บทที่ 1 บ่วงราคะ
http://ppantip.com/topic/30088597
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี
http://ppantip.com/topic/30111106
บทที่ 3 อุบาย?
"ครับ..." เมฆลิ่วพยักหน้า เขาหันกลับมองรุ่นพี่ ดวงตาทั้งสองประสานกัน ก่อนจะบันดาลปีกให้หุบลงเหลือเป็นเพียงคู่ขนนกที่ร้อยในสร้อยคอเส้นยาว ไฟกัลป์มองลงมาที่ขนนกสีขาวมีปลายแดงแล้วก็นิ่งงัน
"หึ ๆ" เสกสมุทรยิ้มกริ่ม ลอบมองหน้าเด็กสาวที่หวั่นวิตก
"นะ.. นั่งก่อนสิเมฆ" เด็กสาวรีบเลื่อนเก้าอี้ "หมุด ไปตักข้าวเด่ะ" หล่อนทำเสียงห้าว ๆ ฟังแปร่ง ๆ
"โอ..." บุตรทูตยิ้มขอบคุณ "ผมหิวสุด ๆ เลย"
"กินเลย ดูสิ ตาเธอคล้ำ ผมเผ้าเสียทรงเชียว ...เอ่อ นี่บินมาจากสยามไกรเลยเหรอ??!" แสงดาวทำหน้าตกใจ
"ครับ" เมฆลิ่วพยักหน้าตอบ ก่อนมองบัตรแสงสีขาว "โอว..หกชั่วโมงพอดีเป๊ะ"
"โห..บินมา บินเร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ??" เด็กสาวทำตาโต
"ด้วยอำนาจเจตภูตแห่งพญาครุฑ" เมฆลิ่วยิ้มภูมิใจ "นี่แค่เจตภูตนะ ถ้าเป็นครุฑจริง ๆ คงเร็วกว่าสองเท่า"
"ข้าวร้อน ๆ มาแล้ว" เสกสมุทรรีบเข้ามาอย่างว่องไว เพื่อจะสานต่อเรื่องเดิม "ตะกี้เรากำลังคุยกันอยู่เลยว่า.."
"เรื่องเล็ก ไร้สาระ" แสงดาวดุ "เมฆมาที่นี่ต้องมีเรื่องด่วนแน่ ๆ เลยใช่ไหม?"
"ด่วนอะไร๊ ด่วนจริงก็ต้องให้อาจารย์เหนือกาลเปิดประตูมิติอากาศให้สิ คิดถึงใครรึเปล่า??" เสกสมุทรรุก
"ด่วนครับ แต่ผมไม่อยากรบกวนอาจารย์ เกรงท่านจะมีอันตรายถ้าท่านทราบเรื่องนี้"
"หา?!" พอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทั้งเสกสมุทรและแสงดาวก็ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปชั่วขณะ "เกิดอะไรขึ้น?"
"คุณจอมภพ.. คุณจอมภพที่นายพามา ไม่ใช่คุณจอมภพ" เมฆลิ่วหันไปเอ่ยกับสหายด้วยสีหน้าจริงจังที่สุด "น่าจะเป็นพวกอสูรด้วยซ้ำ"
"เห้ย...ไม่!" เสกสมุทรผุดลุกขึ้นยืนหน้าเสียซีด "เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเรื่องแบบนี้!"
"ยังไงกันแน่ เล่าต่อสิ" แสงดาวซักหล่อนกังวลมาก
"ก็คือ..." เมฆลิ่วเล่าทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟัง ไฟกัลป์จึงบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ ยุคที่เขาเคยตกลงไปคือเผ่ากิ้งก่า สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้
....
"ต่อหน้าจอนั่นใหม่อีกที...ต่ออีกที...มันยังมีชีวิตอยู่ มันยังไม่ตาย...ย...ย...ย...ย...ย...ย..."
ถ้ำประชุมวังใต้พิภพสะเทือน เสียงเกรี้ยวกราดของรูอินที่ขณะนี้แทบคลั่งหลังจากมองเห็นภาพไฟกัลป์ ส่วนพาววาวที่นอนหมดเรี่ยวแรงนั้นยิ้มออกอย่างมีความหวังและความสุข เขาค่อย ๆ นั่งยันตัวขึ้นก่อนแสร้งล้มไปอีก
"ข้าไม่ไหวแล้ว..." พาววาวเสียงอ่อย
"หึ่ย...ย" รูอินกระโดดขึ้นมานั่งบนบัลลังก์วงแหวนอีกครั้งแล้วจัดการเอง มันใช้พลังจิตที่หวงแหนของมันเพ่งไปยังพิกัดใกล้เคียงจุดเดิม เพื่อแสวงหาจิ้งจกสื่อสารบริเวณห้องครัวที่ไฟกัลป์นั่งอยู่ เพียงครู่เดียวจิ้งจกสามตัวก็คลานไต่บนเพดาน หน้าต่าง และตู้อบเพื่อถ่ายทอดสดจากอิตาลิโน่มาอีกครั้ง
คราวนี้รูอินตัวสั่นสะท้านสะเทือน ดวงตาที่สามเบิกโพลง มันใช้จิตส่งขึ้นไปด้วย เพื่อรับฟังสิ่งที่กลุ่มไฟกัลป์กำลังสนทนา
....
"ครั้งที่ตกไปในอดีต...เหล่ากิ้งก่าพวกนั้น ปลอมตัวเป็นพ่อของฉัน" ไฟกัลป์เล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟัง
"อาจารย์เตชิตน่ะเหรอ?" เมฆลิ่วเลิกคิ้วเรียวขึ้นสูง "งั้นแสดงว่าจอมภพก็อาจเป็นกิ้งก่าปลอมตัวล่ะสิ"
"ก็เป็นได้" หนุ่มผมสีเพลิงเช่นเดียวกับดวงตาเอ่ยตอบ ในประกายสายตาของเขานั้นมีทั้งความหดหู่และเกลียดชังคั่งค้างจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
....
"ปวดใจ! ใช่มันจริง ๆ ด้วย หน้าตาหน้าเกลียดแบบนี้" รูอินกัดฟันกรอด "แค้น ๆ ๆ อยากจะฆ่า ๆ ๆ กรือ..อ.."
"เอียรอสอยู่นั่นไง.." ดิลุสซี่เอ่ย เมื่อเห็นภาพเมฆลิ่วจากหน้าจอนิลทัศน์ แล้วตั้งใจฟังเสียงสนทนาของอีกฝั่ง
"นั่น..พวกมันรู้ตัวกันแล้ว แม้ตอนนี้ยังเข้าใจผิดว่าดิสทรอยคือเผ่ากิ้งก่าปลอมตัวเป็นจอมภพ แต่ไม่นานหรอก...ที่มันจะรู้ความจริง เพราะครีเอเทอร์นั้นเคยเป็นผู้นำดาวกาลีดัง ..เขาฉลาดมาก" กึ่งทิพยมนุษย์กึ่งอสูรเอ่ยถึงแสงดาวด้วยแววตาชื่นชมเล็กน้อย
"หึ่ย... งั้นช้าไม่ได้ละ เกมนี้เราจะต้องรุกก่อน" รูอินกัดฟัน สีหน้าของกิ้งก่าเขียวซีดของมันเริ่มแดงม่วงและออกโรคจิตนิด ๆ ว่าแล้วมันก็ส่งกระแสจิตไปยังดิสทรอย เพื่อแชร์วิดีทัศน์จากจอแก้วสีนิลให้ได้รับชม
....
!! DOZEN สิบสองภูตศักดิ์สิทธิ์ ภาค 8 กลีกาล บทที่ 3 อุบาย? !!
บทที่ 2 ลีลาแห่งวารี http://ppantip.com/topic/30111106
บทที่ 3 อุบาย?
"ครับ..." เมฆลิ่วพยักหน้า เขาหันกลับมองรุ่นพี่ ดวงตาทั้งสองประสานกัน ก่อนจะบันดาลปีกให้หุบลงเหลือเป็นเพียงคู่ขนนกที่ร้อยในสร้อยคอเส้นยาว ไฟกัลป์มองลงมาที่ขนนกสีขาวมีปลายแดงแล้วก็นิ่งงัน
"หึ ๆ" เสกสมุทรยิ้มกริ่ม ลอบมองหน้าเด็กสาวที่หวั่นวิตก
"นะ.. นั่งก่อนสิเมฆ" เด็กสาวรีบเลื่อนเก้าอี้ "หมุด ไปตักข้าวเด่ะ" หล่อนทำเสียงห้าว ๆ ฟังแปร่ง ๆ
"โอ..." บุตรทูตยิ้มขอบคุณ "ผมหิวสุด ๆ เลย"
"กินเลย ดูสิ ตาเธอคล้ำ ผมเผ้าเสียทรงเชียว ...เอ่อ นี่บินมาจากสยามไกรเลยเหรอ??!" แสงดาวทำหน้าตกใจ
"ครับ" เมฆลิ่วพยักหน้าตอบ ก่อนมองบัตรแสงสีขาว "โอว..หกชั่วโมงพอดีเป๊ะ"
"โห..บินมา บินเร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ??" เด็กสาวทำตาโต
"ด้วยอำนาจเจตภูตแห่งพญาครุฑ" เมฆลิ่วยิ้มภูมิใจ "นี่แค่เจตภูตนะ ถ้าเป็นครุฑจริง ๆ คงเร็วกว่าสองเท่า"
"ข้าวร้อน ๆ มาแล้ว" เสกสมุทรรีบเข้ามาอย่างว่องไว เพื่อจะสานต่อเรื่องเดิม "ตะกี้เรากำลังคุยกันอยู่เลยว่า.."
"เรื่องเล็ก ไร้สาระ" แสงดาวดุ "เมฆมาที่นี่ต้องมีเรื่องด่วนแน่ ๆ เลยใช่ไหม?"
"ด่วนอะไร๊ ด่วนจริงก็ต้องให้อาจารย์เหนือกาลเปิดประตูมิติอากาศให้สิ คิดถึงใครรึเปล่า??" เสกสมุทรรุก
"ด่วนครับ แต่ผมไม่อยากรบกวนอาจารย์ เกรงท่านจะมีอันตรายถ้าท่านทราบเรื่องนี้"
"หา?!" พอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทั้งเสกสมุทรและแสงดาวก็ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปชั่วขณะ "เกิดอะไรขึ้น?"
"คุณจอมภพ.. คุณจอมภพที่นายพามา ไม่ใช่คุณจอมภพ" เมฆลิ่วหันไปเอ่ยกับสหายด้วยสีหน้าจริงจังที่สุด "น่าจะเป็นพวกอสูรด้วยซ้ำ"
"เห้ย...ไม่!" เสกสมุทรผุดลุกขึ้นยืนหน้าเสียซีด "เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเรื่องแบบนี้!"
"ยังไงกันแน่ เล่าต่อสิ" แสงดาวซักหล่อนกังวลมาก
"ก็คือ..." เมฆลิ่วเล่าทุกอย่างให้ทั้งคู่ฟัง ไฟกัลป์จึงบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ ยุคที่เขาเคยตกลงไปคือเผ่ากิ้งก่า สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้
....
"ต่อหน้าจอนั่นใหม่อีกที...ต่ออีกที...มันยังมีชีวิตอยู่ มันยังไม่ตาย...ย...ย...ย...ย...ย...ย..."
ถ้ำประชุมวังใต้พิภพสะเทือน เสียงเกรี้ยวกราดของรูอินที่ขณะนี้แทบคลั่งหลังจากมองเห็นภาพไฟกัลป์ ส่วนพาววาวที่นอนหมดเรี่ยวแรงนั้นยิ้มออกอย่างมีความหวังและความสุข เขาค่อย ๆ นั่งยันตัวขึ้นก่อนแสร้งล้มไปอีก
"ข้าไม่ไหวแล้ว..." พาววาวเสียงอ่อย
"หึ่ย...ย" รูอินกระโดดขึ้นมานั่งบนบัลลังก์วงแหวนอีกครั้งแล้วจัดการเอง มันใช้พลังจิตที่หวงแหนของมันเพ่งไปยังพิกัดใกล้เคียงจุดเดิม เพื่อแสวงหาจิ้งจกสื่อสารบริเวณห้องครัวที่ไฟกัลป์นั่งอยู่ เพียงครู่เดียวจิ้งจกสามตัวก็คลานไต่บนเพดาน หน้าต่าง และตู้อบเพื่อถ่ายทอดสดจากอิตาลิโน่มาอีกครั้ง
คราวนี้รูอินตัวสั่นสะท้านสะเทือน ดวงตาที่สามเบิกโพลง มันใช้จิตส่งขึ้นไปด้วย เพื่อรับฟังสิ่งที่กลุ่มไฟกัลป์กำลังสนทนา
....
"ครั้งที่ตกไปในอดีต...เหล่ากิ้งก่าพวกนั้น ปลอมตัวเป็นพ่อของฉัน" ไฟกัลป์เล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟัง
"อาจารย์เตชิตน่ะเหรอ?" เมฆลิ่วเลิกคิ้วเรียวขึ้นสูง "งั้นแสดงว่าจอมภพก็อาจเป็นกิ้งก่าปลอมตัวล่ะสิ"
"ก็เป็นได้" หนุ่มผมสีเพลิงเช่นเดียวกับดวงตาเอ่ยตอบ ในประกายสายตาของเขานั้นมีทั้งความหดหู่และเกลียดชังคั่งค้างจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
....
"ปวดใจ! ใช่มันจริง ๆ ด้วย หน้าตาหน้าเกลียดแบบนี้" รูอินกัดฟันกรอด "แค้น ๆ ๆ อยากจะฆ่า ๆ ๆ กรือ..อ.."
"เอียรอสอยู่นั่นไง.." ดิลุสซี่เอ่ย เมื่อเห็นภาพเมฆลิ่วจากหน้าจอนิลทัศน์ แล้วตั้งใจฟังเสียงสนทนาของอีกฝั่ง
"นั่น..พวกมันรู้ตัวกันแล้ว แม้ตอนนี้ยังเข้าใจผิดว่าดิสทรอยคือเผ่ากิ้งก่าปลอมตัวเป็นจอมภพ แต่ไม่นานหรอก...ที่มันจะรู้ความจริง เพราะครีเอเทอร์นั้นเคยเป็นผู้นำดาวกาลีดัง ..เขาฉลาดมาก" กึ่งทิพยมนุษย์กึ่งอสูรเอ่ยถึงแสงดาวด้วยแววตาชื่นชมเล็กน้อย
"หึ่ย... งั้นช้าไม่ได้ละ เกมนี้เราจะต้องรุกก่อน" รูอินกัดฟัน สีหน้าของกิ้งก่าเขียวซีดของมันเริ่มแดงม่วงและออกโรคจิตนิด ๆ ว่าแล้วมันก็ส่งกระแสจิตไปยังดิสทรอย เพื่อแชร์วิดีทัศน์จากจอแก้วสีนิลให้ได้รับชม
....