บู๊สง...ผู้ไม่รู้จักความกลัว (๒)

กระทู้สนทนา
ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

บู๊สง.....ผู้ไม่รู้จักความกลัว

ตอนที่ ๒ ขบวนการศาลเตี้ย

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อบู๊สงไปหาพี่ชายที่บ้านด้วยความคิดถึง กลับพบแต่ป้ายชื่อสำหรับเซ่นไหว้เท่านั้น เพราะบู๊ตัวหนึงพี่ชายได้ตายไป โดยไม่ได้เห็นใจเสียแล้ว บู๊สงก็เสียใจยิ่งนักร้องไห้อื้ออึงไป เมื่อได้สติก็ร้องตะโกนเรียกนางพัวกิมเหลียนพี่สะใภ้ บอกว่าบู๊สงน้องชายกลับมาแล้ว ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ครู่หนึ่ง นางพัวกิมเหลียนก็แต่งตัวนุ่งขาวห่มขาว เดินร้องไห้ออกมาจากห้องนอน บู๊สงถามว่าพี่ชายเจ็บป่วยเป็นอะไรตาย ใครเป็นคนรักษาพยาบาล

นางพัวกิมเหลียนเล่าว่า หลังจากบู๊สงเดินทางไปเมืองหลวงได้เดือนกว่า บู๊ตัวหนึงก็เกิดเจ็บในอก หาหมอมารักษาก็ไม่คลาย อาการกลับทรุดหนักลง อยู่มาอีกสี่ห้าวันก็ถึงแก่ความตาย ได้อาศัย นางเห็งโผ เพื่อนบ้านช่วยจัดการศพ บู๊สงว่าพี่ชายไม่เคยมีโรคอะไรมาแต่เดิม พอเป็นกระทันหันก็ตายอย่างรวดเร็วน่าสงสัยนัก เก็บศพไว้กี่วันและเอาไปฝังที่ไหน พี่สะใภ้ก็ร้องไห้เล่าว่า เก็บศพไว้ทำกงเต๊กเซ่นไหว้สามวันแล้วก็เอาไปเผาเสีย เพราะตัวคนเดียวไม่รู้ว่าจะไปหาฮวงซุ้ยที่ไหน นับแต่วันตายถึงวันนี้ก็ได้ห้าวัน

บู๊สงก็กลับไปที่พักบ้านเจ้าเมือง แต่งตัวไว้ทุกข์ชุดขาว แล้วนอนคำนึงถึงพี่ชาย ไม่เชื่อว่าจะป่วยตาย พอรุ่งเช้าจึงกลับไปซักถามนางพัวกิมเหลียนอีก เพื่อให้ได้รายละเอียดเพิ่มขึ้น ได้ความว่าเมื่อบู๊ตัวหนึงตายแล้ว นางพัวกิมเหลียนก็ไปตามตัว ห้อเกาเจ้ก เจ้าหน้าที่มาตรวจศพ แล้วให้นางเห็งโผไปซื้อหีบมาใส่ศพเอาไปเผา

บู๊สงก็ไม่พูดว่าอะไร กลับมาตามทหารไปหา ห้อเกาเจ้ก ขอเชิญไปปรึกษากันที่โรงสุรา แล้วชวนกันกินโต๊ะเสพสุราอยู่ครู่หนึ่ง บู๊สงก็ชักกระบี่ที่ซ่อนมาในเสื้อออกวางลงบนโต๊ะ ถามว่า

".....บู๊ตัวหนึงพี่เราตาย ท่านไปตรวจดูว่าตายดีตายร้าย จงบอกไปตามจริง แม้นปิดบังอำพรางไว้ เราจะฆ่าเสียเดี๋ยวนี้....."

ห้อเกาเจ้กก็หยิบเอาถุงที่ถือติดมือมาจากบ้าน ออกวางลงบนโต๊ะ แล้วบอกว่า ข้าพเจ้าเก็บของสองสิ่งนี้ไว้ให้ท่าน บู๊สงแก้ออกดูเห็นมีกระดูกอยู่สองชิ้น กับห่อเงินจึงขอให้ ห้อเกาเจ้กเล่าความทั้งหมดให้ฟัง

ห้อเกาเจ้กเล่าว่า ยายแก่ที่ชื่อนางเห็งโผเจ้าของโรงน้ำชา ใกล้บ้านบู๊ตัวหนึง มาบอกว่าสามีของนางพัวกิมเหลียนเจ็บในอกตาย ขอเชิญให้ไปตรวจศพ ขณะที่เดินทางไปถึงก็เจอกับชายชื่อ ไซบุนเข่ง มาเชิญไปเลี้ยงโต๊ะที่โรงสุรา แล้วก็เอาเงินให้สิบตำลึงเป็นค่าปิดปาก โดยให้ตรวจศพบู๊ตัวหนึงพอเป็นพิธี แล้วก็ให้เอาใส่หีบไปจัดการได้เลย ตนจึงไม่ยอมรับเงิน ไซบุนเข่งก็ ยัดเยียดให้รับ ตนคิดว่าศพนี้คงจะตายไม่ปกติ เมื่อไปตรวจดูศพก็รู้ว่าถูกวางยาพิษตาย แต่ไม่กล้าพูดความจริง เพราะกลัวไซบุนเข่ง จึงแกล้งทำเป็นลมหน้ามืดล้มลงแน่นิ่งไป พรรคพวกต้องช่วยกันพยุงกลับมาบ้าน ตนก็บอกเล่าให้ภรรยาฟัง ว่าศพบู๊ตัวหนึงไม่ใช่เจ็บป่วยตาย สืบไปภายหน้าการเรื่องนี้คงจะยืดยาวใหญ่โตแน่ แล้วตนก็บอกป่วย ให้เจ้าหน้าที่คนอื่นไปจัดการแทน

นางพัวกิมเหลียนก็จัดการเอาศพใส่หีบ นิมนต์หลวงจีนมาสวดทำกงเต๊กสามวัน แล้วเอาศพไปเผานอกกำแพงเมือง เมื่อถึงวันเผาห้อเกาเจ้กจึงจัดหาธูปเทียนกระดาษเงินกระดาษทองไปเซ่นไหว้ แล้วอยู่ร่วมพิธีเผา พอนางพัวกิมเหลียน กับนางเห็งโผหลบร้อนไปนั่งพักแต่ไกล ห้อเกาเจ้กทำเป็นเอาฟืนใส่ไฟ เขี่ยเอากระดูกออกมาจุ่มน้ำซ่อนไว้ในเสื้อสองชิ้น เมื่อศพไหม้หมดแล้ว นางพัวกิมเหลียนกับนางเห็งโผ ก็เก็บเศษกระดูกและเถ้าถ่าน ทิ้งลงแม่น้ำแล้วก็กลับไป

ห้อเกาเจ้กกลับมาบ้าน ก็เอากระดูกห่อกระดาษ รวมไว้กับห่อเงินที่ได้รับจาก ไซบุนเข่ง และจดไว้ว่าบู๊ตัวหนึงตายวันเดือนใด ผู้ไปตรวจศพชื่ออะไร มีใครไปงานศพกี่คน จดชื่อใส่บัญชีไว้แล้วห่อรวมกับกระดูก เก็บเอาไว้ให้บู๊สงเมื่อกลับมา

บู๊สงก็เอากระดูกและหนังสือนั้นเก็บไว้ แล้วถามว่าพอจะรู้หรือไม่ว่า มีผู้ใดร่วมมือกันฆ่าพี่ชาย ห้อเกาเจ้กบอกว่ามีผู้รู้เห็นมาก ถ้าอยากรู้รายละเอียดให้ไปถาม ฮุนกอ พ่อค้าผลไม้ดู บู๊สงก็พาห้อเกาเจ้กไปหาฮุนกอ ขอให้เล่าเรื่องเกี่ยวกับนางพัวกิมเหลียนตามที่รู้เห็น ฮุนกอบอกว่า

"..ข้าพเจ้าก็ต้องไปเป็นพยานไม่ต้องค้าขายกิน บิดาข้าพเจ้าไม่ตายเสียหรือ ด้วยบิดาแก่แล้วอายุเก้าสิบปีเศษแล้ว ท่านได้โปรดเถิด.."

บู๊สงว่าข้อนั้นไม่เป็นไร ซึ่งบิดาของเจ้านั้น เราไม่ให้อดอย่าวิตก เจ้ารู้เห็นอย่างไรจงเล่าไปตามความจริง

ฮุนกอก็เล่าว่า ตนอายุสิบหกปีอุตส่าห์ขายผลไม้หาเลี้ยงบิดา ตั้งแต่บิดาออกจากราชการมา วันหนึ่งมีผลไม้อย่างดีก็คิดจะเอาไปขายให้ไซบุนเข่งเถ้าแก่ร้านขายเครื่องยาแต่ไม่พบ มีผู้บอกว่าให้ไปหาที่โรงน้ำชาของนางเห็งโผ เพราะไซบุนเข่งแอบไปพบกับนางพัวกิมเหลียนที่นั่น เมื่อไปถึงก็ไม่เจอ นางเห็งโผบอกว่าไม่ได้อยู่ที่นี่ ฮุนกอดื้อจะเข้าไปข้างใน นางเห็งโผก็ทุบตีแล้วไล่ออกมา ฮุนกอเดินกลับมาก็เจอบู๊ตัวหนึงเข้ากลางทาง จึงเล่าเรื่องที่ได้ฟังมาให้รู้ แต่บู๊ตัวหนึงไม่รู้จักคนชื่อไซบุนเข่ง จึงนัดกันจะไปแอบดูที่โรงน้ำชา

พอวันรุ่งขึ้นฮุนกอไปคอยพบบู๊ตัวหนึงที่ตลาดขายของ รอเวลาอยู่จนสายจึงชวนกันไปถึงหน้าโรงน้ำชา บู๊ตัวหนึงแอบซ่อนตัวอยู่ ให้ฮุนกอไปด่าว่านางเห็งโผด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ นางเห็งโผก็โกรธออกจากโรงจะมาตี ฮุนกอจึงยึดตัวไว้ ปล่อยให้บู๊ตัวหนึงก็วิ่งเข้าไปในโรงน้ำชา ถึงห้องหนึ่งเดิมใส่กลอนไว้ พอไซบุนเข่งเปิดประตูออกมา บู๊ตัวหนึงก็เข้าไปจับไว้ เลยโดนถีบอกล้มลงอาเจียนเป็นโลหิตออกมา แล้วไซบุนเข่งก็หนีไป
นางเห็งโผก็เรียกนางพัวกิมเหลียน ออกมาจากโรงพาสามีกลับบ้าน

ฮุนกอเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงจึงวิ่งหนีไปเสีย บู๊ตัวหนึงก็เจ็บป่วยลุกไม่ได้นางพัวกิมเหลียนก็ไม่ดูแลรักษา คงแต่งตัวไปพบไซบุนเข่งที่โรงน้ำชาของนางเห็งโผทุกวัน ต่อมาอีกห้าหกวันจึงได้ยินเขาพูดกันว่าบู๊ตัวหนึงตาย

บู๊สงได้ฟังก็หยิบเงินส่งให้ฮุนกอห้าตำลึง บอกให้ไปซื้อสิ่งของไว้ให้บิดาก่อน ภายหลังจะให้อีก แล้วบู๊สงก็พาฮุนกอกับห้อเกาเจ้ก ไปทำเรื่องราวฟ้องร้องต่อเจ้าเมืองเอียงก๊กกุ้ยว่า ไซบุนเข่งเป็นชู้กับนางพัวกิมเหลียนพี่สะใภ้ แล้วคิดกันวางยาพิษฆ่าบู๊ตัวหนึงตาย มีห้อเกาเจ้กและฮุนกอเป็นพยาน

เจ้าเมืองซึ่งเป็นพวกไซบุนเข่ง และรับเงินทองไปแล้วก็ว่า

"...เจ้าเป็นขุนนางทำราชการอยู่ด้วยกัน แบบธรรมเนียมนั้นก็รู้อยู่ทุกอย่าง ซึ่งจะจับชู้ต้องจับให้ได้ทั้งสองคน ถ้าจะจับผู้ร้ายก็ต้องให้ได้ของกลาง แม้นว่าฆ่าฟันกันก็คงมีบาดแผลเป็นพยาน ความเรื่องนี้จับสิ่งใดไม่ได้ เจ้าอย่าเชื่อผู้อื่นให้วุ่นวายเลย จงไปตรึกตรองดูเถิด...."

บู๊สงก็กลับไปเอากระดูกกับห่อเงิน และหนังสือของห้อเกาเจ้กมาให้เจ้าเมืองแล้วว่า

"....ของสามสิ่งนี้มิใช่ข้าพเจ้าได้เอง มีผู้เก็บไว้ให้ จะเอาเป็นสำคัญไม่ได้หรือ....."

เจ้าเมืองก็รับไว้ แล้วว่าจะปรึกษากันดูก่อน ครั้นวันรุ่งขึ้น บู๊สงก็ไปถึงศาลขอทราบคำตัดสิน เจ้าเมืองซึ่งได้รับเงินจากไซบุนเข่งอีก ก็บอกว่า

".....ความเรื่องนี้จะว่ากล่าวขึ้นก็เป็นการใหญ่ ตัวเจ้าไม่ได้เห็นแก่ตาเอง ศพบู๊ตัวหนึงก็เผาเสียจะเอาของสิ่งใดเป็นสำคัญ และของสองสิ่งนี้เป็นแต่มีผู้เก็บไว้ให้ จะเชื่อถ้อยคำผู้อื่นนั้นเราชำระไม่ได้แล้ว....."

ว่าแล้วก็ส่งห่อของเหล่านั้นคืนให้ บู๊สงก็โกรธแค้นยิ่งนัก แต่ไม่รู้จะทำประการใด จึงรับเอาห่อของมาให้ห้อเกาเจ้กเก็บไว้ แล้วก็คิดว่า เมื่อทางราชการไม่ชำระความให้ ก็จะลงมือจัดการแก้แค้นเอง จะเป็นตายประการใดก็ตามเถิด แล้วก็ให้ห้อเกาเจ้กกับฮุนกอรออยู่ที่บ้าน

ส่วนตนเองพาทหารสี่ห้าคน ซื้อของสำหรับเซ่นไหว้ แล้วก็พากันไปบ้านนางพัวกิมเหลียน ร้องเรียกให้เปิดประตูรับ

นางพัวกิมเหลียนรู้ว่าเจ้าเมืองไม่ชำระความเรื่องบู๊ตัวหนึงตาย เพราะไซบุนเข่งติดสินบนก็ไม่นึกเกรงกลัวบู๊สง จึงเปิดประตูออกมาถามว่ามาธุระสิ่งใด บู๊สงก็ว่าจะมาเซ่นไหว้พี่ชาย และจะเชิญเพื่อนบ้านที่ได้ช่วยเหลืองานศพ มากินเลี้ยงตอบแทนคุณด้วย นางพัวกิมเหลียนก็ไม่ขัดข้อง

บู๊สงก็ไปเชิญนางเห็งโผ กับเพื่อนบ้านที่ค้าขายอยู่ใกล้เคียงกันอีกสี่คนมากินเลี้ยง โดยให้ทหารจัดโต๊ะรอไว้ เมื่อมาครบกันแล้วบู๊สงก็ให้สั่งให้ทหารเฝ้าประตูบ้านไว้ อย่าให้ใครออกได้ และให้ทุกคนเข้านั่งโต๊ะ แล้วบู๊สงก็พูดว่า

".....ท่านทั้งสี่อย่าตกใจ ข้าพเจ้าเชิญมาเป็นพยาน จะถามนางพัวกิมเหลียน กับยายเห็งโผว่า เดิมทีทำอย่างไรจึงรักใคร่กับไซบุนเข่ง คิดฆ่าบู๊ตัวหนึงพี่ชายเราเสีย จงเล่าให้ถี่ถ้วน ถ้าไม่บอกตามจริงคงได้เห็นกัน....."

นางพัวกิมเหลียนกับนางเห็งโผ ตกใจกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นบู๊สงเงื้อกระบี่ขึ้นจะฟัน ต่างก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง บู๊สงก็ให้ผู้เฒ่าที่เป็นพยานจดถ้อยคำไว้ พอจะเรียบเรียงได้ดังนี้

วันหนึ่งบู๊ตัวหนึงหาบของออกไปขายแล้ว นางพัวกิมเหลียนถือไม้ไผ่ราวผ้าจะออกไปตากที่ถนน เกิดราวผ้าไปโดนศรีษะไซบุนเข่งที่เดินผ่านมา นางจึงขอโทษไซบุนเข่งก็ว่าไม่เป็นไร ทั้งสองจึงเกิดชอบใจซึ่งกันและกันขึ้น นางเห็งโผซึ่งได้ตั้งโรงน้ำชาอยู่ใกล้กัน เห็นเหตุการณ์ก็ได้ช่องที่จะเป็นแม่สื่อแม่ชัก เพราะไซบุนเข่งนั้นมากินน้ำชาที่ร้านของนางบ่อย ๆ นางจึงเชิญไซบุนเข่งเข้าไปสนทนาในโรง

ไซบุนเข่งถามว่าหญิงที่ออกมาตากผ้าเมื่อกี้เป็นใคร นางเห็งโผก็บอกว่าชื่อพัวกิมเหลียนเป็นภรรยาของบู๊ตัวหนึง คนตัวเตี้ยที่หาบขนมเปียขายอยู่ในตลาด

ไซบุนเข่งก็ว่าน่าเสียดายหนักหนา เปรียบเหมือนเนื้อแพะอย่างดี มาตกอยู่ในปากสุนัข ไม่ควรเลย ไซบุนเข่งก็ถามทุกข์สุขของนางเห็งโผ แล้วขอให้ช่วยเป็นสื่อให้รู้จัก กับนางพัวกิมเหลียน จะให้รางวัลสิบตำลึง

นางเห็งโผก็แนะนำให้ประพฤติตัวห้าอย่างคือ หนึ่งต้องแต่งตัวนุ่งห่มให้งดงาม สองถ้าถึงที่คับแค้นสำคัญก็ต้องมุดคลาน อย่าถือตัวว่าเป็นผู้ดีมีทรัพย์สิน สามจะใช้สอยเงินทองมากน้อยเท่าใดอย่าได้เสียดาย สี่ถึงเขาจะด่าว่าเจ็บปวดประการใดก็อย่าโกรธ ห้าหมั่นเพียรไปมาอย่าเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไซบุนเข่งก็รับว่าทำได้

นางเห็งโผก็ดำเนินอุบายขั้นต้นให้ไซบุนเข่งซื้อผ้าแพรและสำลี มาจ้างให้ตัดเสื้อ แล้วตนก็ขอให้นางพัวกิมเหลียน ไปตัดเย็บเป็นเสื้อกันหนาว ที่โรงของตน อีกสามวันต่อมาไซบุนเข่งก็ไปหานางเห็งโผที่โรงน้ำชา จึงได้รู้จักกับนางพัวกิมเหลียน และกินโต๊ะสุราอาหารด้วยกัน นางเห็งโผทำอุบายออกไปซื้อสุราอาหารมาเพิ่มเติม แล้วก็ปิดประตูโรงเสีย ไซบุนเข่งพูดจาเกี้ยวพาราสีด้วยความเสน่หา นางพัวกิมเหลียนมีใจตรงกันอยู่แล้ว จึงได้เสียกันในวันนั้น

นางเห็งโผแกล้งไปเสียนาน กลับมาเห็นสองหญิงชายออกมาจากห้องข้างใน ก็ขู่ว่าจะไปฟ้องบู๊ตัวหนึง นางพัวกิมเหลียนอ้อนวอนขอว่าอย่าให้เกิดความยาวไป นางเห็งโผจึงบอกให้นางพัวกิมเหลียน มาที่โรงน้ำชาทุกวัน แล้วจะเก็บไว้เป็นความลับ นางพัวกิมเหลียนก็มาพบ ไซบุนเข่งที่โรงน้ำชาทุกวัน นางเห็งโผก็ได้รางวัลจากไซบุนเข่ง เป็นเงินตามสัญญา

จนเวลาล่วงมาได้ครึ่งเดือน ชาวบ้านใกล้เคียงก็รู้เรื่อง เล่าลือกันไป ฮุนกอก็พา บู๊ตัวหนึงมาจับสองชู้สาวได้ บู๊ตัวหนึงถูกไซบุนเข่งทำร้ายเจ็บป่วยอยู่สี่ห้าวันนางพัวกิมเหลียนก็ไม่เอาใจใส่ บู๊ตัวหนึงจึงว่า เจ้าไม่ปฏิบัติรักษาจะทิ้งให้ตายเสียก็แล้วไป บู๊สงน้องเรากลับมาก็จะได้เห็นกัน แม้นเจ้าอุตส่าห์ปฏิบัติรักษาให้เราหาย ถึงบู๊สงกลับมาก็จะปิดความเสียมิให้รู้ ถ้าไม่เชื่อก็ตามแต่ใจเถิด

นางพัวกิมเหลียนกลัวความชั่วจะแดงขึ้น จึงไปปรึกษานางเห็งโผว่าจะทำอย่างไรดี นางเห็งโผยุให้เอายาพิษให้กินเสียให้ตายไปเลย บู๊สงกลับมาก็บอกว่าป่วยตายก็สิ้นเรื่องไม่มีใครรู้ นางพัวกิมเหลียนก็ทำตาม จนบู๊ตัวหนึงตายแล้วก็ทำเป็นร้องไห้เศร้าโศก ไซบุนเข่งก็เอาเงินให้นางเห็งโผ ไปซื้อหีบมาใส่ศพ เชิญเจ้าหน้าที่มาตรวจ เมื่อทำบุญสามวันแล้วก็เอาศพไปเผาเสีย และตั้งป้ายชื่อบู๊ตัวหนึง เอาไว้เซ่นไหว้ที่บ้านตามธรรมเนียม

จนกระทั่งบู๊สงกลับมาจากราชการ และเห็นป้ายชื่อพี่ชายตั้งอยู่หน้าที่เซ่นไหว้ โดยไม่รู้เลยว่าขณะนั้นนางพัวกิมเหลียนยังนอนอยู่กับไซบุนเข่งในห้อง เมื่อได้ยินบู๊สงเรียกก็ตกใจรีบเปิดประตูหลังให้ไซบุนเข่งหนีไป แล้วจึงตักน้ำมาล้างหน้าแต่งตัวนุ่งห่มขาวออกมาต้อนรับ จนบู๊สงต่อว่าทำไมถึงได้ช้านัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่