ตอนก่อนหน้า
บทที่ 1 บ่วงราคะ
http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี
http://ppantip.com/topic/30111106
บทที่ 3 อุบาย?
http://ppantip.com/topic/30133842
บทที่ 4 มันมากันแล้ว อสูรร้าย
ลำแสงประหนึ่งดาวหางพุ่งทะยานจากยอดหอคนคู่ประเทศอิตาลิโน่ข้ามแผ่นดินมายังฝั่งตะวันออกขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีพักหลายที่ เช่น สุเหร่าฟ้าครามประเทศตูรกิ วิหารแห่งความเงียบงันประเทศอิหะรา จนถึงสุสานรักสามพันปีแห่งอินดิยะนคร เมื่อถึงจุดพักแต่ละที่เสกสมุทรก็อดที่จะบรรยายอวดภูมิความรู้ถึงสถานที่ต่าง ๆ ให้แสงดาวฟังไม่ได้ แต่เด็กสาวไม่ได้สนใจนัก
"เรย์โซล เหนื่อยไหมเนี่ย" เด็กสาวลูบศีรษะเสือดาวทอง ก่อนหันมองเพื่อนชาย "เธอว่าเราจะรอเมฆหน่อยไหม"
"โหย ขืนรอก็อีกเป็นชั่วโมงแน่ ๆ นี่เราอยู่อินดิยะนครแล้วนะ อีกแค่อึดใจก็ถึงสยามไกรแล้ว พักแค่ให้เจตภูตหายเหนื่อยก็ไปต่อกันเถอะ..." เสกสมุทรเสียงจริงจัง "ว่าแต่เธอรู้ไหมว่านี่น่ะคือที่ไหน" เด็กหนุ่มหันหลังไปชี้ให้เพื่อนสาวมองยังสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่คล้ายวัง ที่มีเสาเรียงราย ยอดเสาและตัวปราสาทมีปลายคล้ายดอกบัวใหญ่ หรือมองไปก็คลายหัวหอมสีขาวหินอ่อนเปล่งประกาย
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ นี่คือทัชมาฮาล"
"ใช่ แต่ก็ที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่จากที่พังทลายเละไปเมื่อสงครามต่างดาวปี 3000 แล้วรู้ที่มาของทัชมาฮาลนี้ไหม"
"ก็พอรู้ มันคืออนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่ความตายมิอาจลดทอนอำนาจความผูกพันธ์ของคนสองคนลงไปได้"
"อย่างฉันกับเธอไง" เด็กหนุ่มฉวยจับมือเด็กสาว
"หยุด" แสงดาวสะบัด
"ไม่ก็... อย่างเมฆกับก๊องไง" รอยยิ้มจากปากอิ่มงามเย้ย "เขาทั้งคู่ต่างตามหากันและกันมานาน..ใช่ไหมล่ะ"
"นายกำลังเล่นเกมอะไรกันแน่..." ตากลมโตสีฟ้าของแสงดาวเบิกและจ้องเขม็ง "นายจะทำอะไร ต้องการอะไร? นายบอกก๊องว่าเขาเป็นแฟนฉัน แต่นายก็พยายามให้เมฆกับก๊องรักกัน นายต้องการแกล้งฉันนี่!"
"เปล๊า.." ร่างหนาสง่ายืดตัวแล้วบิดเอวไปมา
"เวลาวิกฤตแบบนี้นายยังบ้าได้อีก เดี๋ยวเอาดาบแสงผ่าหัวซะที เผื่อจะดีขึ้น" หล่อนพูดทีเล่นทีจริง แต่อีกฝ่ายขำ
"ฮะ ๆ งั้นไปกันต่อเถอะ เรียกอาภรณ์ออกมาเลยแล้วกัน ป้ายต่อไป ข้ามอันดามันก็จะถึงสยามไกรแล้ว" เสกสมุทรเปลี่ยนเรื่อง "อาจารย์กับยัยน้ำจอมวายร้ายจะเป็นไงก็ไม่รู้"
"อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอจะทำร้ายจิตใจของก๊อง" แสงดาวขู่เบา ๆ ด้วยเสียงโหด ก่อนขึ้นขี่เรย์โซล เสกสมุทรกระโดดตาม เขาแกล้งกอดแสงดาวให้กระชับแน่น
"ไปโลด.."
แสงสีทองพุ่งทะยานต่อไปจนแทบมองไม่ทันว่าคือวัตถุอะไร ทว่าเมื่อถึงกลางทะเลใหญ่ก็ต้องสะดุดและหมุนเคว้งเพราะหยุดกระทันหัน เสือดาวทองเคลื่อนไหวสะเปะสะปะราวตาบอดเมื่อตกอยู่ท่ามกลางมวลหมอกหนาแน่นประหนึ่งกำแพง ดูท่าไม่ดีเหมือนกำลังจะร่วงหล่น แสงดาวที่มีสติตลอดเวลาเอ่ยร้องขอให้เสกสมุทรช่วย
"หมุด เรียกมังกรของเธอออกมาช่วยเร็ว"
"รู้แล้วน่า!" หนุ่มหล่อรู้หน้าที่ทันท่วงทีเช่นกัน เขาเรียกเจตภูตของเตียเล้งออกมา
"ดีมาก เทียร์ลี่ของป๋า" เสกสมุทรก้มมองมังกรจีนสีเขียวร่างยักษ์ที่ลอยเบื้องล่าง ทั้งคู่พร้อมกันปล่อยตัวลงขี่เมื่อเรย์โซลสลายกลับเข้าสู่ดวงจิตที่เป็นสร้อยคล้องคอของแสงดาว พญามังกรรับสองคนแล้วค่อย ๆ ร่อนลดระดับลงมา
"เกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย หมอกหนาขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน" เด็กสาวขมวดคิ้วสงสัยเพราะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แม้หันกลับมามองหน้าเพื่อนชายก็หนาแน่นไปด้วยละอองหยาดน้ำจนเบลอไปหมด "หมุด ฉันหายใจไม่ค่อยออกเลย"
"งั้นกลับฝั่งก่อนดีกว่า เราเพิ่งออกมาได้ไม่ไกล" เสกสมุทรเอ่ยพร้อมให้เทียร์ลี่พากลับฝั่งอินดิยะนคร
....
!! DOZEN สิบสองภูตศักดิ์สิทธิ์ ภาค 8 กลีกาล บทที่ 4 มันมากันแล้ว อสูรร้าย
บทที่ 1 บ่วงราคะ http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี http://ppantip.com/topic/30111106
บทที่ 3 อุบาย? http://ppantip.com/topic/30133842
บทที่ 4 มันมากันแล้ว อสูรร้าย
ลำแสงประหนึ่งดาวหางพุ่งทะยานจากยอดหอคนคู่ประเทศอิตาลิโน่ข้ามแผ่นดินมายังฝั่งตะวันออกขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีพักหลายที่ เช่น สุเหร่าฟ้าครามประเทศตูรกิ วิหารแห่งความเงียบงันประเทศอิหะรา จนถึงสุสานรักสามพันปีแห่งอินดิยะนคร เมื่อถึงจุดพักแต่ละที่เสกสมุทรก็อดที่จะบรรยายอวดภูมิความรู้ถึงสถานที่ต่าง ๆ ให้แสงดาวฟังไม่ได้ แต่เด็กสาวไม่ได้สนใจนัก
"เรย์โซล เหนื่อยไหมเนี่ย" เด็กสาวลูบศีรษะเสือดาวทอง ก่อนหันมองเพื่อนชาย "เธอว่าเราจะรอเมฆหน่อยไหม"
"โหย ขืนรอก็อีกเป็นชั่วโมงแน่ ๆ นี่เราอยู่อินดิยะนครแล้วนะ อีกแค่อึดใจก็ถึงสยามไกรแล้ว พักแค่ให้เจตภูตหายเหนื่อยก็ไปต่อกันเถอะ..." เสกสมุทรเสียงจริงจัง "ว่าแต่เธอรู้ไหมว่านี่น่ะคือที่ไหน" เด็กหนุ่มหันหลังไปชี้ให้เพื่อนสาวมองยังสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่คล้ายวัง ที่มีเสาเรียงราย ยอดเสาและตัวปราสาทมีปลายคล้ายดอกบัวใหญ่ หรือมองไปก็คลายหัวหอมสีขาวหินอ่อนเปล่งประกาย
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ นี่คือทัชมาฮาล"
"ใช่ แต่ก็ที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่จากที่พังทลายเละไปเมื่อสงครามต่างดาวปี 3000 แล้วรู้ที่มาของทัชมาฮาลนี้ไหม"
"ก็พอรู้ มันคืออนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่ความตายมิอาจลดทอนอำนาจความผูกพันธ์ของคนสองคนลงไปได้"
"อย่างฉันกับเธอไง" เด็กหนุ่มฉวยจับมือเด็กสาว
"หยุด" แสงดาวสะบัด
"ไม่ก็... อย่างเมฆกับก๊องไง" รอยยิ้มจากปากอิ่มงามเย้ย "เขาทั้งคู่ต่างตามหากันและกันมานาน..ใช่ไหมล่ะ"
"นายกำลังเล่นเกมอะไรกันแน่..." ตากลมโตสีฟ้าของแสงดาวเบิกและจ้องเขม็ง "นายจะทำอะไร ต้องการอะไร? นายบอกก๊องว่าเขาเป็นแฟนฉัน แต่นายก็พยายามให้เมฆกับก๊องรักกัน นายต้องการแกล้งฉันนี่!"
"เปล๊า.." ร่างหนาสง่ายืดตัวแล้วบิดเอวไปมา
"เวลาวิกฤตแบบนี้นายยังบ้าได้อีก เดี๋ยวเอาดาบแสงผ่าหัวซะที เผื่อจะดีขึ้น" หล่อนพูดทีเล่นทีจริง แต่อีกฝ่ายขำ
"ฮะ ๆ งั้นไปกันต่อเถอะ เรียกอาภรณ์ออกมาเลยแล้วกัน ป้ายต่อไป ข้ามอันดามันก็จะถึงสยามไกรแล้ว" เสกสมุทรเปลี่ยนเรื่อง "อาจารย์กับยัยน้ำจอมวายร้ายจะเป็นไงก็ไม่รู้"
"อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอจะทำร้ายจิตใจของก๊อง" แสงดาวขู่เบา ๆ ด้วยเสียงโหด ก่อนขึ้นขี่เรย์โซล เสกสมุทรกระโดดตาม เขาแกล้งกอดแสงดาวให้กระชับแน่น
"ไปโลด.."
แสงสีทองพุ่งทะยานต่อไปจนแทบมองไม่ทันว่าคือวัตถุอะไร ทว่าเมื่อถึงกลางทะเลใหญ่ก็ต้องสะดุดและหมุนเคว้งเพราะหยุดกระทันหัน เสือดาวทองเคลื่อนไหวสะเปะสะปะราวตาบอดเมื่อตกอยู่ท่ามกลางมวลหมอกหนาแน่นประหนึ่งกำแพง ดูท่าไม่ดีเหมือนกำลังจะร่วงหล่น แสงดาวที่มีสติตลอดเวลาเอ่ยร้องขอให้เสกสมุทรช่วย
"หมุด เรียกมังกรของเธอออกมาช่วยเร็ว"
"รู้แล้วน่า!" หนุ่มหล่อรู้หน้าที่ทันท่วงทีเช่นกัน เขาเรียกเจตภูตของเตียเล้งออกมา
"ดีมาก เทียร์ลี่ของป๋า" เสกสมุทรก้มมองมังกรจีนสีเขียวร่างยักษ์ที่ลอยเบื้องล่าง ทั้งคู่พร้อมกันปล่อยตัวลงขี่เมื่อเรย์โซลสลายกลับเข้าสู่ดวงจิตที่เป็นสร้อยคล้องคอของแสงดาว พญามังกรรับสองคนแล้วค่อย ๆ ร่อนลดระดับลงมา
"เกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย หมอกหนาขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน" เด็กสาวขมวดคิ้วสงสัยเพราะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แม้หันกลับมามองหน้าเพื่อนชายก็หนาแน่นไปด้วยละอองหยาดน้ำจนเบลอไปหมด "หมุด ฉันหายใจไม่ค่อยออกเลย"
"งั้นกลับฝั่งก่อนดีกว่า เราเพิ่งออกมาได้ไม่ไกล" เสกสมุทรเอ่ยพร้อมให้เทียร์ลี่พากลับฝั่งอินดิยะนคร
....