ในฝั่งฝัน (บทที่ 17)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ ริมแม่โขง, น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ อุรุเวลา, คุณ PuPaKae, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องนุ้ย ณวลี, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ  มานีโอลา
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
บทแรก - บทที่ 1  http://ppantip.com/topic/35638204
บทที่ 2 - บทที่ 3  http://ppantip.com/topic/35648626
บทที่ 4  http://ppantip.com/topic/35655325
บทที่ 5  http://ppantip.com/topic/35665748
บทที่ 6  http://ppantip.com/topic/35669708
บทที่ 7  http://ppantip.com/topic/35673616
บทที่ 8  http://ppantip.com/topic/35680516
บทที่ 9  http://ppantip.com/topic/35683775
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/35688063
บทที่ 11  http://ppantip.com/topic/35695077
บทที่ 12  http://ppantip.com/topic/35729742
บทที่ 13  http://ppantip.com/topic/35740950
บทที่ 14  http://ppantip.com/topic/35748347
บทที่ 15  http://ppantip.com/topic/35759445



บทที่ 17



    กริชแน่ใจว่าเป็นระเบิดกระป๋อง จำเสียงของมันได้ดี ระเบิดกระป๋องทำง่าย แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลยก็ว่าได้ ดีหน่อยที่ไม่มีผลในทางทำลายรุนแรงสักเท่าไรนัก นอกเสียจากจะมาระเบิดอยู่ใกล้มากก็อาจถึงตายได้ สมัยสงครามระเบิดกระป๋องแพร่หลายเพราะใครๆ ก็ทำเองได้ และระเบิดประเภทนั้นยังตกค้างมาจนทุกวันนี้

    “มีใครเป็นอะไรไหม” เขาร้องถามขณะส่งคนร้ายซึ่งจับมัดสองมือไพล่หลังเรียบร้อยแล้วให้นายดาบคู่ใจ

    “ไม่มีใครเจ็บครับ แต่ท่าน...”

    ฝ่ายนั้นลดสายตาลงดูแขนล่ำสันที่เห็นอยู่รางๆ แม้แสงสว่างจะมีเพียงน้อยนิด หากก็พอเห็นรอยอะไรบางอย่างเป็นวงคล้ำบนเสื้อเครื่องแบบแขนยาวสีกากีได้ไม่ยาก

    “ไม่เป็นไรหรอกดาบเรือง แค่สะเก็ดระเบิด” ประโยคถัดมาสั่งตำรวจชั้นผู้น้อยซึ่งตามติดมาด้วย “จ่าแสงกับพลแช่มช่วยเอาตัวสองคนนี่ไปโรงพักก่อนก็แล้วกัน แล้วผมจะตามไปทีหลัง สอบสวนกันเสียคืนนี้เลย”

    คล้อยหลังจ่าวัยกลางคนและพลตำรวจหนุ่ม กริชฉีกแขนเสื้อที่รู้ว่ามีรอยขาดและคงซ่อมได้ยากมาใช้เป็นผ้าพันแผลชั่วคราว ใช้ปากดึงชายผ้าด้านหนึ่งเมื่อต้องผูกเงื่อนปม

    “ดาบว่าอย่างไร ผมว่าเป็นกับดักหรือล่อให้เราหลงทางมากกว่า ที่แน่ๆ คงไม่ใช่แค่นี้ เสือเมฆคงทำอะไรที่ไหนสักแห่งในคืนนี้ถึงได้หลอกให้เราหลงมาเฝ้าอยู่ที่นี่ อาจไม่ใช่การปล้น”

    “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นแหละครับ”

    “แต่จะเป็นที่ไหนกันล่ะนี่ ผมว่าเราลองไปดูที่ห้องแถวข้างสถานีรถไฟกับตลาดก่อนดีไหม ถ้าไม่มีอะไรที่นั่นก็กลับ”

    สายตานายดาบวัยกลางคนยังไม่ละจากแขนซ้ายของคนหนุ่มกว่า จุดดำคล้ำปรากฏขึ้นอีกบนแถบผ้าซึ่งพันไว้ชั่วคราวเพื่อห้ามเลือด และจุดนั้นดูเหมือนจะขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วเช่นกัน ประสบการณ์ช่วยให้รู้ว่าผู้บังคับบัญชาของตนเจ็บมากกว่าที่แสดงออกให้เห็น

    “ผมว่าท่านไปทำแผลที่อนามัยก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ ผมไปตระเวนดูแถวนั้นคนเดียวได้”

    นายอำเภอหนุ่มค้านเสียงแข็งขณะเดินนำไปทางรถจักรยานซึ่งแอบไว้ในซอกข้างเรือนแถวฝั่งตรงข้าม รถจิ๊ปที่มีอยู่เพียงคันเดียวเขายกให้จ่าแสงใช้เป็นพาหนะนำตัวคนร้ายไปขังไว้ชั่วคราวที่โรงพักก่อนแล้ว

    “ไม่ได้หรอกดาบเรือง ไปคนเดียวเสี่ยงเกินไป ผมไม่เป็นไรมาก เราไปด้วยกัน”

    เมื่อผู้เป็นใหญ่ในอำเภอสรุปเช่นนั้น ผู้เป็นลูกน้องจะค้านอีกได้อย่างไร ทำงานด้วยกันมานานจนรู้นิสัยว่านายอำเภอผู้นี้ไม่เคยเกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ คราวที่ปิดบ่อนใหญ่เมื่อปีก่อนก็ไม่ต่างอะไรกัน ครั้งนั้นชายหนุ่มถูกนักเลงคุมบ่อนกระหน่ำยิง หากก็ไม่ยอมถอยออกมาเพราะไม่ต้องการปล่อยให้ตำรวจชั้นผู้น้อยซึ่งติดตามไปด้วยต้องเสียขวัญ หลังกวาดต้อนนักการพนันและคนคุมบ่อนมาถึงโรงพักได้เพียงไม่นาน ปลัดกริชในเวลานั้นก็ล้มทั้งยืน กระสุนสองนัดทะลุไหล่ขวาไปออกอีกด้านนัดหนึ่ง อีกนัดเฉียดหัวใจไปเพียงแค่คืบ ตลอดเวลาที่ทำงานไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเจ็บขนาดนั้น

และนับแต่นั้นมานายดาบเรืองก็จงรักภักดีหัวหน้าซึ่งอ่อนวัยคราวลูกคราวหลานมาโดยตลอด ทั้งภักดีและทั้งนับถือในน้ำใจ ชายหนุ่มทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานเพียงไรใครๆ ก็รู้

‘คนไม่มีลูกเมียก็อย่างนี้แหละ’ นายอำเภอคนก่อนเคยปรารภว่าอย่างนั้น ‘ไม่มีใครให้ห่วงก็เลยทำแต่งานกับห่วงลูกน้องแทน’

หากบางครั้งนายดาบสูงวัยก็ยังต้องออกปากเตือนเมื่อเห็นว่านายอำเภอคนนี้กล้าจนเกินขอบเขต เข้าใจดีว่าเหตุที่ยังหนุ่มแน่น นายอำเภอกริชจึงมองว่าความตายนั้นอยู่ไกลตัว
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย นิยายออนไลน์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่