เที่ยวเกาหลีครั้งแรกของเรา 2 คน #วันที่ 2
http://ppantip.com/topic/30125159
[CR]เที่ยวเกาหลีครั้งแรกของเรา 2 คน #วันที่ 3 - 4 (ตอนจบ)
http://ppantip.com/topic/30125536
และแล้วก็ถึงวันที่ได้ไปเกาหลีซักที หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ กับบริษัททัวร์ LET'S GO KOREA 5 วัน 3 คืน
** อาจจะมีคนโพสติดรูปทุกใบนะค่ะ เนื่องจากไปเที่ยวเองไม่มีใครเป็น sponsor ให้เลยเน้นรูปทุกใบต้องมี "ฉัน.."
เราไปกันวัน29มค.56 ไกด์นัด 20.30 เครื่องออกเวลา 00.20น. กับสายการบิน BUSINESS AIR ขาไปสถานบินเราเลือกใช้บริการแอร์พอตลิ้ง ค่าบริการคนละ90บ.
เวลาของประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าเรา2ชม. ซึ่งบนเครื่องจะมีการเสริฟอาหารและเครื่องดื่มให้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับพวกเรา ซึ่งวันนั้นจะมีให้เลือกระหว่างก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กับออมเล็ต (ไข่เจียวบ้านเรานั้นแหละ)
ซึ่งมาถึงแอน ก็เหลือแต่ออมเล็ตซะแล้ว
และแล้วก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่ 30มค.56 พี่ไกด์ให้พวกเรารีบขึ้นรถไฟไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง และไปรับกระเป๋า
ซึ่งการมาครั้งนี้ แอนกลัวมากๆเพราะเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรก และที่อ่านในเว็บ หลายคนบอกว่าตม.ที่นั้นโหดมาก คนไปเที่ยวเกาหลีหลายคนโดนส่งกลับ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้โหดอะไรเลย เราแค่ยื่นเอกสารให้ครบ โดยเอกสารที่จะยื่นก็มี Passport และบัตรเข้าเมือง
พร้อมกันยิ้มหวานๆเท่านั้น^ -- ^
ซึ่งที่สถานบินอินชอนจะต้องต่อรถไฟไปเพื่อไปด่านตม. ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ3-5น. หลังจากที่ผ่านตม.และรับกระเป๋า พี่ไกด์ให้พวกเราเปลี่ยนซื้อผ้าเป็นชุดสวยชุดหล่อในเวลา15น. และก็เดินมานั่งรอรถบัสที่จะพาพวกเราไปเที่ยว
และรถบัสเราก็มาถึง
ที่เที่ยวที่แรกของพวกเรา "หมู่บ้านฝรั่งเศส" ในวันนี้อุณหภูมิวันนี้อยู่ที่5องศา เราเลยจัดเต็มที่กะเสื้อผ้า ตามในภาพ ถ้าแต่งแบบนี้ในกรุงเทพ
รับรองว่ามีการเป็นลมแน่ๆ กางเกง4 ชั้น เสื้อ5ชั้น ถุงเท้า3 ชั้น ที่หมู่บ้านฝรั่งเศส สำหรับเรา เราว่าธรรมดานะ มีอาคาร และพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันให้ถ่ายรูป
มีร้านค้าทั้งอาหาร ,เสื้อผ้า
และมุมต่างๆให้ถ่ายรูป
ต่อมาก็มาทานอาหารมื้อที่2 นั้นคือมื้อเที่ยงของวันนี้ เมนูนี้ชื่อว่าอะไรก็ไม่รู้ หากใครรู้ช่วยบอกที รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว รสหวานๆเค็มๆ หากใครอร่อยติดใจก็ของผับเพิ่มได้
(ผับ แปลว่า ข้าว)
เพิ่มพลังเรียบร้อย ก็ไปเที่ยวโซลทาวเวอร์หรือที่คล้องกุญแจแห่งรักนั้นเอง
แนะนำหากเพื่อนๆต้องการคล้องกุญแจให้เตรียมกุญแจมาด้วย หรือสามารถหาซื้อได้จากมินิมาร์คก่อนเดินขึ้นเขา
เพราะว่าเราเป็นเด็กดี พี่ไกด์บอกให้เดินตามมาก่อน ก็เดินตามจริงๆ เมื่อขึ้นมาถึงก็ไม่ได้ซื้อกุญแจ เลยอดคล้องเลย แต่ไกด์บอกว่า หลังจากที่คล้องกุญแจเรียบร้อยให้แลกกันเก็บลูกกุญแจไว้แทนไม่ให้โยนทิ้ง (เราเลยแอบถ่ายกุญแจใครก็ไม่รู้มาแทน)
ซึ่งที่โซลทาวเวอร์สามารถขึ้นลิฟไปดูวิว หรือเข้าถ่ายรูปเท็ดดี้แบร์ได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (แต่มากับทัวร์เวลาที่ให้ก็น้อย เลยอดT^T)
แง่ววว ถ่ายรูปแทนก็ได้ เชอะ เดี๋ยวไม่คุ้ม
ที่ต่อไป "เกาะนามิ"แสนโรแมนติก เราต้องนั่งเรือข้ามฝากประมาณ5น. ซึ่งระหว่างทางเดินเข้าไป พื้นค่อนข้างเปียกเพระาหิมะเริ่มละลายบ้างแล้วแต่ยังคงหลงเหลืออยู่บางส่วน
มาถึงที่นี่ต้องถ่ายรูปกับทิวต้นสน ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในเรื่องเพลงรักในสายลมหนาว(The winter love song)
และรูปปั้นเบยองจุง หรือสองผัวเมียเจ้าของเกาะอย่างที่นักแสดงไทยบอกไว้5555
ซึ่งเรายังโชคดีได้เห็นหิมะจริงๆ ก่อนที่จะละลาย โอ้หิมะ แม่จะถอดถุงมือจับหิมะให้ถนัดซักครั้งนึงในชีวิตเลย ....แฮ่ๆเจ็บชื่นจิตชื่นใจ...
ยังไม่พอเท่านั้น ต้องเอามาโยนเล่นต่อ 55555
อีกซักแชะ
พี่ไกด์บอกว่ามาถึงที่เกาะนามิต้องลองมากินขนมแพนเค้กบ้านเขาดู ลักษณะเป็นแป้งทอด ด้านในมีใส้เป็นเม็ดทางตะวันกับน้ำตาลทรายแดง ราคา1,000วอน รสชาติอร่อยดี
ระหว่างทางจะมีเตาให้สำหรับผิงไฟเป็นจุดๆ เพื่อสำหรับคนขี้หนาวละมั้ง อิอิ (5555เราเข้าใจผิด แฟนมาเฉลยว่า มันเป็นเตาขายขนม ที่รูปร่างคล้าย ซาลาเปา อยู่ในนั้น)
อากาศหนาวขนาดน้ำพุเป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว
ก่อนกลับถ่ายกะป้ายโปสเตอร์ละครซักหน่อย
มาถึงมื้อเย็น Tak Calbi " ทัคคาลบี หรือไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี" เสริฟพร้อมเครื่องเคียง และข้าว เค้าว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนซอน เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำคลุกเคล้าเครื่องปรุง นำมาผัดบนกระทะยักษ์ (กระทะหอยทอดบ้านเรา)พร้อมด้วย Rice Cake หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว
แบบหนานุ่มของเกาหลีและสุดท้าย เอาข้าวลงมาผัดด้วย
แกล้มสาหร่าย โอเด้ง กิมจิ และข้าวสวยร้อนๆ วิธีการกินพี่ไกด์บอกว่า ให้นำผักกาดหอมมาห่อเนื้อไก่ที่สุกแล้ว และกินได้เลย เพื่อเป็นการ
ลดความร้อนของเนื้อไก่ และกินไปซักพักก็ให้นำข้าวไปผัดในกะทะ
หลังจากกินข้าวเรียบร้อยพวกเรานั้นรถอีกประมาณ2ชม.ได้ เพื่อไปที่สกีรีสอร์ท ซึ่งระหว่างทางพี่ไกด์ได้พาไปเช่าชุดเล่นสกี+อุปกรณ์ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย คนละ50,000วอน และเมื่อมาถึงที่พัก ซึ่งคืนแรกเราพักกันที่ "OAK VALLEY SKI RESORT " คุณพระ มันใหญ่และอลังการมาก ดูจากรูปเลยจ้า ห้องโถงระหว่างห้อง
มีห้องครัวเพื่อทำอาหาร หรือต้มมาม่า
ภายในห้องน้ำคล้ายๆกันทั้ง2ห้อง
หากใครหิวก็สามารถไปหาซื้ออะไรกินได้ที่มินิมาร์คที่ตึก C อยู่ชั้นใต้ดิน
บรรยากาศข้างนอกตึก สำหรับที่เล่นสกียามค่ำคืน อยากจะบอกว่ามันหนาวมาก ขนาดแฟนเราซื้อเบียร์มากิน ตั้งทิ้งไว้ไม่ถึง5น. หยิบขึ้นมาดื่ม ก็เย็นชื่นใจ หลังจากนั้นก็หลับไปด้วยความเพลีย
-- จบวันที่ 1 --
[CR] [CR] เที่ยวเกาหลีครั้งแรกของเรา 2 คน #วันที่ 1
http://ppantip.com/topic/30125159
[CR]เที่ยวเกาหลีครั้งแรกของเรา 2 คน #วันที่ 3 - 4 (ตอนจบ)
http://ppantip.com/topic/30125536
และแล้วก็ถึงวันที่ได้ไปเกาหลีซักที หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ กับบริษัททัวร์ LET'S GO KOREA 5 วัน 3 คืน
** อาจจะมีคนโพสติดรูปทุกใบนะค่ะ เนื่องจากไปเที่ยวเองไม่มีใครเป็น sponsor ให้เลยเน้นรูปทุกใบต้องมี "ฉัน.."
เราไปกันวัน29มค.56 ไกด์นัด 20.30 เครื่องออกเวลา 00.20น. กับสายการบิน BUSINESS AIR ขาไปสถานบินเราเลือกใช้บริการแอร์พอตลิ้ง ค่าบริการคนละ90บ.
เวลาของประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าเรา2ชม. ซึ่งบนเครื่องจะมีการเสริฟอาหารและเครื่องดื่มให้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับพวกเรา ซึ่งวันนั้นจะมีให้เลือกระหว่างก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กับออมเล็ต (ไข่เจียวบ้านเรานั้นแหละ)
ซึ่งมาถึงแอน ก็เหลือแต่ออมเล็ตซะแล้ว
และแล้วก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่ 30มค.56 พี่ไกด์ให้พวกเรารีบขึ้นรถไฟไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง และไปรับกระเป๋า
ซึ่งการมาครั้งนี้ แอนกลัวมากๆเพราะเป็นการมาต่างประเทศครั้งแรก และที่อ่านในเว็บ หลายคนบอกว่าตม.ที่นั้นโหดมาก คนไปเที่ยวเกาหลีหลายคนโดนส่งกลับ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้โหดอะไรเลย เราแค่ยื่นเอกสารให้ครบ โดยเอกสารที่จะยื่นก็มี Passport และบัตรเข้าเมือง
พร้อมกันยิ้มหวานๆเท่านั้น^ -- ^
ซึ่งที่สถานบินอินชอนจะต้องต่อรถไฟไปเพื่อไปด่านตม. ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ3-5น. หลังจากที่ผ่านตม.และรับกระเป๋า พี่ไกด์ให้พวกเราเปลี่ยนซื้อผ้าเป็นชุดสวยชุดหล่อในเวลา15น. และก็เดินมานั่งรอรถบัสที่จะพาพวกเราไปเที่ยว
และรถบัสเราก็มาถึง
ที่เที่ยวที่แรกของพวกเรา "หมู่บ้านฝรั่งเศส" ในวันนี้อุณหภูมิวันนี้อยู่ที่5องศา เราเลยจัดเต็มที่กะเสื้อผ้า ตามในภาพ ถ้าแต่งแบบนี้ในกรุงเทพ
รับรองว่ามีการเป็นลมแน่ๆ กางเกง4 ชั้น เสื้อ5ชั้น ถุงเท้า3 ชั้น ที่หมู่บ้านฝรั่งเศส สำหรับเรา เราว่าธรรมดานะ มีอาคาร และพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันให้ถ่ายรูป
มีร้านค้าทั้งอาหาร ,เสื้อผ้า
และมุมต่างๆให้ถ่ายรูป
ต่อมาก็มาทานอาหารมื้อที่2 นั้นคือมื้อเที่ยงของวันนี้ เมนูนี้ชื่อว่าอะไรก็ไม่รู้ หากใครรู้ช่วยบอกที รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว รสหวานๆเค็มๆ หากใครอร่อยติดใจก็ของผับเพิ่มได้
(ผับ แปลว่า ข้าว)
เพิ่มพลังเรียบร้อย ก็ไปเที่ยวโซลทาวเวอร์หรือที่คล้องกุญแจแห่งรักนั้นเอง
แนะนำหากเพื่อนๆต้องการคล้องกุญแจให้เตรียมกุญแจมาด้วย หรือสามารถหาซื้อได้จากมินิมาร์คก่อนเดินขึ้นเขา
เพราะว่าเราเป็นเด็กดี พี่ไกด์บอกให้เดินตามมาก่อน ก็เดินตามจริงๆ เมื่อขึ้นมาถึงก็ไม่ได้ซื้อกุญแจ เลยอดคล้องเลย แต่ไกด์บอกว่า หลังจากที่คล้องกุญแจเรียบร้อยให้แลกกันเก็บลูกกุญแจไว้แทนไม่ให้โยนทิ้ง (เราเลยแอบถ่ายกุญแจใครก็ไม่รู้มาแทน)
ซึ่งที่โซลทาวเวอร์สามารถขึ้นลิฟไปดูวิว หรือเข้าถ่ายรูปเท็ดดี้แบร์ได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (แต่มากับทัวร์เวลาที่ให้ก็น้อย เลยอดT^T)
แง่ววว ถ่ายรูปแทนก็ได้ เชอะ เดี๋ยวไม่คุ้ม
ที่ต่อไป "เกาะนามิ"แสนโรแมนติก เราต้องนั่งเรือข้ามฝากประมาณ5น. ซึ่งระหว่างทางเดินเข้าไป พื้นค่อนข้างเปียกเพระาหิมะเริ่มละลายบ้างแล้วแต่ยังคงหลงเหลืออยู่บางส่วน
มาถึงที่นี่ต้องถ่ายรูปกับทิวต้นสน ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในเรื่องเพลงรักในสายลมหนาว(The winter love song)
และรูปปั้นเบยองจุง หรือสองผัวเมียเจ้าของเกาะอย่างที่นักแสดงไทยบอกไว้5555
ซึ่งเรายังโชคดีได้เห็นหิมะจริงๆ ก่อนที่จะละลาย โอ้หิมะ แม่จะถอดถุงมือจับหิมะให้ถนัดซักครั้งนึงในชีวิตเลย ....แฮ่ๆเจ็บชื่นจิตชื่นใจ...
ยังไม่พอเท่านั้น ต้องเอามาโยนเล่นต่อ 55555
อีกซักแชะ
พี่ไกด์บอกว่ามาถึงที่เกาะนามิต้องลองมากินขนมแพนเค้กบ้านเขาดู ลักษณะเป็นแป้งทอด ด้านในมีใส้เป็นเม็ดทางตะวันกับน้ำตาลทรายแดง ราคา1,000วอน รสชาติอร่อยดี
ระหว่างทางจะมีเตาให้สำหรับผิงไฟเป็นจุดๆ เพื่อสำหรับคนขี้หนาวละมั้ง อิอิ (5555เราเข้าใจผิด แฟนมาเฉลยว่า มันเป็นเตาขายขนม ที่รูปร่างคล้าย ซาลาเปา อยู่ในนั้น)
อากาศหนาวขนาดน้ำพุเป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว
ก่อนกลับถ่ายกะป้ายโปสเตอร์ละครซักหน่อย
มาถึงมื้อเย็น Tak Calbi " ทัคคาลบี หรือไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี" เสริฟพร้อมเครื่องเคียง และข้าว เค้าว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนซอน เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำคลุกเคล้าเครื่องปรุง นำมาผัดบนกระทะยักษ์ (กระทะหอยทอดบ้านเรา)พร้อมด้วย Rice Cake หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว
แบบหนานุ่มของเกาหลีและสุดท้าย เอาข้าวลงมาผัดด้วย
แกล้มสาหร่าย โอเด้ง กิมจิ และข้าวสวยร้อนๆ วิธีการกินพี่ไกด์บอกว่า ให้นำผักกาดหอมมาห่อเนื้อไก่ที่สุกแล้ว และกินได้เลย เพื่อเป็นการ
ลดความร้อนของเนื้อไก่ และกินไปซักพักก็ให้นำข้าวไปผัดในกะทะ
หลังจากกินข้าวเรียบร้อยพวกเรานั้นรถอีกประมาณ2ชม.ได้ เพื่อไปที่สกีรีสอร์ท ซึ่งระหว่างทางพี่ไกด์ได้พาไปเช่าชุดเล่นสกี+อุปกรณ์ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย คนละ50,000วอน และเมื่อมาถึงที่พัก ซึ่งคืนแรกเราพักกันที่ "OAK VALLEY SKI RESORT " คุณพระ มันใหญ่และอลังการมาก ดูจากรูปเลยจ้า ห้องโถงระหว่างห้อง
มีห้องครัวเพื่อทำอาหาร หรือต้มมาม่า
ภายในห้องน้ำคล้ายๆกันทั้ง2ห้อง
หากใครหิวก็สามารถไปหาซื้ออะไรกินได้ที่มินิมาร์คที่ตึก C อยู่ชั้นใต้ดิน
บรรยากาศข้างนอกตึก สำหรับที่เล่นสกียามค่ำคืน อยากจะบอกว่ามันหนาวมาก ขนาดแฟนเราซื้อเบียร์มากิน ตั้งทิ้งไว้ไม่ถึง5น. หยิบขึ้นมาดื่ม ก็เย็นชื่นใจ หลังจากนั้นก็หลับไปด้วยความเพลีย
-- จบวันที่ 1 --