓ ตุลาคม.๒๔๘๓ และในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ พันเอก หลวงเสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมรถไฟ และเป็นหัวหน้าเหล่าทหารสื่อสาร ด้วย ได้เดินทางไปตรวจราชการกรมรถไฟ จนถึงสถานีขอนแก่นและเดินทางต่อไปโดยทางรถยนต์ จนถึงจังหวัดหนองคาย
เมื่อไปถึงจังหวัดหนองคาย พันตรี ขุนไสวแสนยากร ได้นำไปพบข้าหลวงประจำจังหวัด พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ได้สนทนาหารือและเชิญคุณหลวงเสรีเริงฤทธิ์พบปะกับราษฎร ตลอดจนไปดูการจัดเรือชล่าสี่ลำผูกเป็นแพ และทดสอบน้ำหนักบรรทุก โดยจัดคนลงไปเข้าแถวจำนวนมากบนแพนั้น แพดังกล่าวนี้ท่านข้าหลวงประจำจังหวัดจัดเตรียมไว้หลายแพ
ในคืนนั้น เวลาดึกมาก มีเสียงดังกึกก็องเป็นเสียงคนจำนวนมาก โห่ร้องมาจากริมแม่น้ำโขง ก็ตกใจคิดว่าพวกฝรั่งเศสบุกข้ามโขงขึ้นฝั่งหนองคาย แต่เมื่อฟังไปเป็นเสียงไชโยซ้ำ ๆ กันเป็นระยะ ๆ ต่อมาจึงได้ทราบความจริง ว่า มีทหารญวนและลาวฝรั่งเศส ได้หนีข้ามฟากมาฝั่งไทย ทั้งนายทหารนายสิบและพลทหาร ๓๖ คน พร้อมด้วยอาวุธกระสุน และครอบครัวจำนวนหนึ่งด้วย
ซึ่ง พันตรี หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ซึ่งมีนามเดิมว่า เมี้ยน ได้เล่ารายละเอียดว่า
ท่านได้ติดต่อกับนายดาบบิ๋นผู้บังคับกองร้อยที่นครเวียงจันทน์ ที่จะร่วมมือกับไทยในการรบ นายดาบบิ๋นบอกว่าถ้าหากได้ยินภายในเมืองเวียงจันทน์ ยิงกันสนั่นหวั่นไหวเมื่อใด ให้ฝ่ายเรายกเข้าตีทีเดียว ท่านเห็นว่าอันกลศึกนั้นลึกซึ้ง จะเชื่ออะไรอย่างตื้น ๆ หายังควรแก่ผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ โรงเรียนนายทหารมาตั้ง ๙ ปีนั้นไม่ เพราะฉวยหากว่าเขายิงหลอก ๆ ให้เราได้ยินเพื่อลวงเรา พอเราข้ามแม่น้ำโขงกว้าง ๔-๕ เท่าของแม่น้ำเจ้าพระยา เขาก็จะยิงเราเล่นอย่างยิงนกเป็ดน้ำ เพราะแม่น้ำกว้างตลิ่งสูง
ท่านจึงได้ขอให้ส่งทหารญวน ๑ กองร้อย พร้อมด้วยครอบครัวแลอาวุธ มาให้เรายึดเป็นประกันว่าจะไม่ทรยศต่อเรา หากถ้าทรยศเราจะประหารชีวิตพวกที่มาเป็นหลักค้ำประกันเสียให้หมด ด้วยความซื่อสัตย์ เขาจึงยอมเอาชีวิตเป็นประกัน ซึ่งคนไทยน้อยคนที่จะทราบเรื่องนี้ เพราะเป็นความลับ พอทหารญวนข้ามมา ก็ได้ส่งมากรุงเทพ ฯ มาเดินแถวอวดตามถนน จนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า รัฐมนตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์ไปตรวจราชการชายแดน ทหารญวนข้ามมาสวามิภักดิ์
วันที่ท่านจะข้ามไปรับทหารญวนนั้น เผอิญคุณหลวงเสรีท่านพาข้าราชการรถไฟ และนายทหารสื่อสารไปเยี่ยมหนองคาย ท่านบอกกับคุณหลวงเสรี ฯ ว่ามีธุระสำคัญจะไม่ได้นอนบ้าน คุณหลวงเสรี ฯ ก็ซักถามอย่างวิสาสะว่าจะไปไหน ท่านเรียนว่าบอกไม่ได้ สปายฝรั่งเศสเต็มเมือง หลวงเสรี ฯ ก็เอ็ดว่าอั๊วเป็นรัฐมนตรียังบอกไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ยืนยันว่าบอกไม่ได้ อันตายมันรอบข้าง แต่ให้ท่านรัฐมนตรีคอยดู ว่าหากย่ำรุ่งผมไม่กลับก็ให้จำหน่ายทะเบียนว่าตายได้
หลวงเสรี ฯ ก็ถาม ขุนไสว ฯ ว่าเมี้ยนมันไปไหน ขุนไสวว่าไม่รู้ เพราะข้าหลวงท่านไม่บอกใครเลย แม้แต่กำลังตำรวจที่นำไปกับตัวท่านทั้งหมด ก็ไม่รู้ความประสงค์ของท่าน เพราะท่านใช้คำว่าตามข้าพเจ้า ขุนไสวเล่าว่าหลวงเสรีนอนไม่ใคร่หลับ คอยเวลาย่ำรุ่ง ว่า ข้าหลวงจะได้กลับมาหรือหาไม่
ครั้นเวลาตี ๒ (แปดทุ่ม) ข้าหลวงพร้อมด้วยราษฎรผู้กล้าหาญสมัครยอมตาย ได้ข้ามฟากไปหาดดอนแก้วด้วยเรือชะล่า ๗-๘ ลำ ซึ่งให้จมไว้ในที่ลับ มีครูใหญ่โรงเรียนบ้านกองนา อำเภอท่าบ่อเป็นหัวแรงสำคัญ ได้ข้ามฟากด้วยเรือชะล่า ขณะนั้นไฟแสงเดือนสว่างจ้าหน้าเมืองเวียงจันทน์ แต่เราก็ไปทั้ง ๆ สว่างอย่างนั้น ข้าพเจ้าสั่งผู้พายเรือว่าหากมีเหตุกลางแม่น้ำ ให้โดดลงน้ำเกาะแคมเรือกระเดือดมาถึงฝั่งเราให้จงได้
พอรับทหารญวนแลครอบครัวทั้งอาวุธต่าง ๆ ลงเรือ ถอยมาถึงกลางแม่น้ำ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ฝั่งเวียงจันทน์ดังสนั่น ซึ่งท่านคิดว่าท่าจะเกิดเรื่องแน่ ครั้นเพียงครู่เดียวเสียงนั้นก็เงียบไป เราก็มาถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ ก็บรรทุกรถยนต์กะบะมาเป็นคัน ๆ พอจะเข้าเมืองหนองคาย ฝ่ายตำรวจแลทหารเมืองหนองคายเกิดชุลมุน เพราะไม่รู้ว่าแถวทหารญวนอันเป็นข้าศึกเข้ามาได้อย่างไร ท่านเจ้าเมืองต้องวิ่งออกหน้าแถวทหารญวนตะโกนลั่นว่า ไม่ใช่ข้าศึก ข้าหลวงนำมาเอง จึงไม่เกิดการต่อสู้กันขึ้น
เสียงเครื่องยนต์ที่ว่าดังลั่นตอนเรามาถึงกลางแม่น้ำนั้น วันรุ่งขึ้นสายลับของเรามารายงานว่า ฝรั่งเศสชื่อตีแซร์เป็นหัวหน้าตำรวจลับ เกิดสงสัยตรงหาดดอนแก้ว จึงขี่มอร์เตอร์ไซค์ควบมา เผอิญเทวดาช่วยเรา รถตีแซร์เกิดไปชนรากไม้รถถลาไปหลายวา หน้ามองสิเออร์ตีแซร์หมดไปทั้งแถบ ต้องนอนหยอดน้ำอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน หากเขาไม่มีเหตุเอ๊กสิเด็นต์ น่ากลัวว่าเราจะได้กลับบ้านหรือไม่ ไม่แน่
ต่อมาท่านได้วิทยุรายงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด และท่านได้รับวิทยุตอบเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ ดังนี้
พ.ต.หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย ทหารญวนได้มาถึงกรุงเทพ ฯ เรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีและชมเชยที่ท่าน และข้าราชการในจังหวัดนี้ ตลอดจนประชาชน ได้แสดงความรักชาติอย่างสูงสุด และปฏิบัติราชการได้ผลดียิ่ง เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตัวท่าน ที่ได้เป็นผู้อำนวยการในเรื่องอันเกี่ยวแก่ทหารญวนนี้ ตั้งแต่ต้นมาโดยเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อการเหน็ดเหนื่อยประการใด หวังมอบตนให้เป็นชาติพลีแต่อย่างเดียว ขอจงมีความสวัสดีมีชัยตลอดไปทั่วกัน
เรื่องของ พ.ต.หลวงยุทธสารประสิทธิ์ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้..
#########