สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องที่อยากจะมาบอก สำหรับคนที่สนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยการไปกับบริษัททัวร์
เรื่องของเรายาวหน่อยนะคือ เราคิดไว้ว่าในชีวิตนี้ต้องไปญี่ปุ่นให้ได้ เห็นเพื่อนหลายๆคนไปเที่ยวกันเอง ยิ่งรู้สึกอยากไปมากเข้าไปอีก แต่ครั้งแรกเลยไม่มั่นใจถ้าจะไปเอง กลัวหลง เลยตัดสินใจไปกับทัวร์ดีกว่า ตั้งใจทำงานเก็บเงินมาทั้งปี เราดูโปรแกรมทัวร์หลายบริษัท หลายโปรแกรม จนไปเจอ บริษัทนึงเป็นบริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง และพอดูโปรแกรม คือมันดีมาก (ก.ล้านตัว) น่าสนใจสุดๆ มีครบทุกไฮไลท์ที่อยากไป เช่น ตลาดปลา วัดชื่อดัง ออนเซน เล่นสกี นอนสกีรีสอร์ต หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เมืองทาคายาม่า ปราสาทมัตสึโมโต้ นั่งกระเช้าไปชมฟูจิ เข้าโตเกียว ช้อปปิ้งที่ชินจูกุ กินบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์
แถมไม่มีปล่อยอิสระ (โปรแกรมที่ดูมามีแต่ปล่อยหมด) เราว่าอืมเข้าทางเรา ไม่มีอิสระมีรถรับส่งทุกวัน มี wifi บนรถ มีอาหารให้กินทุกวัน คือโอสุดๆ วันรุ่งขึ้นรีบโทรไปจองพร้อมโอนเงินอย่างไวเพราะกลัวจะเต็มซะก่อน (โปรแกรมดีๆอย่างนี้จะต้องมีคนสนใจเยอะแน่)
ทุกอย่างเรียบร้อยจนมาถึงวันเดินทาง
โปรแกรมคือ 5 วัน 3 คืน นะคะ (เค้านับวันที่นัดเจอที่สนามบินเป็น 1 วัน) ตื่นเต้นมากจะได้ไปญี่ปุ่นประเทศที่ใฝ่ฝัน บริษัทนัดให้มาเจอและโหลดกระเป๋า กรอกเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย แต่.....กว่าเครื่องออกอีก 4 ชม. แหนะ แต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานจะได้เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นละ ไม่ซีเรียส และแล้วก็ได้ขึ้นเครื่อง จนไปถึงสนามบินนาริตะประมาณ 10 โมงกว่าได้ พอขึ้นรถบัสก็ตามถึง wifi เพราะเค้าบอกว่ามีเลยไม่ได้ซื้อมา ปรากฏไม่มีให้ค่า อ้าวยังไงซวยละไม่มีเน็ต แต่ทำอะไรไม่ได้ก็เลยตามเลย ตามโปรแกรมพอถึงนาริตะ ต้องไปตลาดปลา แต่สุดท้ายไกด์บอกตลาดปลาปิดแล้วเราไปไม่ทัน เลยให้ไปกินข้าวเที่ยงเลย เราก็อ้าวตลาดปลาคือไฮไลท์ที่อยากจะไป แล้วก็อด ลงเครื่องมาเวลาเดียวกับที่ตลาดปลาปิดคืออะไร ทัวร์เค้าคำนวนยังไงเนี่ย?????...เอาละในเมื่อไม่ทันก็ทำอะไรไม่ได้ กินข้าวก็กิน พอไปถึงร้านอาหาร เราก็หมายใจว่าจะได้กินอะไรที่ญี่ปู๊นญี่ปุ่น ข้าวปั้นต้องมา ซาซิมิต้องมี พอไปถึงเป็นหม้อไฟเล็กๆ มีซาซิมิจริงๆด้วย แต่น้อยเหลือเกิน 3-4 ชิ้นเล็กๆ กินคำเดียวคือหมด5555 พอกินข้าวเสร็จก็ต้องเดินทางไปเมืองไกลๆเพื่อที่คืนนี้ต้องไปนอนรีสอร์ต เพื่อเล่นสกีตอนเช้า แต่เราตามโปรแกรมคือต้องไปวัดก่อนเข้าที่พักนะ ออกเดินทางจากร้านอาหารไปวัด ตามตารางบอกประมาณ 4 ชม. แต่เราคำนวนดูแล้วมันน่าจะ 6-7 ชม.เลย เพราะเราไปถึงวัดประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งอะไรรู้ไม๊เอ่ย วัดปิด 4 โมงเย็นค่ะ แต่ไกด์บอกยังไงเราก็ต้องไปเพราะมันอยู่ในโปรแกรม อ้าวยืนยันอย่างนั้น ไปก็ไป ลงรถไปเดินให้หนาวเล่นๆ มองอะไรไม่เห็นซักอย่าง ถ่ายรูปอยู่ในมุมมืด แล้วก็กลับไปที่พักใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ ชม.นึง ถึง รร.ซักประมาณเกือบ 3 ทุ่ม ไปกินข้าวเย็นก่อนค่ะ (ตอน3ทุ่ม)แล้วก็ได้ไปออนเซนแปบนึงก่อนเข้านอน ลงรูปในโปรแกรมดูดีมาก พอไปถึงเป็นบ่อเล็กๆลง 3 คนก็เต็มละสรุปนับเป็น 2 วันแล้วยังไม่ได้อะไรเลย วันนี้รวมๆแล้วนั่งรถเกิน 10 ชม.
วันรุ่งขึ้นมื้อเช้าคือน้อยมาก มีสลัดจากเล็กๆ ปลาแห้งๆชิ้นนึงกินคำเดียวหมด ซุปหม้อนึง ไข่2ชิ้น พอกินเสร็จ ต้องไปเล่นสกี แต่แย่จังฝนดันตกเมื่อคืนทำให้หิมะละลาย จึงได้แต่นั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อไปถ่ายรูป ข้างบนภูเขามีหิมะแต่ไกด์บอกเป็นหิมะแรก ยังเล่นสกีไม่ได้ (ค่าขึ้นกระเช้าจ่ายคนละ 500 เยน ใครไม่ขึ้นเดินเล่นรอบ รร.)พอดูหิมะเสร็จแล้ว เดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่เป็นสุดยอดไฮไลท์อีกที่หนึ่ง แต่ฝนตกหนัก ลมพัดแรง ฝนตกเข้าใจได้เรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ก่อนไปหมู่บ้านไกด์ให้ไปกินข้าวเที่ยงก่อน มื้อนี้ประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อาหารคือเต้าหู้ ปลาเล็กๆตัวนึง แล้วก็เต้าเจี้ยววางบนใบไม้ชื่ออะไรซักอย่าง คือแบบมื้อนี้กินแต่ข้าวกับซุปหนักๆเลยค่ะ อย่างน้อยกินข้าวคือได้อยู่ท้องละ พอกินเสร็จรถพาลงไปที่หมู่บ้าน ไกด์ให้เวลาครึ่ง ชม. มาแล้วก็ต้องลงอะนะ ฝนตกก็กางร่มไปลุยเลย หนาวมาก ลมพัดแรงร่มนี่แทบพังเลย ขึ้นรถไปต่อที่เมืองทาคายาม่า พาไปดูที่ทำการเมืองแต่ไม่ได้เข้าค่ะ ถ่ายรูปหน้ากำแพงใครไม่ถ่ายไปเดินเล่นได้ แล้วให้ขึ้นรถ คือไร??
พาเดินมาตั้งไกลแต่ไม่ให้เข้า ในที่สุดต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม ถ้าบอกว่าแค่ถ่ายกับหน้ากำแพงก็จบละ จะได้ไปร้านขายของเลย เดินย้อนมาเสียเวลา จากนั้นนั่งรถมาเมืองมัตซึโมโต้ กินข้าวเย็น วันนี้อาหารค่อนข้างดี คือมีหม้อไฟหม้อใหญ่ ไก่คาราอาเกะ ไส้กรอก ปลาดอลลี่ชุปแป้งทอด (แจ้งว่าเป็นบุฟเฟ่ต์เติมได้ แต่พอจะเติมของบอกว่าเติมได้แต่ข้าวกับน้ำซุป คือ????) ทำใจกินเสร็จแล้วไปนอน ผ่านไปอีกวันแล้ว
วันนี้โปรแกรมค่อนข้างแน่น เลยตกลงกันว่าวันนี้จะทำเวลาเร็วๆเพื่อที่จะได้มีเวลาช้อปปิ้งที่ชินจูกุเยอะๆ
(ทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก รีบลุกรีบเดิน รีบถ่ายรูป รีบขึ้นรถ) เช้าไปปราสาทมัตสึโมโต้ ถ่ายกับด้านนอกปราสาทแปบนึง ขึ้นรถ ไปนั่งกระเช้าเพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ โชคดีไม่ขี้อายได้เห็นชัดเจน วันนี้มีความสุขมาก จากนั้นลงมากินข้าว มื้อนี้ก็เป็นผักกับราเมนถ้วยเล็กๆ ปลาตัวเล็กๆชุปแป้งทอด (กินข้าวเข้าไปเยอะๆอีกแล้วค่ะ) แวะลงไปถ่ายรูปโตเกียวสกายทรี แปบนึงแล้วรีบเดินต่อไปวัดอาซะกุซ่าคันนอน ได้ไหว้พระ กวักควันธูปเพื่อเป็นสิริมงคลเหมือนเอาเงินเอาของใส่เข้ากระเป๋า ถ่ายรูปกับโคมไฟขนาดยักษ์ ทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามแผน เวลาดีมากจริงๆวันนี้ ที่สุดท้ายที่รอคอยไฮไลท์วันนี้คือชินจูกุ ดูเวลาแล้วจะถึงซัก 4โมง แต่คุยกันไว้ว่านัดร้านอาหารไว้ 5 โมง ไกด์เลยโทไปบอกว่าขอเป็น 4.30 เลยได้ไหม พอกินเสร็จจะได้มีเวลาช้อปยาวๆไปเลย สรุปร้านอาหารตกลง ทุกคนในรถดีใจ แต่จู่ๆรถก็ขับเลยร้านอาหารที่บอกว่าอยู่ใจกลางชินจูกุไปไกลมากและจอดอยู่เฉยๆครึ่ง ชม. ทุกคน งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเสียเวลาไปครึ่ง ชม.โดยเปล่าประโยชน์ และแล้วรถก็ออก ไกด์มาบอกว่าพอดีมีการเปลี่ยนร้านอาหารกระทันหัน เลยต้องไปกินอีกที่ที่ไกลเมืองไป พอไปถึงวันนี้ไฮไลท์คือบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ และเค้าก็มีอาหารอีกหลายอย่าง มีหม้อไฟหม้อใหญ่ด้วย เอาละจัดการปูของโปรดก่อน แต่คือเค้ามีปูวางไว้ให้ 1 จาน แล้วถ้าเรากินหมดค่อยขอใหม่ได้ทีละจาน เราก็มีความสุขกับการกินปูไปจนหมดจานแรก ก็สั่งจานใหม่มา ปรากฏ แป้งทอด ลูกชิ้น อะไรไม่รู้มาด้วยกับปู อ้าวไม่เป็นไรก็กินต่อไป จนปูหมดขอจานที่ 3 ปูมาแต่มาพร้อมไข่ทอด หมี่ผัด ก็ งง สั่งปูทีนึงต้องมีอะไรมาให้กินด้วยตลอด คืออยากให้อิ่มก็บอกยัดเยียดแป้งมาให้ขนาดนี้ ไม่กินแล้วปงปู......เอาละอิ่มท้องพร้อมช้อปปิ้ง รีบขึ้นรถอย่างไว แต่คือร้านที่มากินออกนอกเมืองมาไกลพอสมควรรถติดไปอีก 1 ชม.สวยๆ ทำให้ตอนนี้มีเวลาช้อปแค่ไม่ถึง 1 ชม. เพราะมีเวลาช้อปถึงแค่ 2 ทุ่มเท่านั้น แต่ทุกคนบนรถขอให้ได้มากกว่านี้ไกด์เลยไปคุยกับคนขับรถ สรุปให้ถึง 2ทุ่มครึ่ง แต่เราต้องมารอรถ ดังนั้นต้องมารอที่นัดหมายก่อน 2ทุ่มครึ่ง รถติดเสียเวลามากกว่าจะได้ลงจากรถ คำนวนเวลาแล้วมีเวลาช้อปแค่ 1ชม.20 นาที ความรู้สึกคือแย่มากอะ ที่ทำดีทำไวมาตลอดทั้งวันเพื่อมาช้อป 1ชม.20นาทีนี้หรอ (ใบสั่งที่ยาวเป็นหางว่าวได้แต่เครื่องสำอางค่ะ) ไม่มีเวลาเดินเลือก เดินดู หรือว่าลอง ของที่ตั้งใจไปซื้อต้องใช้เวลาเลือก แต่ไม่มีเวลาอะ เลยได้แต่ซื้อของกินมาค่ะ ง่ายสุดหยิบๆใส่ตะกร้าเลย เข้าที่พักเถอะค่ะ ล้าทั้งกายใจแล้ววันนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายของทริป ใจนึงก็คิดว่ายังไม่ได้รับบรรยากาศจริงๆเลยซักวันอยากอยู่ต่ออีกหน่อย อีกใจก็อยากกลับบ้านแล้ว อยู่ญี่ปุ่นแต่เหมือนไม่ได้อะไรเลย ไม่มีความทรงจำดีๆเลย เช้ามาไปห้างค่ะ แต่ของที่จะต้องซื้อคืออยู่ที่ชินจูกุ มาห้างไปก็เท่านั้น สอยของกินมาอย่างหนักหน่วง ของที่เค้าฝากซื้อไม่มีที่นี่ เอาขนมไปฝากแทนแล้วกัน จากนั้นตรงมาสนามบินค่ะ ดีใจที่จะได้กลับบ้านแล้ว และแล้วเครื่องก็ดีเลย์อีก 1ชม.ครึ่ง ค่ะ บอกเลยว่าญี่ปุ่นทริปนี้ จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ อยากฝากถึงเพื่อนๆที่สนใจจะไปเที่ยวกับทัวร์ ศึกษาดีๆนะคะ สอบถามข้อมูลเยอะๆ ถ้ามีการยืนยันบอกรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรยิ่งดีค่ะ ถ้ามันไม่เป็นตามโปรแกรมจะได้มีอะไรยืนยันค่ะ ไม่อยากให้มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีแบบเรา ของเราโปรแกรมตรงนะคะไปไหนบ้าง แต่เวลาไม่เป็นไปตามที่ลงค่ะ ที่ๆต้องมีเวลาเยอะก็ได้น้อย เพลียค่ะ เงินที่เก็บมาทั้งปีเหมือนเอาไปโยนทิ้งเล่นๆ ไม่รู้สึกว่าคุ้มอะไรเลย ขอโทษที่เขียนซะยาวแต่มันอัดอั้นจริงๆอ่า ขอบคุณทุกคนด้วยที่อ่านมาจนจบ
ญี่ปุ่นทริปนี้ ไม่มีวันลืม...............
เรื่องของเรายาวหน่อยนะคือ เราคิดไว้ว่าในชีวิตนี้ต้องไปญี่ปุ่นให้ได้ เห็นเพื่อนหลายๆคนไปเที่ยวกันเอง ยิ่งรู้สึกอยากไปมากเข้าไปอีก แต่ครั้งแรกเลยไม่มั่นใจถ้าจะไปเอง กลัวหลง เลยตัดสินใจไปกับทัวร์ดีกว่า ตั้งใจทำงานเก็บเงินมาทั้งปี เราดูโปรแกรมทัวร์หลายบริษัท หลายโปรแกรม จนไปเจอ บริษัทนึงเป็นบริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง และพอดูโปรแกรม คือมันดีมาก (ก.ล้านตัว) น่าสนใจสุดๆ มีครบทุกไฮไลท์ที่อยากไป เช่น ตลาดปลา วัดชื่อดัง ออนเซน เล่นสกี นอนสกีรีสอร์ต หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เมืองทาคายาม่า ปราสาทมัตสึโมโต้ นั่งกระเช้าไปชมฟูจิ เข้าโตเกียว ช้อปปิ้งที่ชินจูกุ กินบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ แถมไม่มีปล่อยอิสระ (โปรแกรมที่ดูมามีแต่ปล่อยหมด) เราว่าอืมเข้าทางเรา ไม่มีอิสระมีรถรับส่งทุกวัน มี wifi บนรถ มีอาหารให้กินทุกวัน คือโอสุดๆ วันรุ่งขึ้นรีบโทรไปจองพร้อมโอนเงินอย่างไวเพราะกลัวจะเต็มซะก่อน (โปรแกรมดีๆอย่างนี้จะต้องมีคนสนใจเยอะแน่)
ทุกอย่างเรียบร้อยจนมาถึงวันเดินทาง โปรแกรมคือ 5 วัน 3 คืน นะคะ (เค้านับวันที่นัดเจอที่สนามบินเป็น 1 วัน) ตื่นเต้นมากจะได้ไปญี่ปุ่นประเทศที่ใฝ่ฝัน บริษัทนัดให้มาเจอและโหลดกระเป๋า กรอกเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย แต่.....กว่าเครื่องออกอีก 4 ชม. แหนะ แต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานจะได้เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นละ ไม่ซีเรียส และแล้วก็ได้ขึ้นเครื่อง จนไปถึงสนามบินนาริตะประมาณ 10 โมงกว่าได้ พอขึ้นรถบัสก็ตามถึง wifi เพราะเค้าบอกว่ามีเลยไม่ได้ซื้อมา ปรากฏไม่มีให้ค่า อ้าวยังไงซวยละไม่มีเน็ต แต่ทำอะไรไม่ได้ก็เลยตามเลย ตามโปรแกรมพอถึงนาริตะ ต้องไปตลาดปลา แต่สุดท้ายไกด์บอกตลาดปลาปิดแล้วเราไปไม่ทัน เลยให้ไปกินข้าวเที่ยงเลย เราก็อ้าวตลาดปลาคือไฮไลท์ที่อยากจะไป แล้วก็อด ลงเครื่องมาเวลาเดียวกับที่ตลาดปลาปิดคืออะไร ทัวร์เค้าคำนวนยังไงเนี่ย?????...เอาละในเมื่อไม่ทันก็ทำอะไรไม่ได้ กินข้าวก็กิน พอไปถึงร้านอาหาร เราก็หมายใจว่าจะได้กินอะไรที่ญี่ปู๊นญี่ปุ่น ข้าวปั้นต้องมา ซาซิมิต้องมี พอไปถึงเป็นหม้อไฟเล็กๆ มีซาซิมิจริงๆด้วย แต่น้อยเหลือเกิน 3-4 ชิ้นเล็กๆ กินคำเดียวคือหมด5555 พอกินข้าวเสร็จก็ต้องเดินทางไปเมืองไกลๆเพื่อที่คืนนี้ต้องไปนอนรีสอร์ต เพื่อเล่นสกีตอนเช้า แต่เราตามโปรแกรมคือต้องไปวัดก่อนเข้าที่พักนะ ออกเดินทางจากร้านอาหารไปวัด ตามตารางบอกประมาณ 4 ชม. แต่เราคำนวนดูแล้วมันน่าจะ 6-7 ชม.เลย เพราะเราไปถึงวัดประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งอะไรรู้ไม๊เอ่ย วัดปิด 4 โมงเย็นค่ะ แต่ไกด์บอกยังไงเราก็ต้องไปเพราะมันอยู่ในโปรแกรม อ้าวยืนยันอย่างนั้น ไปก็ไป ลงรถไปเดินให้หนาวเล่นๆ มองอะไรไม่เห็นซักอย่าง ถ่ายรูปอยู่ในมุมมืด แล้วก็กลับไปที่พักใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ ชม.นึง ถึง รร.ซักประมาณเกือบ 3 ทุ่ม ไปกินข้าวเย็นก่อนค่ะ (ตอน3ทุ่ม)แล้วก็ได้ไปออนเซนแปบนึงก่อนเข้านอน ลงรูปในโปรแกรมดูดีมาก พอไปถึงเป็นบ่อเล็กๆลง 3 คนก็เต็มละสรุปนับเป็น 2 วันแล้วยังไม่ได้อะไรเลย วันนี้รวมๆแล้วนั่งรถเกิน 10 ชม.
วันรุ่งขึ้นมื้อเช้าคือน้อยมาก มีสลัดจากเล็กๆ ปลาแห้งๆชิ้นนึงกินคำเดียวหมด ซุปหม้อนึง ไข่2ชิ้น พอกินเสร็จ ต้องไปเล่นสกี แต่แย่จังฝนดันตกเมื่อคืนทำให้หิมะละลาย จึงได้แต่นั่งกระเช้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อไปถ่ายรูป ข้างบนภูเขามีหิมะแต่ไกด์บอกเป็นหิมะแรก ยังเล่นสกีไม่ได้ (ค่าขึ้นกระเช้าจ่ายคนละ 500 เยน ใครไม่ขึ้นเดินเล่นรอบ รร.)พอดูหิมะเสร็จแล้ว เดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่เป็นสุดยอดไฮไลท์อีกที่หนึ่ง แต่ฝนตกหนัก ลมพัดแรง ฝนตกเข้าใจได้เรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ก่อนไปหมู่บ้านไกด์ให้ไปกินข้าวเที่ยงก่อน มื้อนี้ประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อาหารคือเต้าหู้ ปลาเล็กๆตัวนึง แล้วก็เต้าเจี้ยววางบนใบไม้ชื่ออะไรซักอย่าง คือแบบมื้อนี้กินแต่ข้าวกับซุปหนักๆเลยค่ะ อย่างน้อยกินข้าวคือได้อยู่ท้องละ พอกินเสร็จรถพาลงไปที่หมู่บ้าน ไกด์ให้เวลาครึ่ง ชม. มาแล้วก็ต้องลงอะนะ ฝนตกก็กางร่มไปลุยเลย หนาวมาก ลมพัดแรงร่มนี่แทบพังเลย ขึ้นรถไปต่อที่เมืองทาคายาม่า พาไปดูที่ทำการเมืองแต่ไม่ได้เข้าค่ะ ถ่ายรูปหน้ากำแพงใครไม่ถ่ายไปเดินเล่นได้ แล้วให้ขึ้นรถ คือไร?? พาเดินมาตั้งไกลแต่ไม่ให้เข้า ในที่สุดต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม ถ้าบอกว่าแค่ถ่ายกับหน้ากำแพงก็จบละ จะได้ไปร้านขายของเลย เดินย้อนมาเสียเวลา จากนั้นนั่งรถมาเมืองมัตซึโมโต้ กินข้าวเย็น วันนี้อาหารค่อนข้างดี คือมีหม้อไฟหม้อใหญ่ ไก่คาราอาเกะ ไส้กรอก ปลาดอลลี่ชุปแป้งทอด (แจ้งว่าเป็นบุฟเฟ่ต์เติมได้ แต่พอจะเติมของบอกว่าเติมได้แต่ข้าวกับน้ำซุป คือ????) ทำใจกินเสร็จแล้วไปนอน ผ่านไปอีกวันแล้ว
วันนี้โปรแกรมค่อนข้างแน่น เลยตกลงกันว่าวันนี้จะทำเวลาเร็วๆเพื่อที่จะได้มีเวลาช้อปปิ้งที่ชินจูกุเยอะๆ (ทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก รีบลุกรีบเดิน รีบถ่ายรูป รีบขึ้นรถ) เช้าไปปราสาทมัตสึโมโต้ ถ่ายกับด้านนอกปราสาทแปบนึง ขึ้นรถ ไปนั่งกระเช้าเพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ โชคดีไม่ขี้อายได้เห็นชัดเจน วันนี้มีความสุขมาก จากนั้นลงมากินข้าว มื้อนี้ก็เป็นผักกับราเมนถ้วยเล็กๆ ปลาตัวเล็กๆชุปแป้งทอด (กินข้าวเข้าไปเยอะๆอีกแล้วค่ะ) แวะลงไปถ่ายรูปโตเกียวสกายทรี แปบนึงแล้วรีบเดินต่อไปวัดอาซะกุซ่าคันนอน ได้ไหว้พระ กวักควันธูปเพื่อเป็นสิริมงคลเหมือนเอาเงินเอาของใส่เข้ากระเป๋า ถ่ายรูปกับโคมไฟขนาดยักษ์ ทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามแผน เวลาดีมากจริงๆวันนี้ ที่สุดท้ายที่รอคอยไฮไลท์วันนี้คือชินจูกุ ดูเวลาแล้วจะถึงซัก 4โมง แต่คุยกันไว้ว่านัดร้านอาหารไว้ 5 โมง ไกด์เลยโทไปบอกว่าขอเป็น 4.30 เลยได้ไหม พอกินเสร็จจะได้มีเวลาช้อปยาวๆไปเลย สรุปร้านอาหารตกลง ทุกคนในรถดีใจ แต่จู่ๆรถก็ขับเลยร้านอาหารที่บอกว่าอยู่ใจกลางชินจูกุไปไกลมากและจอดอยู่เฉยๆครึ่ง ชม. ทุกคน งง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเสียเวลาไปครึ่ง ชม.โดยเปล่าประโยชน์ และแล้วรถก็ออก ไกด์มาบอกว่าพอดีมีการเปลี่ยนร้านอาหารกระทันหัน เลยต้องไปกินอีกที่ที่ไกลเมืองไป พอไปถึงวันนี้ไฮไลท์คือบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ และเค้าก็มีอาหารอีกหลายอย่าง มีหม้อไฟหม้อใหญ่ด้วย เอาละจัดการปูของโปรดก่อน แต่คือเค้ามีปูวางไว้ให้ 1 จาน แล้วถ้าเรากินหมดค่อยขอใหม่ได้ทีละจาน เราก็มีความสุขกับการกินปูไปจนหมดจานแรก ก็สั่งจานใหม่มา ปรากฏ แป้งทอด ลูกชิ้น อะไรไม่รู้มาด้วยกับปู อ้าวไม่เป็นไรก็กินต่อไป จนปูหมดขอจานที่ 3 ปูมาแต่มาพร้อมไข่ทอด หมี่ผัด ก็ งง สั่งปูทีนึงต้องมีอะไรมาให้กินด้วยตลอด คืออยากให้อิ่มก็บอกยัดเยียดแป้งมาให้ขนาดนี้ ไม่กินแล้วปงปู......เอาละอิ่มท้องพร้อมช้อปปิ้ง รีบขึ้นรถอย่างไว แต่คือร้านที่มากินออกนอกเมืองมาไกลพอสมควรรถติดไปอีก 1 ชม.สวยๆ ทำให้ตอนนี้มีเวลาช้อปแค่ไม่ถึง 1 ชม. เพราะมีเวลาช้อปถึงแค่ 2 ทุ่มเท่านั้น แต่ทุกคนบนรถขอให้ได้มากกว่านี้ไกด์เลยไปคุยกับคนขับรถ สรุปให้ถึง 2ทุ่มครึ่ง แต่เราต้องมารอรถ ดังนั้นต้องมารอที่นัดหมายก่อน 2ทุ่มครึ่ง รถติดเสียเวลามากกว่าจะได้ลงจากรถ คำนวนเวลาแล้วมีเวลาช้อปแค่ 1ชม.20 นาที ความรู้สึกคือแย่มากอะ ที่ทำดีทำไวมาตลอดทั้งวันเพื่อมาช้อป 1ชม.20นาทีนี้หรอ (ใบสั่งที่ยาวเป็นหางว่าวได้แต่เครื่องสำอางค่ะ) ไม่มีเวลาเดินเลือก เดินดู หรือว่าลอง ของที่ตั้งใจไปซื้อต้องใช้เวลาเลือก แต่ไม่มีเวลาอะ เลยได้แต่ซื้อของกินมาค่ะ ง่ายสุดหยิบๆใส่ตะกร้าเลย เข้าที่พักเถอะค่ะ ล้าทั้งกายใจแล้ววันนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น วันสุดท้ายของทริป ใจนึงก็คิดว่ายังไม่ได้รับบรรยากาศจริงๆเลยซักวันอยากอยู่ต่ออีกหน่อย อีกใจก็อยากกลับบ้านแล้ว อยู่ญี่ปุ่นแต่เหมือนไม่ได้อะไรเลย ไม่มีความทรงจำดีๆเลย เช้ามาไปห้างค่ะ แต่ของที่จะต้องซื้อคืออยู่ที่ชินจูกุ มาห้างไปก็เท่านั้น สอยของกินมาอย่างหนักหน่วง ของที่เค้าฝากซื้อไม่มีที่นี่ เอาขนมไปฝากแทนแล้วกัน จากนั้นตรงมาสนามบินค่ะ ดีใจที่จะได้กลับบ้านแล้ว และแล้วเครื่องก็ดีเลย์อีก 1ชม.ครึ่ง ค่ะ บอกเลยว่าญี่ปุ่นทริปนี้ จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ อยากฝากถึงเพื่อนๆที่สนใจจะไปเที่ยวกับทัวร์ ศึกษาดีๆนะคะ สอบถามข้อมูลเยอะๆ ถ้ามีการยืนยันบอกรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรยิ่งดีค่ะ ถ้ามันไม่เป็นตามโปรแกรมจะได้มีอะไรยืนยันค่ะ ไม่อยากให้มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีแบบเรา ของเราโปรแกรมตรงนะคะไปไหนบ้าง แต่เวลาไม่เป็นไปตามที่ลงค่ะ ที่ๆต้องมีเวลาเยอะก็ได้น้อย เพลียค่ะ เงินที่เก็บมาทั้งปีเหมือนเอาไปโยนทิ้งเล่นๆ ไม่รู้สึกว่าคุ้มอะไรเลย ขอโทษที่เขียนซะยาวแต่มันอัดอั้นจริงๆอ่า ขอบคุณทุกคนด้วยที่อ่านมาจนจบ