ในวันนี้เราจะมาพูดถึงยารักษาสิวแอคโนติน (Acnotin) กันนะคะ สมัยนี้เวลาหนุ่มๆสาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องสิวแล้วไปทำการรักษาตามคลินิค หรือสถารักษาดูแลผิวพรรณต่างๆ จะสังเกตได้ว่านอกจากคุณหมอจะจ่ายยาทาหรือแต้มสิวแล้ว ก็จะมียาสำหรับรับประทานมาให้ด้วยซึ่งก็คือยาแอคโนตินนั้นเอง ซึ่งบางคนก็ได้ชนิด 10 มิลลิกรัม หรือบางคนก็ได้รับชนิด 20 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับแพทย์สั่ง ซึ่งยานี้ถือว่าเป็นยาอันตรายเหมือนกัน ซึ่ง อย. ได้ออกกฎมาไว้สำหรับยาตัวนี้ว่าเป็นยาอันตรายต้องแพทย์สั่งเท่านั้นถึงจะนำมารับประทานได้ บทความนี้เราจะมาพูดกันถึงยาแอคโนตินตัวนี้กันนะคะว่าเป็นอย่างไร
Acnotin ใช้รักษาสิวที่เป็นมากและรุนแรง สำหรับคนที่ดื้อยาปฏิชีวนะตัวอื่น และร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นแล้ว ซึ่งผลข้างเคียงของยาตัวนี้ถือว่ามีค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ในคนส่วนใหญ่ที่เพิ่งเริ่มใช้ยาตัวนี้ในช่วงแรกจะเกิดการเห่อของสิว ปากแตก ปากแห้ง ตาแห้ง จมูกแห้ง(ทำให้เกิดเลือดกำเดา) ผิวหนังแห้ง ผมร่วง ปวดศีรษะ ผิวหนังไวต่อแสงแดด บางรายที่ได้รับยานี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า กลายเป็นคนหัวรุนแรง ก้าวร้าว หรือเกิดความผิดปกติทางจิตขึ้นมาระหว่างการรับประทานยา หรือหลังการหยุดยาไม่นาน บางรายเป็นมากถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายก้อมีค่ะ
อย่างไรก้อดีการรับประทานยาเพื่อรักษาสิวนั้น ไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในความควบคุมและดูแลของแพทย์
จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเองค่ะ เพราะแพทย์จะดูแลปริมาณของยาที่รับประทานให้เหมาะกับปัญหาและแพทย์จะต้องติดตามอาการเพื่อดูการผลการตอบสนองต่อยาอย่างต่อเนื่องค่ะ
หากไม่เคยทานยายาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวมาก่อนไม่แนะนำให้ทานยานี้เด็ดขาดค่ะ
การกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวนั้นต้องคำนึงถึงปริมาณยากับความเหมาะสมในแต่ล่ะคนหากได้รับยาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เชื้อดื้อยา และรักษาไม่หายค่ะ
** สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด **
- ห้ามกิน ขณะมีครรภ์ โดยเฉพาะ ช่วงท้องได้ 3 อาทิตย์ เด็กจะพิการ
- คุมกำเนิดก่อนกินยา 1 เดือน หลังหยุดยา ให้คุมกำเนิดต่ออีก 1 เดือน
- ทดสอบการตั้งครรภ์ว่า ให้ผลลบ ก่อนกินยา 2 อาทิตย์
- สำหรับผู้ชายที่กินยาตัวนี้ แล้วมีลูก จะไม่มีผลอะไรกับลูก
- ยาผ่านทางน้ำนมได้ จึงไม่ควรกินในรายที่ให้นมลูก
ผลข้างเคียงของยา ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ จะสัมพันธ์กับขนาดยาที่ให้
- ปากแห้ง พบเกือบทุกราย
- เยื่อบุตามช่องทวารต่างๆ แห้ง
- ผิวแห้ง ตาแห้ง ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ จมูกแห้งจนเลือดกำเดาออก เยื่อเมือกหลอดคอแห้ง ทำให้เสียงแหบ และมีอาการคัน ? 50%
- ผมร่วง ผมน้อยลง สิวเห่อ ขนดก
- ผิวหน้าร้อนแดง ผิวหนังอักเสบ ผิวคล้ำขึ้นและไวต่อแสง มีตุ่มคัน ตุ่มหนอง เนื้อรอบเล็บเป็นหนอง เล็บผิดรูปร่าง เพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดตุ่ม
- ปวดกล้าม ปวดข้อ การสร้างกระดูกมากขึ้น เอ็นอักเสบ มีการจับของแคลเซี่ยมที่เส้นเอ็น มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของกระดูก
- พฤติกรรมผิดปกติ เครียด มีอาการทางจิตเวช พยายามฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายในผู้ป่วยบางราย ปวดศีรษะ ความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น ชัก ผู้ป่วยจิตเวชควรปรึกษาจิตแพทย์ก่อนรับประทานยา
- เห็นภาพเปลี่ยนไป กลัวแสง ลดการมองเห็นตอนกลางคืน ต้อกระจก กระจกตาอักเสบ การฟังบกพร่องในบางช่วงคลื่น
- คลื่นไส้ ลำไส้อักเสบ มีเลือดออก ตับอ่อนอักเสบ ในรายไตรกลีเซอไรด์สูง ถ้ารุนแรงอาจเป็นอันตรายกับชีวิตได้ ตับอักเสบในบางราย
- หลอดลมหดเกร็ง ในรายที่เป็นโรคหอบมาก่อน
- มีการติดเชื้อกรัมบวก
- เลือดมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวลดลง เกร็ดเลือดเพิ่มขึ้น อัตราการตกตะกอนของเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันในเลือดสูงขึ้น แต่ไขมันตัวที่ดีกับร่างกายลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น มีเลือดและมีโปรตีนมากผิดปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ควรใช้ยาทาลอกผิว หรือลอกสิวร่วมด้วย ใช้ยาทาสิวชนิดอ่อนร่วมด้วยได้
- ไม่ควรให้ร่วมกับยาวิตามินเอ และ ยาเตตร้าไซคลิน
** ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร โรคตับ โรคไต ได้วิตามินเอมากเกิน ไขมันในเลือดสูงและแพ้ยาตัวนี้ ใช้อย่างระมัดระวังในคนไข้เบาหวาน อ้วน พิษสุราเรื้อรัง และภาวะไขมันเผาผลาญผิดปกติ
ขอบคุณบทความดีๆจาก
http://beautyhealth.bonlineshop.com/ << ติดตามเพิ่มเติมได้นะคะ like ให้กำลังใจด้วยนะคะ
ยารักษาสิวแอคโนติน
Acnotin ใช้รักษาสิวที่เป็นมากและรุนแรง สำหรับคนที่ดื้อยาปฏิชีวนะตัวอื่น และร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นแล้ว ซึ่งผลข้างเคียงของยาตัวนี้ถือว่ามีค่อนข้างมากเลยทีเดียวค่ะ ในคนส่วนใหญ่ที่เพิ่งเริ่มใช้ยาตัวนี้ในช่วงแรกจะเกิดการเห่อของสิว ปากแตก ปากแห้ง ตาแห้ง จมูกแห้ง(ทำให้เกิดเลือดกำเดา) ผิวหนังแห้ง ผมร่วง ปวดศีรษะ ผิวหนังไวต่อแสงแดด บางรายที่ได้รับยานี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า กลายเป็นคนหัวรุนแรง ก้าวร้าว หรือเกิดความผิดปกติทางจิตขึ้นมาระหว่างการรับประทานยา หรือหลังการหยุดยาไม่นาน บางรายเป็นมากถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายก้อมีค่ะ
อย่างไรก้อดีการรับประทานยาเพื่อรักษาสิวนั้น ไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในความควบคุมและดูแลของแพทย์
จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเองค่ะ เพราะแพทย์จะดูแลปริมาณของยาที่รับประทานให้เหมาะกับปัญหาและแพทย์จะต้องติดตามอาการเพื่อดูการผลการตอบสนองต่อยาอย่างต่อเนื่องค่ะ
หากไม่เคยทานยายาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวมาก่อนไม่แนะนำให้ทานยานี้เด็ดขาดค่ะ
การกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวนั้นต้องคำนึงถึงปริมาณยากับความเหมาะสมในแต่ล่ะคนหากได้รับยาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เชื้อดื้อยา และรักษาไม่หายค่ะ
** สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุด **
- ห้ามกิน ขณะมีครรภ์ โดยเฉพาะ ช่วงท้องได้ 3 อาทิตย์ เด็กจะพิการ
- คุมกำเนิดก่อนกินยา 1 เดือน หลังหยุดยา ให้คุมกำเนิดต่ออีก 1 เดือน
- ทดสอบการตั้งครรภ์ว่า ให้ผลลบ ก่อนกินยา 2 อาทิตย์
- สำหรับผู้ชายที่กินยาตัวนี้ แล้วมีลูก จะไม่มีผลอะไรกับลูก
- ยาผ่านทางน้ำนมได้ จึงไม่ควรกินในรายที่ให้นมลูก
ผลข้างเคียงของยา ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ จะสัมพันธ์กับขนาดยาที่ให้
- ปากแห้ง พบเกือบทุกราย
- เยื่อบุตามช่องทวารต่างๆ แห้ง
- ผิวแห้ง ตาแห้ง ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ จมูกแห้งจนเลือดกำเดาออก เยื่อเมือกหลอดคอแห้ง ทำให้เสียงแหบ และมีอาการคัน ? 50%
- ผมร่วง ผมน้อยลง สิวเห่อ ขนดก
- ผิวหน้าร้อนแดง ผิวหนังอักเสบ ผิวคล้ำขึ้นและไวต่อแสง มีตุ่มคัน ตุ่มหนอง เนื้อรอบเล็บเป็นหนอง เล็บผิดรูปร่าง เพิ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดตุ่ม
- ปวดกล้าม ปวดข้อ การสร้างกระดูกมากขึ้น เอ็นอักเสบ มีการจับของแคลเซี่ยมที่เส้นเอ็น มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆของกระดูก
- พฤติกรรมผิดปกติ เครียด มีอาการทางจิตเวช พยายามฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายในผู้ป่วยบางราย ปวดศีรษะ ความดันในกระโหลกศีรษะสูงขึ้น ชัก ผู้ป่วยจิตเวชควรปรึกษาจิตแพทย์ก่อนรับประทานยา
- เห็นภาพเปลี่ยนไป กลัวแสง ลดการมองเห็นตอนกลางคืน ต้อกระจก กระจกตาอักเสบ การฟังบกพร่องในบางช่วงคลื่น
- คลื่นไส้ ลำไส้อักเสบ มีเลือดออก ตับอ่อนอักเสบ ในรายไตรกลีเซอไรด์สูง ถ้ารุนแรงอาจเป็นอันตรายกับชีวิตได้ ตับอักเสบในบางราย
- หลอดลมหดเกร็ง ในรายที่เป็นโรคหอบมาก่อน
- มีการติดเชื้อกรัมบวก
- เลือดมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวลดลง เกร็ดเลือดเพิ่มขึ้น อัตราการตกตะกอนของเลือดเพิ่มขึ้น ไขมันในเลือดสูงขึ้น แต่ไขมันตัวที่ดีกับร่างกายลดลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น มีเลือดและมีโปรตีนมากผิดปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ควรใช้ยาทาลอกผิว หรือลอกสิวร่วมด้วย ใช้ยาทาสิวชนิดอ่อนร่วมด้วยได้
- ไม่ควรให้ร่วมกับยาวิตามินเอ และ ยาเตตร้าไซคลิน
** ไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร โรคตับ โรคไต ได้วิตามินเอมากเกิน ไขมันในเลือดสูงและแพ้ยาตัวนี้ ใช้อย่างระมัดระวังในคนไข้เบาหวาน อ้วน พิษสุราเรื้อรัง และภาวะไขมันเผาผลาญผิดปกติ
ขอบคุณบทความดีๆจาก http://beautyhealth.bonlineshop.com/ << ติดตามเพิ่มเติมได้นะคะ like ให้กำลังใจด้วยนะคะ